บทที่ 4
“ค่ะ” เอ่ยรับเสร็จม่านมุกก็ออกไปจากรถ เธอเดินคล่องแม้รอบๆ ตัวแทบจะมองอะไรไม่เห็น ซึ่งทันทีที่เปิดประตูเหล็กเก่าๆ หน้าบ้านเสร็จ แสงไฟจากในตัวบ้านและตรงทางเดินก็สว่างขึ้น
“กลับมาแล้วเหรอเกล” เสียงของคนเปิดไฟเอ่ยถามขึ้น นั่นเพราะมานั่งรอลูกสาวมาตั้งแต่หัวค่ำจนถึงตอนนี้ ซึ่งเกือบจะตีสองเข้าไปแล้ว
“ค่ะแม่ ขอโทษนะคะพอดีวันนี้งานมันติดพัน” ม่านมุกจำเป็นต้องโกหกอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรลูก ว่าแต่กินข้าวกินปลามาหรือยัง” คนเป็นแม่ที่เวลานี้ร่างกายซูบผอมลงไปมากเดินมายิ้มให้ พร้อมกับยื่นมือหยาบกร้านและผอมแห้งเพราะมีแค่หนังหุ้มกระดูกขึ้นมาลูบใบหน้าสวยหวานของบุตรสาว นั่นทำให้ม่านมุกรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ มันตื้ออยู่ในอกจนอยากร้องไห้แต่ต้องกลั้นไว้
ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีแม่และพี่สาวอีกคน แม่กับพี่รวมถึงบ้านหลังนี้คือโลกทั้งใบของเธอ พอโตหน่อยถึงได้รู้ความจริงว่าพ่อนั้นหนีไปมีครอบครัวใหม่ที่รวยกว่า ทอดทิ้งแม่ให้เลี้ยงดูเธอกับพี่มาอย่างยากลำบาก
ภาพที่เห็นจนชินตามาตั้งแต่เด็กคือแม่ทำงานทุกวันทำทุกอย่าง ล้างจาน เย็บผ้า ขายของ กระทั่งแม่ได้งานประจำที่โรงงาน แต่เพราะทำที่นั่นมานาน ทำหามรุ่งหามค่ำและขาดการดูแลตัวเอง ส่งผลให้เคมีจากโรงงานสะสมในร่างกาย จนแม่เธอป่วยเป็นมะเร็งชนิดหายากให้การรักษายากตามไปด้วย รวมไปถึงค่ายาที่แพงลิบลิ่วที่ส่วนใหญ่เป็นยานอกเวชระเบียนทั้งนั้น
เธอเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ในขณะที่พี่สาวนั้นเลือกที่จะทำงานอย่างเดียว ซึ่งม่านมุกเองก็รู้ว่าพี่ทำงานอะไร แบบไหน นานๆ จะกลับมาบ้านหรือส่งเงินให้สักครั้ง งานที่ว่าเป็นงานสบายๆ ที่เธอก็ถูกพี่สาวชักชวนให้ไปทำ
“เป็นเมียน้อยแล้วไง ฉันไม่แคร์ เพราะความรักสำหรับฉันมันกินไม่อิ่มท้องหรอกยัยเกล”
“แต่เกลไม่อยากให้พี่หลงผิด เลิกได้ก็เลิกเถอะนะพี่เบล”
“อืม...ไว้ฉันจะคิดดูแล้วกัน” ม่านไหมพยักหน้ารับไปอย่างนั้นเอง เธอมาที่บ้านเพื่อเกลี้ยกล่อมน้องสาวให้ไปทำงานเหมือนเธอ นั่นเพราะมีนายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งคือเพื่อนสนิทของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอ เคยเห็นหน้าม่านมุกตอนที่เธอนัดน้องสาวไปกินข้าวเกิดสนใจอยากเลี้ยงดู ไม่ใช่มานั่งฟังน้องเทศนาแบบนี้
คิดย้อนไปแล้วม่านมุกก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ แต่สุดท้ายสิ่งที่เธอหนีมันก็หวนเข้ามาในเส้นทางชีวิต เพราะตอนนี้เธอก็เลือกจะขายตัวให้ใครสักคนเพื่อ…เงิน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แม่คะ...คือเกลต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดสักเจ็ดวันนะคะ” ม่านมุกบอกกำหนดเวลาคร่าวๆ ที่เธอพอจะบอกได้ก่อน
“งานอะไร ทำไมไปนานขนาดนั้นกัน…หืม” สีหน้าของดาหลาแสดงออกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะเธอไม่เคยอยู่ห่างกับม่านมุกนานแบบนี้มาก่อน มากสุดก็แค่สองวันหนึ่งคืน ผิดกับม่านไหมลูกสาวคนโตรายนั้นห่างกันจนชินเสียแล้ว
“งานด่วนนะค่ะ ได้เงินมามากโขทีเดียว ถ้าเกลได้เงินก้อนนี้มา แม่ก็เข้าผ่าตัดได้แล้ว แม่อดทนรอเกลกลับมานะคะ” แม้จะยิ้มให้ผู้เป็นแม่ แต่ภายในใจของม่านมุกนั้นกำลังร่ำร้อง เพราะเธอรู้ว่างานที่ว่าคืองานอะไรแต่ก็พูดออกไปไม่ได้ ส่วนพี่สาวก็โยนภาระเรื่องนี้ให้เธอรับผิดชอบเพียงคนเดียวมาตั้งแต่ต้น ขอความช่วยเหลืออะไรก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าไม่มีไม่มีท่าเดียว
“เกล...ไม่ต้องเหนื่อยหรอก ปล่อยแม่ตายไปก็ได้นะลูก” ดาหลาเอ่ยประโยคนี้กับลูกสาวอีกครั้ง ซึ่งคำตอบจากม่านมุกก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมเช่นกัน
“ถ้าแม่ตายเกลจะอยู่กับใครละคะ”
“กับเบลไง” ดาหลาเอ่ยถึงลูกสาวคนโต ที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาพักใหญ่แล้ว
“แต่เกลอยากให้แม่อยู่ด้วย อยู่กับเกลไปนานๆ”
“แต่แม่ทำให้หนูลำบาก”
“แม่เองก็ลำบากเลี้ยงเกลกับพี่เบลมาจนโตป่านนี้ เกลก็ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงแม่สิ แม่รอเกลก่อนนะ” ม่านมุกส่งยิ้มให้ผู้เป็นแม่ เพื่อบอกว่าเธอยังไหว ยังไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ส่วนพี่สาวก็ส่วนของพี่ หากม่านไหมเลือกที่จะไม่อยากกลับมาดูแลแม่ เธอก็คงห้ามไม่ได้เช่นกัน
“จ้ะ”
“สัญญานะคะแม่ สัญญาว่าจะรอเกลกลับมา”
“สัญญาจ้ะ” ดาหลายิ้มให้ลูกสาว รู้สึกตื้นตันที่ม่านมุกกตัญญูต่อเธอแบบนี้ แต่อีกใจก็โทษตัวเองที่ต้องมาเป็นภาระให้ เพราะเงินที่ม่านมุกหามาได้นั้นล้วนแต่ใช้จ่ายไปกับค่าหมอค่ายาของเธอทั้งนั้น วัยเรียนแท้ๆ ก็ยังหางานพิเศษนั่นนี่ทำไม่ได้หยุดหย่อน เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยคงหนักหนามากทีเดียว แต่ม่านมุกก็สู้มาจนเรียนจบได้สำเร็จ
“งั้นเกลขึ้นไปเก็บของก่อนนะคะ เพราะต้องเดินทางตอนนี้เลย”
“ไปตอนนี้เลยเหรอ” ดาหลาเอ่ยออกมาอย่างตกใจ นั่นเพราะไม่คิดว่าจะต้องไปด่วนขนาดนี้
“ค่ะ”
“แล้วลูกจะไปยังไง”
“เอ่อ...รถเจ้านายเกลจอดรออยู่ที่หน้าบ้านแล้วน่ะค่ะแม่” ขณะตอบม่านมุกแทบไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่เลยด้วยซ้ำ
“อย่างนั้นเหรอ” ดาหลาเอ่ยรับ ก่อนจะยอมให้ลูกสาวขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ซึ่งเธอใช้จังหวะนั้นเดินมายังหน้าบ้านเพื่อจะมองหารถของเจ้านายม่านมุก กระทั่งสายตามองเห็นรถคันใหญ่จอดรออยู่ไม่ไกล
เธอเพ่งสายตาที่เวลานี้ไม่ค่อยดีนักมายังรถคันที่เห็น เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถเองก็กำลังเพ่งสายตามองเธอกลับมาเช่นเดียวกัน
ดาหลาตัดสินใจเดินตรงมาที่รถคันที่เห็น ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ในรถค่อนข้างแปลกใจพร้อมกับเกิดคำถามว่าเธอต้องการอะไร ก่อนจะเอ่ยบอกให้ลูกน้องกดเปิดประตู ไม่นานบานประตูด้านข้างจึงค่อยๆ เลื่อนออก
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของเกล”
“ครับ”
“คุณเป็นเจ้านายเกลใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“เชิญคุณในบ้านก่อน” ดาหลาเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร แต่อลันจำต้องปฏิเสธคำเชิญนี้อย่างเสียไม่ได้
“ไม่เป็นไร ผมไม่ค่อยสะดวก”
“คุณเป็นคนต่างชาติที่พูดไทยเก่ง”
“แม่ผมเป็นคนไทย” อลันเอ่ยตอบ
“อ้อ...มิน่าคุณถึงได้หล่อเหลาเหมือนนายแบบฝรั่งที่ฉันเคยเห็นในทีวี”
“ขอบคุณที่ชมครับ” น่าแปลกที่อลันอยากจะพูดคุยกับแม่ของม่านมุก รู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออกว่าคือที่ไหน
“บอกตามตรงว่าฉันห่วงเกล เพราะเกลไม่เคยไปทำงานที่ไหนไกลและนานขนาดนี้ ยังไงฉันก็ฝากคุณดูแลลูกสาวคนนี้ของฉันด้วย ถ้าทำงานตรงไหนไม่ถูกไม่ควร คุณก็ช่วยสอนแกด้วยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ”
“ขอบพระคุณมากค่ะ” ดาหลายกมือไหว้ขอบคุณ นั่นทำให้อลันที่มีแม่เป็นคนไทยและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศนี้มานานหลายปีจนรู้ขนบธรรมเนียมรีบยกมือขึ้นรับไหว้อย่างขัดไม่ได้
