ตอนที่ 07.ความสามารถของฟางหลิน
เมื่อการทดสอบได้เริ่มต้นขึ้นเหล่าเด็กๆก็เริ่มทยอยไปเข้าแถวรอรับการทดสอบ ซึ่งกฏการทดสอบก็มีเพียง 2 ข้อเท่านั้นโดยอย่างแรกคือเด็กคนนั้นจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 10 ปีและไม่เกิน 15 ปีและ 2 เด็กคนนั้นจะต้องอยู่ในระดับผสานรากฐานขั้นต้นเป็นอย่างต่ำ โดยคนแรกที่ขึ้นไปทำการทดสอบไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นฟางหลินนั่นเองที่จะเข้ารับการทดสอบเป็นคนแรก
"เอาล่ะฟางหลิน เจ้าเข้ามาทดสอบต่อหน้าผู้อาวุโสเสียสิ" ผู้นำหมู่บ้านกล่าว
"เจ้าค่ะ ข้าฟางหลินจะขอทำการทดสอบ ณ บัดนี้เจ้าค่ะ" ฟางหลินกล่าวและคาราวะต่อผู้อาวุโสทั้ง 4
"อืม เอาล่ะเริ่มการทดสอบได้" อาวุโสของนิกายจรัสแสงกล่าว
จากนั้นฟางหลินก็ไม่รอช้าเดินขึ้นไปตรงหน้าแท่นทดสอบ และจากนั้นจึงสูดหายใจเข้าก่อนจะรวบรวมพลังฟาดฝ่ามือไปที่แท่นทดสอบอันแรกทันที
ปึง!! ตึมม!! และเมื่อผลลัพย์ที่ปรากฏออกมาก็ทำให้เหล่าอาวุโสพอใจอย่างมาก เนื่องจากฟางหลินมีพละกำลังอยู่ที่ 200 จินพอดี เท่ากับว่านางอยู่ในขั้นผสานรากฐานขั้นปลายแล้วนั่นเอง
"ยอดเยี่ยมมากๆ เอาล่ะขั้นต่อไป" ผู้อาวุโสสำนักเพลิงสีนิลกล่าวและให้ทดสอบต่อ
จากนั้นฟางหลินก็เดินมาที่แท่นทดสอบที่ 2 และรวบรวมพลังในร่างอีกครั้ง ซึ่งเมื่อถึงขั้นผสานรากฐานแล้วจะสามารถดูดซับพลังฟ้าดินเข้ามาในร่างกายได้และใช้พลังนั้นผสานกับร่างกายของตนก่อนจะปล่อยออกมา ซึ่งการทดสอบนี้ต้องใช้พลังดังกล่าวปล่อยลงไปที่แท่นทดสอบนั่นเอง
"โห!! เด็กคนนี้ผสานพลังปรานได้เร็วเหมือนพี่ชายของนาง ข้าจะให้นางมาเข้าร่วมสำนักดาบเทวะ" ผู้อาวุโสสำนักดาบเทวะกล่าว
"ฮ่าๆๆ ใจเย็นๆก่อนตาแก่ มาดูกันว่านางจะมีพลังปรานธาตุอะไร ไม่แน่ว่านางอาจไม่ต้องการอยู่สำนักเดียวกันกับพี่ชายของนางก็ได้ แต่อาจจะมาอยู่สำกระบี่เฉิดฉายแทน ฮ่าๆๆ" อาวุโสของสำนักกระบี่เฉิดฉายกล่าวพร้อมยิ้มเยาะเย้ย
"ฮึ่ม!! นี่เจ้าหมายความว่าไงที่กล้ามาต่อปากต่อคำกับข้า" อาวุโสของสำนักดาบเทวะเริ่มไม่พอใจอย่างมาก
"ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง มันอยู่ที่ว่านางจะมาเข้าสำนักกระบี่เฉิดฉายหรือไม่ก็สำนักอื่นที่ไม่ใช่สำนักดาบเทวะก็ได้ ข้าพูดผิดตรงไหนกัน ฮ่าๆๆ" อาวุโสสำนักกระบี่เฉิดฉายหัวเราะชอบใจ
"ฮึ่มมม!! นี่เจ้าจะ.." อาวุโสสำนักดาบเทวะลุดขึ้นชี้หน้าด้วยความโกรธ
"ท่านทั้ง 2 หยุดเดี๋ยวนี้!! หากอยากสู้กันนักก็ออกไปซะที่นี่ไม่ใช่ที่ๆพวกท่านจะมาทะเลาะกัน!! ฮึ่ม!!" อาวุโสนิกายจรัสแสงตวาดทำให้ทั้ง 2 ต้องหยุดลง
"เอาล่ะฟางหลินเอ้ย!! เจ้าทดสอบต่อเถอะ" เมื่อทุกอย่างสงบผู้นำหมู่บ้านก็ให้ฟางหลินได้ทดสอบต่อ
ฟางหลินพยักหน้าและเริ่มลงมือทันที โดยฟางหลินก็ไม่รอช้าทาบฝ่ามือลงไปบนแท่นทดสอบที่ 2 ซึ่งจากนั้นระดับพลังของนางก็ปรากฏซึ่งนางอยู่ในขั้นผสานรากฐานขั้นปลายจริงๆ และปรานธาตุของนางก็คือเพลิงสีม่วงอ่อนนั่นเอง
"ยอดเยี่ยม!! ยอดเยี่ยมมาก!! ข้ามาไม่เสียเที่ยวแล้ว ฮ่าๆๆ แม่หนูนั่นต้องอยากเข้าสำนักเพลิงสีนิลแน่ๆ ฮ่าๆๆ" อาวุโสของสำนักเพลิงสีนิลหัวเราะชอบใจ
"ดีมากๆ เอาล่ะแม่หนูฟางหลินเจ้าต้องการเข้าร่วมกับสำนักหรือนิกายไหนงั้นรึ" ผู้นำหมู่บ้านกล่าวถาม
"เจ้าค่ะ ข้าต้องการเข้าร่วมสำนักเพลิงสีนิลเจ้าค่ะ ผู้อาวุโสได้โปรดพิจารณาด้วยเจ้าค่ะ" ฟางหลินกล่าวพร้อมคำนับ
"มิจำเป็นต้องพิจารณาอันใด ข้าจะรับเจ้าไปเป็นศิษย์ของสำนักเพลิงสีนิล หมายความว่าตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักเต็มตัวแล้ว" อาวุโสสำนักเพลิงสีนิลกล่าวด้วยความดีใจ
"อะแฮ่ม!! เอาล่ะทำการทดสอบต่อไปได้" อาวุโสของนิกายจรัสแสงกล่าว
จากนั้นการทดสอบก็ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้นผสานรากฐานขั้นต้นกันหมดและมีเพียง 2 คนที่มีพลังปรานธาตุดินและธาตุลม ที่เหลือเป็นไร้ธาตุแทบทั้งสิ้น และยังมีบางคนที่ไม่ผ่านการทดสอบเนื่องจากอยู่ในขั้นผสานกระดูกขั้นปลายเท่านั้นนั่นเอง ส่วนฟางหลินที่ได้รับเลือกเข้าสำนักเพลิงสีนิลเพียงคนเดียวก็รีบวิ่งมาหาฟ่านอวิ๋นเป็นคนแรกด้วยความดีใจ แทนที่จะเป็นพ่อและแม่ของนาง
"ข้าทำได้แล้วล่ะน้องอวิ๋น!!" ฟางหลินวิ่งมากอดฟ่านอวิ๋นแน่น
"ขะ..ข้ารู้แล้ว..ตอนนี้ปล่อยข้าก่อนข้าหายใจไม่ออก..แค่กๆ" ฟ่านอวิ๋นเกือบตายจากความดีใจของนางซะแล้ว
"อ๊ะ!! ข้าขอโทษด้วยน้องอวิ๋นพอดีว่าข้าดีใจมากไปหน่อยน่ะ" ฟางหลินกล่าว
"อ่า!! มิเป็นไรขอรับ ข้าเองก็รู้สึกดีใจที่ท่านผ่านการทดสอบแล้วเช่นกัน อีก 2 ปีข้างหน้าข้าเองก็ต้องทำให้ได้" ฟ่านอวิ๋นกล่าว
"ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้อย่างแน่นอนน้องอวิ๋น แล้วเจ้าคิดรึยังว่าเจ้าจะเข้าสำนักไหนน่ะ" ฟางหลินถาม
"ข้าไม่รู้สิคงต้องรอให้ถึงเวลาเสียก่อน เอาล่ะพี่หลินก็รีบไปหาท่านลุงสิท่านคงดีใจมากแน่ๆ" ฟ่านอวิ๋นกล่าว
ฟางหลินพยักหน้าและรีบวิ่งไปหาลุงต้วนและป้าเสวี่ยทันที ส่วนฟ่านอวิ๋นก็มองที่การทดสอบและกำหมัดขึ้นมาที่หน้าอก ซึ่งซักวันฟ่านอวิ๋นก็จะต้องทำให้สำเร็จเช่นกันก่อนที่ฟ่านอวิ๋นจะเดินกลับไปหาแม่ของตนที่ตอนนี้กำลังรอฟ่านอวิ๋นกลับมา
"เอาล่ะกลับบ้านกันเถอะอวิ๋นเอ๋อ" แม่ของฟ่านอวิ๋นเดินมาจูงมือ
"ขอรับ ข้าจะกลับไปฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้นและซักวันข้าจะเป็นอย่างพวกเขาให้ได้" ฟ่านอวิ๋นกล่าวอย่างมุ่ง
เมื่อแม่ของฟ่านอวิ๋นได้เห็นความมุ่งมั่นของบุตรชายก็ได้แต่ยิ้มบางและพาเดินกลับบ้านไป โดยในตอนนี้ฟ่านอวิ๋นตั้งใจแล้วว่าตนจะกลับไปฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้นและจะทำให้ทุกๆคนต้องตกตะลึงในความสามารถของตน
____________________________________
และในวันเดียวกันนั้นเองในช่วงกลางดึก หลังจากที่ฟางต้วนและฟางเสวี่ยผู้เป็นภรรยาได้เฉลิมฉลองความสำเร็จของฟางหลินไปแล้วทุกๆคนก็เตรียมเข้านอน ฟางต้วนเดินมาเตรียมปิดประตูโรงฝึกโดยมีฟางเสวี่ยมาช่วยเก็บข้าวของ และตอนนั้นเองจู่ๆก็ปรากฏพ่อของฟ่านอวิ๋นเดินมาหา
"อ้าว!! ลู่ซิงเจ้ามาทำอะไรดึกๆดื่นๆเช่นนี้งั้นรึ" ลุงต้วนกล่าวถามขึ้น
"พี่ต้วน ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับท่านและพี่เสวี่ยเสียหน่อย เป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของอวิ๋นเอ๋อน่ะ" พ่อของฟ่านอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อเห็นว่าลู่ซิงที่เปรียบเสมือนน้องชายมีปัญหาลุงต้วนก็ให้เข้ามาด้านในก่อนทันที ซึ่งเรื่องที่พ่อของฟ่านอวิ๋นได้เสวนากับลุงต้วนและป้าเสวี่ยในคืนนี้ จะทำให้ชีวิตของฟ่านอวิ๋นแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล
