ตอนที่ 3: กับดัก
วันศุกร์, 19:15 น.
ที่บริษัท, ชั้น 27
ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่ทำงานที่เคยกว้างขวางและวุ่นวาย เหลือเพียงแสงไฟจากโคมไฟตั้งโต๊ะไม่กี่ดวงที่ยังคงเปิดอยู่ แสงสีนวลของมันสะท้อนบนฉากกั้นพลาสติกและโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่า ทำให้เกิดเงาทอดยาวดูผิดรูปทรงไปจากตอนกลางวัน เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงหึ่งๆ ของเครื่องปรับอากาศและเสียงปลายนิ้วที่กระทบแป้นคีย์บอร์ดเบาๆ แต่สม่ำเสมอ
ณัฐวุฒิ หรือ "นัท" นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของตะวัน ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่ง
แสดงเดสก์ท็อปที่คุ้นตาของเธอ เขาขยับเมาส์ เปิดเข้าไปในไดรฟ์ของโปรเจกต์ใหญ่ที่ตะวันเพิ่งทำงานเสร็จสิ้นไปเมื่อชั่วโมงก่อน ไฟล์งานนำเสนอ, ไฟล์ข้อมูลดิบ, และไฟล์สรุปผล ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบตามแบบฉบับของเจ้าของ
กชกร หรือ "พี่ก้อย" ยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง สายตาของเธอกดดันและคาดคั้น
"จัดการซะสิ" เธอพูดขึ้น เสียงของเธอเบาแต่กลับดังก้องในความเงียบ "อย่าให้เหลือร่องรอย"
นัทพยักหน้ารับ เขากลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคอ ก่อนจะเริ่มทำงานของเขาอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว เขาเสียบแฟลชไดรฟ์อันเล็กเข้าไปในเครื่อง คัดลอกไฟล์ข้อมูลสำคัญบางส่วนออกมา จากนั้นจึงเริ่มกระบวนการทำลายล้าง เขาไม่ได้ลบไฟล์ทิ้งโต้งๆ แบบคนไม่มีฝีมือ แต่เขาเข้าไปแก้ไขโค้ดข้อมูลบางส่วนในไฟล์หลัก ทำให้โครงสร้างของมันเสียหายจนไม่สามารถเปิดได้อีกต่อไป
ต่อมา เขาเข้าไปยังโฟลเดอร์สำรองข้อมูลที่ตะวันสร้างไว้กันเหนียว เขาลบมันทิ้ง แล้วตามไปลบออกจากถังขยะของระบบอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่สามารถกู้คืนได้ง่ายๆ
ขั้นตอนสุดท้าย เขาเปิดโปรแกรมอีเมลของตะวันขึ้นมา ร่างจดหมายฉบับใหม่ถึงหัวหน้าแผนก คุณวิรัช เนื้อหาในจดหมายเต็มไปด้วยการตัดพ้อเรื่องความกดดันของโปรเจกต์และความรู้สึกว่าเธอไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีพอ เขาบันทึกมันไว้ในฉบับร่าง (Draft) โดยไม่ได้กดส่ง
"เรียบร้อยแล้วครับ" นัทพูดขึ้นหลังจากเคลียร์ประวัติการใช้งานทุกอย่างจนหมดจด
"ดี" ก้อยตอบสั้นๆ "กลับกันได้แล้ว ทำตัวตามปกติ จำไว้ว่าเราไม่เคยอยู่ดึกในวันนี้"
ทั้งสองปิดคอมพิวเตอร์ของตะวันแล้วเดินออกจากออฟฟิศไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งโต๊ะทำงานที่ดูเป็นระเบียบเหมือนเดิมไว้เบื้องหลัง แต่ข้างในนั้น... กับดักแห่งการทำลายล้างได้ถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว
วันอังคาร, 11:00 น.
สถานีตำรวจนครบาล
สารวัตรกวินขยี้ขมับตัวเองขณะที่จ้องมองกระดานสืบสวนที่แทบไม่มีอะไรคืบหน้า รูปถ่ายของนาย
สมเกียรติ ผู้ตายจากคดีในเขตบางนา ถูกปักหมุดไว้ตรงกลาง แวดล้อมไปด้วยข้อมูลแวดล้อมที่ไร้ประโยชน์
"ผลการตรวจสอบลายนิ้วมือที่แก้วน้ำในที่เกิดเหตุออกมาแล้วครับสารวัตร" หมวดอาทิตย์เดินเข้ามารายงาน
"ว่ามา" กวินพูดโดยไม่ละสายตาจากกระดาน
"เป็นลายนิ้วมือของผู้ตาย กับของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ชื่อคุณมาลี เป็นแม่บ้านที่มาทำความสะอาดให้สัปดาห์ละสองครั้งครับ"
"สอบปากคำคุณมาลีรึยัง"
"เรียบร้อยครับ เธอบอกว่ามาทำความสะอาดครั้งล่าสุดเมื่อสี่วันก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิต และเธอก็มีพยานหลักฐานที่อยู่ชัดเจนในวันเกิดเหตุครับ"
กวินสบถออกมาเบาๆ "แล้วรอยเท้าจางๆ ที่พื้นล่ะ"
"ผลออกมาแล้วครับ น่าผิดหวังหน่อย เป็นรอยพื้นรองเท้าผ้าใบยี่ห้อตลาดที่หาได้ทั่วไป ไซส์ประมาณเบอร์ 40-41 บอกอะไรเราไม่ได้มากนัก"
"ให้ตายสิ" กวินหันมาเผชิญหน้ากับลูกน้อง "คดีฆาตกรรมชัดๆ แต่คนร้ายเหมือนเป็นอากาศธาตุ ไม่มีร่องรอยการงัดแงะ ไม่มีลายนิ้วมือคนอื่น ไม่มีอาวุธ ไม่มีพยาน ไม่มีแรงจูงใจที่ชัดเจน... มันต้องมีอะไรที่เรามองข้ามไปสิ"
"หรืออาจจะเป็นคนใกล้ตัวที่ผู้ตายไว้ใจมากจนยอมเปิดประตูให้เข้ามาง่ายๆ ล่ะครับ" หมวดอาทิตย์เสนอ
"ผมก็คิดอย่างนั้น แต่พอไปดูบัญชีธนาคารกับโทรศัพท์ของผู้ตาย ก็ไม่เจออะไรผิดปกติ ไม่มีหนี้สิน ไม่มีเรื่องชู้สาว ไม่มีศัตรูทางธุรกิจที่ชัดเจน มีแต่เรื่องกระทบกระทั่งเล็กๆ น้อยๆ เหมือนคนทำธุรกิจทั่วไป" กวินยกแก้วกาแฟที่เย็นชืดขึ้นมาจิบ "มันตันไปหมด"
เขาเบื่อคดีแบบนี้ที่สุด คดีที่ความรุนแรงเกิดขึ้น แต่กลับไร้ซึ่งเหตุผลที่จับต้องได้ มันทิ้งความรู้สึกค้างคาใจไว้เหมือนดูหนังไม่จบเรื่อง
วันจันทร์ถัดมา, 08:45 น.
ที่บริษัท
ตะวันเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยความรู้สึกสดชื่นและเต็มไปด้วยพลัง เธอฮัมเพลงสรรเสริญพระเจ้าเบาๆ ขณะที่เดินออกจากลิฟต์มายังชั้น 27 สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอได้ไปดินเนอร์ฉลองกับนนท์อย่างมีความสุข และได้ใช้เวลาในวันอาทิตย์ที่โบสถ์อย่างสงบสุขเหมือนเคย เธอพร้อมแล้วที่จะจัดการกับงานใหญ่ชิ้นสุดท้ายให้เสร็จสิ้นในวันนี้
"อรุณสวัสดิ์จ้ะตะวัน" มีนาโทรเข้ามาหาในตอนเช้า "วันนี้เป็นไงบ้าง"
"สบายมากเลยมีนา วันนี้ตะวันจะปิดจ๊อบโปรเจกต์ใหญ่แล้วนะ ตื่นเต้นมากๆ" เธอตอบกลับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงร่าเริง
"ดีจัง! สู้ๆ นะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย"
"จ้า ขอบใจนะ"
ตะวันวางสายแล้วหันมาสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอทักทายพี่ก้อยและนัทที่นั่งทำงานอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองก็ทักทายเธอกลับด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรเหมือนทุกวัน ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกถึงพายุที่กำลังจะพัดเข้ามา
เธอใช้เวลาช่วงเช้าไปกับการตอบอีเมลและจัดการงานเล็กๆ น้อยๆ ที่คั่งค้างอยู่ จนกระทั่งเกือบสิบโมง เธอจึงตัดสินใจว่าจะเปิดไฟล์งานนำเสนอขึ้นมาตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งให้คุณวิรัช
เธอขยับเมาส์ไปที่ไอคอนของไฟล์โปรเจกต์ใหญ่... ดับเบิลคลิก
วินาทีแรกผ่านไป... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วินาทีที่สอง... วงล้อเล็กๆ หมุนค้างอยู่บนหน้าจอ
วินาทีที่สาม... มีหน้าต่างข้อความปรากฏขึ้นมาบนจอ
"Error: The file is corrupted and cannot be opened."
หัวใจของตะวันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอรู้สึกเหมือนมีใครเอาน้ำเย็นราดลงมาบนตัว เธอรีบคลิก "OK" แล้วลองดับเบิลคลิกที่ไฟล์อีกครั้ง ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิม
ไม่เป็นไร... เธอหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองในใจ เธอทำไฟล์สำรองไว้แล้ว
เธอรีบเปิดเข้าไปในโฟลเดอร์สำรองข้อมูลที่เธอสร้างไว้...
มันว่างเปล่า
ความรู้สึกเย็นวาบแล่นผ่านสันหลังของเธอ เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มผุดขึ้นที่ขมับ เป็นไปได้อย่างไร? เธอจำได้แม่นว่าเธอสำรองไฟล์ไว้ทุกครั้งหลังเลิกงาน
มือของเธอเริ่มสั่น เธอคลิกเมาส์อย่างร้อนรน เปิดดูโฟลเดอร์อื่นๆ ค้นหาในไดรฟ์กลางทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่พบไฟล์สำรองที่ว่าเลย มันหายไปเหมือนไม่เคยมีอยู่จริง
"เป็นอะไรไปตะวัน สีหน้าไม่ดีเลย" เสียงของพี่ก้อยดังขึ้นจากโต๊ะตรงข้าม
ตะวันเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ แววตาของเธอสับสนและหวาดหวั่น "พี่ก้อยคะ... ไฟล์... ไฟล์โปรเจกต์ของตะวันมันเปิดไม่ได้ค่ะ"
"หา?" พี่ก้อยทำหน้าตกใจ เธอรีบลุกขึ้นมาดูที่หน้าจอของตะวันทันที "จริงด้วย... แล้วไฟล์สำรองล่ะ"
"มัน... มันหายไปค่ะพี่ก้อย ตะวันหาไม่เจอ"
"ใจเย็นๆ นะตะวัน" นัทที่เดินตามมาสมทบพูดขึ้น "ลองให้ฝ่ายไอทีดูก่อนไหมครับ เผื่อเขาจะกู้ไฟล์กลับมาได้"
ตะวันพยักหน้าอย่างมีความหวัง เธอรีบโทรหาแผนกไอทีทันที แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็ทำให้ความหวังสุดท้ายของเธอพังทลายลง ฝ่ายไอทีแจ้งว่าไฟล์เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง และไม่มีข้อมูลสำรองในระบบเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเลย เนื่องจากมันถูก "ใครบางคน" ลบทิ้งไปเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
ตะวันตัวชาไปทั้งตัว เธอทรุดลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? คืนวันศุกร์... เธอเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากออฟฟิศ เธอจำได้ว่าบันทึกทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
"แย่แล้วตะวัน" พี่ก้อยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วย "ความเป็นห่วง" "วันนี้เราต้องส่งงานให้คุณวิรัชแล้วด้วย... เรื่องใหญ่แน่ๆ"
ตะวันรู้สึกเหมือนกำลังจะร้องไห้ เธอทำอะไรผิดพลาดไป? หรือนี่คือการทดสอบจากพระเจ้าที่หนักหนาเกินกว่าที่เธอจะรับไหว
11:30 น.
ห้องทำงานของหัวหน้าแผนก
ตะวันนั่งตัวลีบอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ของคุณวิรัช เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเครือ
คุณวิรัชฟังอย่างเงียบๆ สีหน้าของเขาเรียบเฉยจนอ่านไม่ออก หลังจากเธอเล่าจบ เขาก็หยิบแท็บเล็ตของตัวเองขึ้นมาเปิดดูอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
"ผมได้รับอีเมลจากฝ่ายไอทีแล้วตะวัน" เขาเริ่มต้น "พวกเขารายงานว่าไฟล์สำรองถูกลบออกจากระบบเซิร์ฟเวอร์ตอนหนึ่งทุ่มสิบห้านาทีของคืนวันศุกร์... ซึ่งเป็นเวลาสิบห้านาทีหลังจากที่คุณตอกบัตรออกจากออฟฟิศไป"
"แต่... แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ หนู..."
"ไม่แค่นั้น" คุณวิรัชพูดขัดขึ้น "ผมให้ไอทีลองตรวจสอบเพิ่มเติม แล้วพวกเขาก็เจอสิ่งที่น่าสนใจในอีเมลของคุณ... ในโฟลเดอร์ฉบับร่าง"
เขาหันหน้าจอแท็บเล็ตมาทางเธอ บนหน้าจอคืออีเมลฉบับที่นัทเป็นคนร่างขึ้น เนื้อหาเต็มไปด้วยการตัดพ้อและกล่าวโทษความกดดันของโปรเจกต์
ตะวันเบิกตากว้าง "หนู... หนูไม่ได้เป็นคนเขียนนะคะ!"
"ตะวัน" คุณวิรัชเรียกชื่อเธอ เสียงของเขาไม่มีความเห็นใจหลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว "โปรเจกต์นี้คือความรับผิดชอบของคุณทั้งหมด ความเสียหายที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงมาก"
"แต่หนูไม่ได้ทำ!" ตะวันเถียงกลับไปเป็นครั้งแรก น้ำตาเริ่มไหลออกมา
คุณวิรัชนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกดปุ่มบนโทรศัพท์
"พี่ก้อยกับนัท ช่วยเข้ามาที่ห้องผมหน่อยครับ"
ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่ดู "เป็นกังวล"
"พี่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณวิรัชฟังแล้วค่ะ" พี่ก้อยพูดกับตะวันด้วยน้ำเสียงแสดงความเสียใจ "พี่บอกเขาไปว่าช่วงหลังๆ ตะวันดูเครียดมากจริงๆ"
"ใช่ครับ" นัทเสริม "วันศุกร์ตอนเย็น พี่ตะวันดูรีบร้อนผิดปกติด้วยครับ"
คำพูดของทั้งสองคนเหมือนมีดที่กรีดลงบนแผลของตะวัน เธอหันไปมองหน้าพวกเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา นี่คือการใส่ร้ายกันชัดๆ
"ไม่จริง! พวกคุณโกหก!" ตะวันตะโกนออกมาอย่างลืมตัว
"พอได้แล้วตะวัน!" คุณวิรัชพูดเสียงดังขึ้น "ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะทำแบบนี้"
ตะวันอ้าปากค้าง เธอพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เธอถูกต้อนให้จนมุมโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ
คุณวิรัชมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาและผิดหวัง
"ตะวัน... จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ" เขาพูดด้วยระดับเสียงที่ไม่สูงไม่ต่ำ "และระหว่างนี้... ผมจำเป็นต้องขอให้คุณพักงานไปก่อน"
เขายื่นมือออกมาตรงหน้าเธอ
"ส่งบัตรพนักงานของคุณมา"