บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2: เงามืดที่แฝงในรอยยิ้ม

วันจันทร์, 10:45 น.

ร้านกาแฟใต้ตึกสำนักงาน

กลิ่นกาแฟคั่วสดใหม่ผสมกับกลิ่นนมร้อนๆ ลอยอบอวลไปทั่วร้านขนาดเล็กที่ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น เสียงเครื่องบดกาแฟและเสียงพูดคุยของผู้คนดังเคล้าคลอไปกับเพลงแจ๊สเบาๆ ที่เปิดจากลำโพงบนเพดาน กชกร หรือ "พี่ก้อย" คนแก้วกาแฟลาเต้ในมืออย่างเชื่องช้า สายตาของเธอมองออกไปนอกกระจกใส แต่ไม่ได้จับจ้องที่สิ่งใดเป็นพิเศษ

"เราจะทำยังไงกันดีครับพี่ก้อย" ณัฐวุฒิ หรือ "นัท" เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงของเขาเจือความกังวลเล็กน้อย เขายังไม่ได้แตะต้องแก้วอเมริกาโน่เย็นของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

"ทำยังไง... ก็ต้องทำในสิ่งที่ควรทำน่ะสิ" ก้อยตอบโดยไม่ละสายตาจากวิวภายนอก น้ำเสียงของเธอเรียบสนิท "ปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนคนนั้นมานั่งหัวเราะเยาะเราหรือไง"

"แต่... แต่มันจะเสี่ยงไปไหมครับ"

ในที่สุดก้อยก็หันกลับมามองหน้ารุ่นน้องของเธอ แววตาของเธอไม่มีรอยยิ้มเหมือนตอนที่อยู่ในห้องประชุมอีกต่อไปแล้ว "ความเสี่ยงที่น้อยที่สุดคือการลงมือก่อน ไม่ใช่การรอให้คนอื่นมาตัดสินชะตาชีวิตเรา นัท... เธออยากจะถูกเด็กคนนั้นสั่งงานไปอีกกี่ปีล่ะ เธออยากจะเห็นมันรับโบนัสก้อนโต ได้ตำแหน่งดีๆ ไป ทั้งที่คนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำมาตลอดคือพวกเราสองคนเหรอ"

คำพูดของเธอเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงเข้าไปในใจของนัท เขาหลบสายตา "ผม... ผมก็ไม่อยากหรอกครับ แต่แผนของพี่มัน..."

"แผนของฉันมันสมบูรณ์แบบ" ก้อยพูดสวนขึ้นทันที "ไม่มีใครสงสัยหรอก ทุกคนรักนางฟ้าองค์น้อยนั่นจะตายไป เวลาเกิดเรื่องขึ้น คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือยัยนั่นอยู่ดี ไม่มีใครคิดหรอกว่าเด็กดีผู้ศรัทธาในพระเจ้าจะทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงแบบนั้นได้... ยกเว้นแต่ว่าจะมีหลักฐานมัดตัว"

นัทกลืนน้ำลาย "แล้วเรื่องไฟล์... พี่แน่ใจนะครับว่าจะไม่มีใครจับได้"

"แน่ใจสิ" ก้อยยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ "รหัสผ่านของยัยนั่นคือง่ายๆ เหมือนเจ้าของนั่นแหละ ‘SaintTeresa16’ ฉันเห็นตอนที่ยัยนั่นพิมพ์เป็นร้อยครั้งแล้ว ส่วนเรื่องไฟล์ข้อมูล... นั่นมันหน้าที่ของเธอไม่ใช่เหรอ นัท เธอเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ไม่ใช่หรือไง"

นัทพยักหน้ารับช้าๆ "ครับ... ผมจัดการได้"

"ดีมาก" ก้อยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก "คืนนี้... หลังทุกคนกลับหมดแล้ว เจอกันที่โต๊ะทำงานของยัยนั่น"

วันอังคาร, 14:20 น.

ที่บริษัท

ตะวันจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธออย่างเต็มที่ นิ้วเรียวพิมพ์ลงบนคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ข้อมูลตัวเลขและกราฟต่างๆ ถูกจัดเรียงและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เธออยู่ในสภาวะที่เรียกว่า "ลื่นไหล" (Flow) ซึ่งเป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนทำงานอย่างเธอ โปรเจกต์ที่เธอได้รับมอบหมายนั้นใหญ่และท้าทาย แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกมีชีวิตชีวา

เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆ สั่นขึ้นเบาๆ หน้าจอแสดงชื่อ "นนท์" พร้อมรูปหัวใจ ตะวันยิ้มออกมาทันที เธอรับสายแล้วกรอกเสียงหวานลงไป

"ว่าไงคะ"

"คิดถึงครับ... ทำอะไรอยู่เอ่ย" เสียงทุ้มๆ ของนนท์ดังมาจากปลายสาย

"ทำงานอยู่สิคะ ยุ่งมากๆ เลยช่วงนี้"

"รู้ครับๆ คนเก่งของผม" นนท์หัวเราะเบาๆ "แค่อยากโทรมาให้กำลังใจน่ะครับ สู้ๆ นะ อย่าหักโหมเกินไปล่ะ เย็นนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวผมซื้อเข้าไปให้ที่คอนโด"

"ไม่เป็นไรค่ะนนท์ ตะวันทำกับข้าวง่ายๆ ทานเองได้ เกรงใจค่ะ"

"ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย งั้นเอาเป็นว่าผมจะซื้อชานมไข่มุกร้านโปรดของคุณเข้าไปให้ก็แล้วกัน แค่นี้ห้ามปฏิเสธนะ"

"ก็ได้ค่ะ... ขอบคุณนะคะนนท์"

"ครับผม... รักนะครับ"

ตะวันวางสายด้วยหัวใจที่พองโต เธอรู้สึกขอบคุณพระเจ้าเสมอที่มอบคนรักที่แสนดีและเข้าใจเธอขนาดนี้มาให้ ไม่ว่าเรื่องงานจะหนักหนาแค่ไหน แค่ได้ยินเสียงของนนท์ก็ทำให้เธอมีกำลังใจขึ้นมาอีกมาก

เธอหันกลับไปทำงานต่อ โดยไม่ทันสังเกตสายตาของนัทที่มองมาจากโต๊ะฝั่งตรงข้าม แววตาของเขาดูซับซ้อนและอ่านไม่ออก ก่อนที่เขาจะรีบก้มหน้าลงทำงานของตัวเองต่อไปเมื่อตะวันเงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดี

วันพุธ, 15:30 น.

ที่เกิดเหตุฆาตกรรม, เขตบางนา

สารวัตรกวินยืนกอดอกมองร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนพื้นห้องรับแขกของบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นอับของบ้านที่ขาดการดูแลทำให้บรรยากาศภายในยิ่งน่าอึดอัด ทีมพิสูจน์หลักฐานในชุดป้องกันสีขาวกำลังทำงานกันอย่างเงียบเชียบ

"สรุปสถานการณ์ให้ผมฟังสิ หมวดอาทิตย์" กวินพูดขึ้นโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ศพ

หมวดอาทิตย์, นายตำรวจร่างสูงใหญ่ผู้เป็นลูกน้องคนสนิท, เปิดสมุดบันทึกในมือ "ผู้ตายชื่อนายสมเกียรติครับ อายุ 54 ปี เป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ เพื่อนบ้านแจ้งความเข้ามาเพราะไม่ได้เห็นผู้ตายออกจากบ้านมาสองวันและได้กลิ่นแปลกๆ จากการชันสูตรเบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมง สาเหตุการตายคือถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่ลำตัวหลายแผลครับ"

"คนร้ายล่ะ"

"ยังไม่มีร่องรอยครับสารวัตร ประตูหน้าต่างทุกบานล็อกสนิทจากข้างใน ไม่มีร่องรอยการงัดแงะ ทรัพย์สินมีค่าอย่างทีวี สร้อยทองของผู้ตายยังอยู่ครบ ไม่น่าใช่การชิงทรัพย์"

กวินขมวดคิ้ว เขาเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องช้าๆ ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง เขาชี้ไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง "แล้วหน้าต่างบานนั้นล่ะ"

"กระจกถูกทุบจากข้างในครับ" หมวดอาทิตย์ตอบ "เราเจอเศษกระจกตกอยู่ด้านนอกบ้านมากกว่าด้านใน"

"แปลว่าคนร้ายไม่ได้เข้ามาทางนั้น แต่พยายามจัดฉากให้ดูเหมือนมีการบุกรุก" กวินพึมพำกับตัวเอง "แล้วกล้องวงจรปิดล่ะ"

"กล้องหน้าบ้านเสียครับ เหมือนถูกตัดสายไฟไปตั้งแต่สามวันก่อน"

สารวัตรกวินถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาทำงานเป็นตำรวจสืบสวนมาสิบกว่าปี ผ่านคดีมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่ต้องมายืนอยู่ในที่เกิดเหตุแบบนี้ เขาก็ยังรู้สึกหดหู่ใจไม่เปลี่ยน โลกนี้เต็มไปด้วยความรุนแรงและความเกลียดชังที่คนธรรมดามอบให้แก่กันและกัน

เขาเดินเข้าไปใกล้ศพมากขึ้น สภาพของผู้ตายไม่น่าดูนัก แต่กวินก็บังคับตัวเองให้มองอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาไม่ใช่ตำรวจที่กลัวเลือดหรือศพ หน้าที่ของเขาคือการหาความจริงให้กับคนตายเหล่านี้

"เจออาวุธที่ใช้ก่อเหตุไหม"

"ยังไม่เจอครับ คาดว่าคนร้ายน่าจะเอาไปด้วย"

"ลายนิ้วมือ?"

"กำลังตรวจสอบครับ แต่เบื้องต้นยังไม่เจออะไรที่ชัดเจนเลยครับ"

กวินพยักหน้ารับรู้ เขาย่อตัวลงมองที่พื้นข้างๆ ศพ ก่อนจะสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ มันเป็นรอยเท้าจางๆ ที่ประทับอยู่บนคราบเลือดที่เริ่มแห้งกรัง

"รอยเท้านี่..." เขามองไปที่ทีมพิสูจน์หลักฐาน "เก็บตัวอย่างไปด้วยนะ"

มันเป็นคดีฆาตกรรมที่ดูเหมือนจะธรรมดา มีความแค้นส่วนตัวเป็นแรงจูงใจ แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างที่รบกวนจิตใจของเขา... ความใจเย็นและความเป็นมืออาชีพของคนร้ายที่สามารถเข้าออกบ้านได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย มันไม่ใช่ฝีมือของโจรหรือนักเลงทั่วไป

"ผมว่าคดีนี้คงต้องใช้เวลาหน่อยนะหมวด" กวินพูดพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "ไปสอบปากคำเพื่อนบ้านกับคนในครอบครัวผู้ตายให้หมดทุกคน ไม่ต้องรีบ เอาให้ละเอียดที่สุด"

"ครับสารวัตร!" หมวดอาทิตย์รับคำสั่งอย่างแข็งขัน

กวินเดินออกมาจากตัวบ้านเพื่อสูดอากาศภายนอก เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ควันสีเทาลอยขึ้นไปในท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มของยามเย็น คดีนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด...

วันศุกร์, 18:30 น.

ที่บริษัท

พนักงานส่วนใหญ่เริ่มทยอยกันกลับบ้านแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังคงนั่งทำงานอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะ ตะวันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอกำลังตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งมอบไฟล์งานสำคัญให้กับคุณวิรัชในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

"ยังไม่กลับอีกเหรอตะวัน" พี่ก้อยเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม

"ใกล้แล้วค่ะพี่ก้อย ขอตรวจอีกนิดเดียวเพื่อความแน่ใจค่ะ" ตะวันตอบ

"ขยันจริงๆ เลยนะเราน่ะ" พี่ก้อยพูด "เออ... พอดีพี่นึกขึ้นได้ ไฟล์ข้อมูลลูกค้าชุดล่าสุดที่ตะวันเคยทำไว้ อยู่ในโฟลเดอร์ไหนนะ พอดีพี่จะขอดึงข้อมูลไปใช้กับงานของพี่หน่อย"

"อ๋อ อยู่ในไดรฟ์กลาง โฟลเดอร์ชื่อ ‘Project Phoenix’ เลยค่ะพี่ก้อย อยู่ในไฟล์ย่อยชื่อ ‘Client_Data_Q3’ ค่ะ" ตะวันตอบอย่างละเอียดโดยไม่ได้คิดอะไร

"โอเคจ้ะ ขอบใจมากนะ กลับบ้านดีๆ ล่ะ" พี่ก้อยพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

ตะวันทำงานต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมงจนเสร็จเรียบร้อย เธอทำการบันทึกไฟล์งานทั้งหมด, ปิดคอมพิวเตอร์, และเก็บของใส่กระเป๋า เธอรู้สึกโล่งใจที่งานชิ้นใหญ่สำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว สุดสัปดาห์นี้เธอจะได้ไปฉลองกับนนท์อย่างสบายใจเสียที

เธอเดินออกจากออฟฟิศเป็นคนท้ายๆ ของแผนก โดยไม่ได้หันกลับไปมองข้างหลัง...

ที่โต๊ะทำงานมุมในสุดของแผนก นัทกับก้อยยังคงนั่งอยู่เงียบๆ ทั้งสองรอจนกระทั่งแน่ใจว่าไม่มีใครเหลืออยู่ในออฟฟิศอีกแล้วนอกจากยามที่อยู่ชั้นล่าง

นัทลุกขึ้นจากโต๊ะของตัวเองแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของตะวัน เขานั่งลงบนเก้าอี้ของเธอแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา

หน้าจอคอมพิวเตอร์สว่างวาบขึ้นมา พร้อมกับหน้าต่างให้ใส่รหัสผ่าน

มือของนัทสั่นเล็กน้อย เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ พิมพ์ลงไปช้าๆ

S... a... i... n... t... T... e... r... e... s... a... 1... 6

หน้าจอแสดงผลว่ากำลังเข้าสู่ระบบ...

วินาทีต่อมา หน้าเดสก์ท็อปที่คุ้นตาของตะวันก็ปรากฏขึ้นเต็มจอ

นัทหันไปมองก้อยที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง

ก้อยพยักหน้าให้เขาช้าๆ แววตาของเธอแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

การทรยศ... ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel