บทที่ 2
“นายหัวครับ มีเอ่อ...แขกมาพบครับ”
“ฉันไม่ได้นัดใครไว้” แม้จะถามออกไปแบบนั้น แต่เอาเข้าจริงธีทัตก็พอจะเดาได้ว่าแขกที่ลูกน้องเอ่ยถึงคือใคร ชายหนุ่มที่เวลานี้นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะก็ถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ สีหน้าบ่งบอกว่าไม่ชอบใจถึงที่สุด ก่อนจะตัดสิน่ใจคว้าโทรศัพท์มากดโทรออกหาผู้เป็นแม่
“แม่คิดจะทำอะไรอีก ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันจบไปแล้วนะครับ” ทันทีที่ผู้เป็นแม่กดรับสาย ธีทัตก็เอ่ยขึ้นก่อนที่คุณหญิงฤทัยจะได้เอ่ยอะไรทันที
“เอาเป็นว่าคนนี้คนสุดท้ายแล้วกันนะที”
“คนสุดท้าย แม่พูดว่าคนสุดท้ายมาหลายครั้งแล้วนะครับ”
“ก็ถ้าลูกทำตามที่แม่บอก ป่านนี้เรื่องมันก็จบไปนานแล้ว” คุณหญิงฤทัยโยนทุกอย่างให้ลูกชายรับไว้ นั่นทำให้ธีทัตถึงกับพูดไม่ออก
“แค่นอนกับผู้หญิงที่แม่ส่งไปให้มันจะยากอะไร แต่ละคนผ่านการตรวจร่างกายมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงและบางคนก็ยังไม่เคยผ่านมือผู้ชายมาด้วย”
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องสดหรือซิงอะไรทั้งนั้น ผมไม่ชอบวิธีที่แม่ทำอยู่ต่างหาก อีกอย่างตอนนี้แม่ก็รู้ว่าผมคบกับน้ำหวานเขาอยู่ ถ้าเขารู้ขึ้นมาว่าแม่ส่งผู้หญิงมาให้ผมไม่เว้นวันแบบนี้ เขาจะรู้สึกยังไง”
“ผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่” ประโยคที่ได้ยินทำเอาคนกลางอย่างธีทัตถอนหายใจออกมาหนักๆ นั่นเพราะไม่รู้จะประสานให้ทั้งแม่และเมียเข้าใจกันได้ยังไง
“แต่ผมจริงจังกับน้ำหวานนะครับ”
“แม่ไม่สน เพราะผู้หญิงคนเดียวที่แม่จะรับเป็นสะใภ้คือหนูทรายเท่านั้น” คุณหญิงฤทัยตอบกลับทันที นั่นทำให้คนฟังถึงกับเหวอ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้ ผู้หญิงคนก่อนๆ ที่แม่ส่งมานั้นแม่ไม่เคยใช้คำว่า ‘สะใภ้’ เลยสักคน แต่คราวนี้แม่กลับพูดคำนี้ออกมา
“สะใภ้! เลยเหรอครับแม่”
“ใช่...ทีฟังไม่ผิดหรอก หนูทรายคือคนที่แม่เห็นควรว่าต้องเป็นเมียของทีและเป็นแม่หลานคนแรกของตระกูลเรา” คุณหญิงฤทัยคิดเช่นนี้จริงๆ ได้รินลดามาเป็นสะใภ้ก็ยังดีกว่าได้ผู้หญิงคนนั้น
“แต่ผมไม่ต้องการใครนอกจากน้ำหวาน”
“แม่เองก็ไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนนอกจากหนูทรายเหมือนกัน”
“แล้วผู้หญิงคนก่อนๆ ที่แม่เคยส่งมาที่นี่ละครับคืออะไร”
“คนก่อนก็คนก่อน ไม่เกี่ยวกับหนูทราย” คุณหญิงตอบแบบกำปั้นทุบดิน
“จะบอกว่าคนนี้คือคนโปรดของแม่ว่างั้นเถอะ”
“ก็ใช่...แม่เอ็นดูหนูทรายและคิดว่าหนูทรายเหมาะสมกับลูกมากกว่าใครทั้งนั้น”
“แม่ครับ แม่จะอคติกับน้ำหวานไปอีกนานแค่ไหน เปิดใจสิครับแล้วแม่จะมองเห็นความดีของเธอ”
“อคติเหรอ แม่เห็นธาตุแท้ผู้หญิงคนนั้นจนทะลุปรุโปร่งมากกว่า ทีนั่นแหละเมื่อไหร่จะตาสว่างเสียที รู้ตัวซะบ้างว่ากำลังกินของเหลือเดนจากคนอื่นอยู่ รู้ไหมว่า...” คุณหญิงฤทัยเกือบพลั้งปากพูดในสิ่งที่รู้มา
“ทุกคนล้วนมีอดีตกันทั้งนั้นครับแม่” ประโยคที่ได้ยินจากธีทัตทำเอาคนฟังนั่งไม่ติดที่ คุณหญิงฤทัยอยากรู้นักว่าลูกชายตัวดีรู้อะไรมาบ้าง รับรองว่ามันไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์แน่
“จะยังไงก็ช่าง แต่อย่าลืมว่าหนูทรายคือคนของแม่ ทีต้องมีลูกกับหนูทรายคนเดียวเท่านั้น ถ้าเกิดทีไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น แม่ไม่รับเด็กคนนั้นเป็นหลานเด็ดขาด มรดกทุกอย่างที่ทีควรจะได้ทีก็จะไม่ได้”
“แม่!” ธีทัตถึงกับอุทานออกมา
“ในเมื่อทีบอกแม่เองว่าผู้หญิงคนนั้นรักทีที่ทีเป็นที ไม่ได้รักสมบัติที่ทีมี ฉะนั้นถ้าทีมีแต่ตัวเธอก็คงไม่จากทีไปไหนหรอก...จริงไหม อ้อ...ทีต้องให้หนูทรายค้างที่บ้านนั่นแหละ ห้ามให้ไปอยู่ที่อื่นเด็ดขาด”
“ครับ...แต่ถ้าเธอหนีกลับเหมือนคนก่อนๆ อันนี้ผมก็ช่วยไม่ได้นะครับแม่” นายหัวหนุ่มรับคำ แต่แผนการทุกอย่างก็เกิดขึ้นในหัวแล้วเช่นกัน
“พูดเรื่องนี้มาก็ดี แม่ขอสั่งห้ามทีกลั่นแกล้งหนูทรายเป็นอันขาด ถ้าหนูทรายหนีกลับมาคราวนี้เราจะได้เห็นดีกัน”
“แค่รับขวัญก็ไม่ได้เหรอครับ”
“ถ้าแค่รับขวัญก็...ได้” คุณหญิงฤทัยเออออไปโดยไม่ทันความเจ้าเล่ห์ของลูกชายตัวดี ส่วนคนเจ้าแผนการก็ยิ้มออกมา ผู้หญิงคนก่อนๆ ที่แม่ส่งมาเขาเองก็ไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรมากมาย ไม่สิอย่าเรียกว่ากลั่นแกล้งให้เรียกว่าการรับขวัญในแบบฉบับของเขาต่างหาก...หึหึ
“งั้นก็แค่นี้ แม่จะเอนหลัง”
“ครับ...ไว้ผมเสร็จจากงานแล้วจะขึ้นไปเยี่ยมแม่”
“อืม” คุณหญิงฤทัยเอ่ยรับแล้ววางสายไป
ส่วนนายหัวธีทัตก็ได้แต่นั่งถอนหายใจออกมาหนักๆ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมครึ่งปีมานี้แม่เขาถึงได้หมกมุ่นกับเรื่องนี้นักหนา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แม่ไม่เคยเร่งเร้าให้เขามีเมียมีลูกเลยด้วยซ้ำ
ส่วนผู้หญิงแต่ละคนที่ถูกส่งมาที่นี่เพื่อให้เขาเอาทำเมียต่อให้สดซิงแต่ก็หน้าเงินกันทั้งนั้น ถึงไม่พูดออกมาเขาก็มองเห็นลิ้นไก่พวกหล่อนไปถึงไหนต่อไหน นั่นทำให้เขามักจะใช้สารพัดวิธีเพื่อไล่ให้ผู้หญิงที่ถูกส่งมาให้กลับกันไปเอง มั่นใจได้ว่าคนที่มาใหม่วันนี้ก็คงอยู่ไม่ทนเช่นกัน
ธีทัตต้องรีบจัดการ นั่นเพราะไม่อยากให้พัสวีคนรักสาว ที่เวลานี้ออกไปทำผมกลับมาเห็นว่าในบ้านมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยสั่งอะไร ลูกน้องคนสนิทที่ยืนรอฟังคำสั่งอยู่ก็ชิงเอ่ยถามขึ้นเสียก่อน
“นายหัวครับ”
“อะไร” คนถูกเรียกเอ่ยรับเสียงห้วน พลอยทำให้คนถามชักใจคอไม่ค่อยดี แต่สุดท้ายก็ตัดใจต้องถามออกไป เพราะนึกห่วงผู้หญิงที่เวลานี้ได้แต่ยืนตากแดดอยู่หน้าบ้าน เหตุเพราะเจ้าบ้านอย่างธีทัตยังไม่ออกคำสั่งให้เข้ามานั่นเอง