ตอนที่6. เรื่องเป็นแบบนี้เอง
“นี่ต้นพลูฉลุ หรือพลูทะลุ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Monstera obliqua Miq เป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีลำต้นและรากเลื้อยพันตามผิวดินหรือไม้หลัก ส่วนใบเป็นทรงรี ปลายใบแหลม โคนใบมน แผ่นใบเป็นรูแหว่งเล็ก-ใหญ่สลับกันไปทั้งสองฝั่งของเส้นกลางใบ เป็นลักษณะเด่นของต้นไม้ชนิดนี้ เห็นแบบนี้ดูแลไม่ยาก แต่ต้องการความชื้นสูง”
“อย่าหัวเราะสิ ก็คนไม่รู้นี่”
“ครับๆ ฝั่งนี้เป็นต้นพลู ใบด่างๆ นี่เป็นธรรมชาติของเขา ไม่ใช่เพราะเป็นราขาว อย่าไปเด็ดล่ะ”
“นี่!” พราวมุกขึงตาใส่ เขาหยุดหัวเราะแล้วหรี่ตามองไปด้านหลังเธอแล้วค่อยๆ ขยับเท้าเข้ามาใกล้
“อยู่นิ่งๆนะครับ”
“อะไร! หนอนเหรอ ไม่กลัวหรอกนะ” พราวมุกขึงตาใส่แล้วหันไปมอง ทว่าสิ่งที่เห็นคืองูตัวน้อยสีเขียวแลบลิ้นใส่ แม้ระยะห่างสองฟุต แต่ก็ทำให้พราวมุกร้องกรี๊ดออกมา
“กรี๊ด! งู!” พราวมุกหวีดร้องสุดเสียงแล้วกระโดดกอดร่างสูงทันทีร่างกับหมีเกาะต้นไม้ เธอกอดเขาแน่นซุกหน้ากับแผ่นอกกว้าง
แรกทีเดียวคิมหันต์คิดว่าพราวมุกแกล้งเขา แต่เพราะร่างเล็กสั่นระริกและได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น เขาถึงกับเงอะงะทำอะไรไม่ถูก กว่าจะได้สติก็ยกฝ่ามือลูบหลังเธอเบาๆ
“แค่งูเขียวนะครับ ไม่มีพิษ ไม่อันตราย”
“งูก็คืองู! จะมีพิษไม่มีพิษก็คืองู!” เธอเงยหน้ามองเขา ดวงตาฉ่ำน้ำตา ทำเอาชายหนุ่มใจหายวูบไม่คิดว่าเธอจะกลัวงูมากขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้น” ทันทีที่ได้ยินเสียงลูกสาวร้องกรี๊ดก็รีบวิ่งมาทันทีพร้อมกับพลอยดาว
“พ่อเลี้ยงงู!” พราวมุกต่อว่าพ่อเสียงสั่น แต่พอเห็นพลอยดาวก็โผเข้าหาแล้วกอดแน่นทันที
“งู...” คุณวิทยาทำหน้างงแล้วหันไปมองทางคิมหันต์ที่ยืนนิ่งเป็นก้อนหิน
“เอ่อ...น้องมุกเห็นงูเขียวนะครับ” จะบอกว่างูตัวนิดเดียวก็เกรงว่าคนที่กลัวงูจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
“ไม่เป็นไรนะมุก พลอยอยู่ตรงนี้แล้ว” พลอยลูบหลังปลอบ “พลอยพามุกเข้าบ้านก่อนนะคะ”
คนเป็นพ่อได้แต่พยักหน้ารับมองลูกสาวฝาแฝดเดินกลับเข้าบ้านไป คุณวิทยาถอนหายใจแล้วมองหน้าคิมหันต์
“ขอโทษที ยัยมุกกลัวงู”
“ดูท่าจะกลัวมากเลยนะครับ” เขาอดถามไม่ได้ คนอวดเก่งมั่นใจในตัวเองอย่างพราวมุกกลัวงูขนาดร้องไห้ตัวสั่นแบบนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ
“อื้ม ตอนประถมเคยโดนเพื่อนแกล้งนะ มุกเป็นคนไม่กลัวอะไร ใครเอาหนอนเอากบหรือคางคกมาโยนใส่ก็ไม่กลัว แต่พวกเด็กผู้ชายไปจับงูตัวเล็กๆมาจากไหนไม่รู้ โยนใส่มุก ตอนแรกมุกคิดว่าเป็นงูยาง ตั้งใจจับงู
แล้วขว้างกลับ แต่ดันเป็นงูจริงแล้วกัดง่ามนิ้วเข้าให้ มุกตกใจร้องไห้เสีย
ขวัญมากถึงจะเป็นงูไม่มีพิษแต่ก็ต้องไปโรงพยาบาล มุกก็เลยกลัวงูมาก”
“เรื่องเป็นแบบเอง”
คิมหันต์พยักหน้ารับ ตอนนี้พราวมุกอยู่กับพลอยดาวแล้ว คงไม่เป็นอะไร แต่ทำไมเขายังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี.
...
“เพราะเจ้างูตัวนั้นแท้ๆ ทำฉันขายหน้าจนได้”
พราวมุกบ่นพึมพำพลางหยิบคุกกี้ส่งเข้าปาก สายตายังจับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว แต่เธอก็นึกโกรธเขา เอ่อ โกรธเจ้างูตัวนั้นอยู่ พ่อก็ใจร้าย รู้ทั้งรู้ว่าลูกเกลียดงูยังจะมีงูในบ้านอีก คอยดูนะ จะให้พี่พลอยห่อข้าวมาให้กิน ไม่กลับไปกินต่อหน้าพ่ออีก!
“ทำไมต้องร้องไห้ต่อหน้านายคิมหันต์ด้วยนะ คงเอาไปนอนหัวเราะท้องแข็งไปแล้วมั้ง”
หญิงสาวได้แต่บ่นอยู่ในใจ เธอตรวจทานข้อมูลจนมั่นใจแล้วปิดคอมพิวเตอร์ เก็บข้าวของบนโต๊ะและไม่ลืมหยิบสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋าสะพาย เธอกวาดตามองอีกรอบแล้วเงยหน้าขึ้น แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะเจอดวงตาช่างจับผิดของท่านประธานจ้องเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ” พราวมุกถามพร้อมรอยยิ้มแต่อดยกนิ้วโป้งเช็ดมุมปากไม่ได้ คราวนี้คงไม่มีคราบขนมติดอยู่นะ เวลาเครียดเธอต้องกินขนมทุกที ทำงานกับเจ้านายบ้างานเธอก็ยิ่งต้องกินขนมเป็นสองเท่าอีกด้วย!
“ไม่มีอะไรครับ เจอกันวันจันทร์”
“ค่ะ”
เลขาสาวยังคงฉีกยิ้มหวาน เธอหยิบกระเป๋าขึ้นคล้องไหล่ รอจนกวิวัชร์เดินไปที่ลิฟต์แล้วจึงเดินตาม เธอเห็นเขาเดินเข้าไปก่อน แต่หยุดรออยู่ด้านใน วินาทีแรกเธอนิ่งงงแต่พอเห็นสายตาดุๆ ของเขาแล้วก็รีบสาวเท้าเข้าไปทันที ทำงานกันมาเกือบสามเดือน จะว่าเกร็งก็ไม่ใช่ เขาไม่ใช่คนดุอะไรนัก แต่เรื่องงานต้องชัดเจน แม่นยำ ผิดพลาดให้น้อยที่สุด แต่การที่เขาชอบมองนิ่งๆ ให้คนถูกมองเดาความคิดเอาเอง มันออกจะเหมือนคนโรคจิตในหนังสยองขวัญยังไงไม่รู้
