บทที่ 3
“นายจะให้ผมพาผู้หญิงคนนั้นไปพักที่ห้องไหนดีครับ” เอ่ยถามเสร็จดำก็ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบจะครบทั้งสามสิบสองซี่
“ห้องเอ็งเป็นไง”
“หา...ห้องผมเหรอครับนายหัว” คนถูกโยนถึงกับเหวอ
“อืม...เอ็งอยากมีเมียไม่ใช่เหรอ เอาไปสิ ข้ายกให้”
“ผมไม่รับครับ” ดำโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันที
“นี่เอ็งกล้าขัดคำสั่งข้าเหรอดำ” ธีทัตแกล้งทำเป็นโมโห แต่ดำกลับคิดว่านี่คือของจริง เขากลัวจนลนลานไปหมดถึงกับคุกเข่ายกมือไหว้ผู้เป็นนาย
“ไม่กล้าครับนายหัว แต่ผมรับไม่ได้จริงๆ ขืนนายแม่รู้ ผมตายหยังหมาแน่นอน”
“แล้วเอ็งไม่กลัวข้าเอาตายบ้างหรือไง”
“กลัวครับ แต่กลัวนายแม่มากกว่า” คำตอบของดำ ทำเอาธีทัตอยากจะถวายลูกถีบให้กินเสียจริงๆ นายหัวหนุ่มนั่งหน้านิ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“พาผู้หญิงคนนั้นไปรอข้าที่เรือ”
“หรือว่านายหัวจะพาเธอไปที่...” ยังไม่ทันที่ดำจะได้เอ่ยจบประโยค ธีทัตก็แทรกขึ้นเสียก่อน
“อืม...ไม่เกินพรุ่งนี้ เอ็งต้องได้ขับเรือกลับมาส่งเธอขึ้นฝั่งแน่” นายหัวหนุ่มยิ้มกริ่ม แววตาแฝงความร้ายกาจเอาไว้จนน่าขนลุก นั่นเพราะเขาเองก็มีแผนไล่ผู้หญิงพวกนั้นไว้แล้วเหมือนกัน รับรองได้ว่าไม่มีใครทนอยู่ได้เกินสามวันแน่
ดำแยกตัวไปรีบจัดการตามที่ธีทัตสั่งทันที ส่วนรินลดาแม้จะสงสัยว่าทำไมต้องลงเรือแล้วเรือกำลังมุ่งหน้าไปไหน แต่เธอก็ไม่เอ่ยปากถามอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว
“ผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้เป็นใครเหรอคะที”
ประโยคคำถามดังขึ้นมาจากพัสวี เธอกลับมาเห็นภาพขณะที่ดำกำลังพาผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นรถเข้า โดยเธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้คือคนที่แม่ของชายหนุ่มส่งมาอีกเป็นแน่
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับน้ำหวาน เธอคนนั้นก็แค่คนที่แม่ส่งมาช่วยงานผมก็เท่านั้นเอง” ธีทัตเอ่ยตอบเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยเลือกจะไม่ลงรายละเอียดและไม่เคยเล่าว่าตอนนี้แม่เขานั้นกำลังทำอะไรให้พัสวีฟัง เพราะไม่อยากให้เธอคิดมากและเขาเลือกจะเป็นคนจบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
“แค่นั้นจริงๆ เหรอคะ”
“แค่นั้นจริงๆ ครับ” ธีทัตส่งยิ้มให้พัสวี ก่อนจะเดินมากุมมือเธอไว้แล้วพาลงมานั่งบนเก้าอี้ พัสวีถ่ายทอดความรักผ่านแววตาที่ทอดมองมายังนายหัวหนุ่ม
ทั้งคู่คบหากันมาได้หนึ่งปีก่อนที่พัสวีจะย้ายมาอยู่กับที่นี่ในฐานะคนรักและเมียทางพฤตินัย ซึ่งก็คือการอยู่ก่อนแต่งนั่นเอง แม้คนอื่นจะติฉินนินทาแต่พัสวีก็ไม่ได้สนใจ เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนี้มีหวังผู้ชายหล่อรวยอย่างธีทัตได้หลุดมือไปแน่ ชีวิตเธอผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะกระทั่งมาเจอธีทัต เขาดูร้ายในสายตาคนอื่นแต่เขาก็ดีกับเธอมาก โดยไม่สนอดีตของเธอด้วยซ้ำ
“ค่ะ...น้ำหวานเชื่อใจคุณ” พัสวีส่งยิ้มให้ นั่นพลอยทำให้ธีทัตยิ้มออกมาโล่งอกอีกครั้ง เธอก็ยังต้องสวมบทนางเอกผู้ใสซื่อและแสนดี ทั้งๆ ที่ในใจนั้นเดือดปุดๆ ราวกับลาวาจากปล่องภูเขาไฟ
พัสวีรู้เต็มอกว่าแม่ของธีทัตไม่ชอบเธอ อาจเพราะเธออดีตที่เธอเคยเป็นเมียน้อย แต่เธอก็เปลี่ยนอดีตไม่ได้ จึงพยายามทำตัวให้ดี แต่ในสายตาของคุณหญิงฤทัยเธอมันคงทำดีไม่ขึ้นเสียแล้ว แต่พัสวีก็ไม่แคร์เพราะคนที่รักเธอคือธีทัต
แต่ที่เธอโกรธจนกลายเป็นความเกลียดชังคุณหญิงฤทัยชนิดเข้ากระดูกดำ คือการที่จู่ๆ คุณหญิงฤทัยก็ส่งผู้หญิงมาที่นี่ โดยผู้หญิงพวกนั้นต่างพูดเป็นประโยคเดียวกันว่าจะมาเป็นเมียของธีทัต เธอรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นและอยากอาละวาดแต่ก็เก็บอาการไว้ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะหากคุณหญิงฤทัยรู้ว่าเธอเป็นเดือดเป็นร้อนก็คงยิ่งได้ใจ
ซึ่งเธอก็วางหมากได้สำเร็จ เพราะคนที่เป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้แทนเธอคือธีทัต นายหัวหนุ่มจัดการผู้หญิงพวกนั้นจนหอบผ้าหอบผ่อนหนีกลับบ้านแทบไม่ทัน และครั้งนี้ก็คงเป็นเหมือนครั้งก่อนๆ พอคิดเช่นนี้พัสวีก็โล่งอกขึ้นมาได้มาก
“ผมคงต้องไปเคลียร์งานที่เกาะสักหน่อย”
“คราวนี้จะไปกี่วันคะ” พัสวีเอ่ยถาม แม้ธีทัตจะไม่บอกว่างานที่ต้องไปเคลียร์คืองานอะไร แต่เธอก็พอจะเดาได้เพราะทุกครั้งที่มีผู้หญิงแปลกหน้ามาที่นี่ นายหัวหนุ่มก็มักจะเอ่ยกับเธอแบบนี้เสมอ และเขาจะกลับมาพร้อมกับการจากไปของผู้หญิงพวกนั้นเช่นกัน
“ไม่เกินสามวันครับ เสร็จแล้วผมจะรีบกลับ”
“ค่ะ...น้ำหวานจะรอ” เอ่ยจบพัสวีก็โผเข้าไปซบอกของธีทัตพร้อมกับสวมกอดนายหัวหนุ่มไว้ ทำราวกับนี่คือการจากลาครั้งสุดท้าย
‘อย่าหวังเลยว่าแกจะทำสำเร็จ อีแก่’ พัสวีเอ่ยประโยคนี้อยู่ในใจ เพราะเธอรู้ทันแผนของคุณหญิงฤทัยทุกอย่าง คอยดูเถอะวันไหนที่เธอตั้งท้องกับธีทัตขึ้นมา วันนั้นเธอจะรีบขึ้นไปแจ้งข่าวดีนี้ให้คุณหญิงฤทัยรู้เป็นคนแรก รับรองได้ว่ามีคนอกแตกตายแน่นอน
รินลดายืนอยู่ตรงท่าเรือ พูดคุยกับดำสองสามคำ แนวแนะนำตัวเสียมากกว่า แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าเธอมาที่นี่เพราะอะไร และหลังจากนั้นก็ต่างคนต่างเงียบ เธอได้แต่ปล่อยให้เวลาให้มันผ่านไปเรื่อยๆ นั่นก็เพื่อรอผู้ชายคนนั้น คนที่ดำเรียกว่านายหัว
ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงเหม่อมองทะเลของระนอง แม้วิวตรงหน้าจะสวยแค่ไหนแต่รินลดากลับเหม่อ เธอเพิ่งเคยมาที่ระนองเป็นครั้งแรกและหวังว่าจะต้องอยู่ที่นี่ไม่นานนัก
‘อดทน’ นี่คือคติประจำใจของรินลดาในเวลานี้ อดทนต่อทุกอย่างที่จะเข้ามา อย่างเช่นในตอนนี้ที่ต้องยืนตากแดดมานานเกือบชั่วโมง เพียงเพื่อรอนายหัวของดำ
กระทั่งสายตามองเห็นชายคนหนึ่งเดินตรงมาหา เขาตัวสูงอย่างเห็นได้ชัด ใส่แว่นกันแดดสีดำแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูก และทันทีที่ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้รินลดาก็แทบทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“อาจารย์ที” รินลดาเอ่ยชื่อธีทัตออกมาเบาๆ ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าจะเป็นเขา นั่นเพราะก่อนที่เธอจะมาที่นี่คุณหญิงฤทัยไม่ได้บอกชื่อหรือข้อมูลอะไรของลูกชายให้เธอฟังเลยด้วยซ้ำ ส่วนเธอก็ไม่ได้ถามเช่นกัน
“ทรายเหรอ” ใช่ว่ารินลดาจะช็อคและตกใจเพียงคนเดียว เพราะธีทัตเองก็ตกใจที่เห็นเธอ มื่อครู่นี้ต่างคนก็ต่างอุทานชื่อของอีกฝ่ายออกมา
ธีทัตจ้องมองรินลดาผ่านแว่นกันแดดเขม็ง ทำราวกับไม่เชื่อสายตาของตัวเองว่าจะเป็นเธอ ก็ใครมันจะไปคิดว่าผู้หญิงที่แม่ส่งมาครั้งนี้จะเป็นเธอไปได้
ภาพความทรงจำเมื่อสองปีก่อนฉายย้อนเข้ามาในหัวของธีทัต จำได้ว่าตอนนั้นเขารับจ๊อบเป็นอาจารย์พิเศษตามคำเชิญของเพื่อนสนิทที่เป็นอาจารย์สอนของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แม้จะไม่ค่อยมีเวลาว่างแต่ก็นึกสนุกจึงตัดสินใจไปทำ ครั้งแรกที่เขาได้พบกับรินลดาคือในห้องเรียน และที่จำเธอได้แม่นเพราะรินลดาเป็นลูกศิษย์คนโปรดของเพื่อนสนิทเขา เพราะสนิทจึงได้ฟังเรื่องราวของเธอบ่อยกว่าใคร จนรู้สึกเหมือนคนคุ้นเคยกันไปโดยปริยาย
