บทที่ 3
“ขอบใจที่ชมฉันจ้ะสาวน้อย พาตัวไปได้แล้วชาติ” อันดาไม่ได้ยี่หระกับคำแสลงหูที่ได้ยินสักเท่าไหร่นัก นั่นเพราะเธอได้ยินมันจนชินชาเสียแล้ว
“เกลไม่ไป ปล่อยเกล” ม่านมุกดื้อดึงไม่ยอมเดินตามคนของอันดาไปโดยง่าย นั่นเพราะอันดาทำลายความเชื่อใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จะโทษใครได้นอกจากตัวเองที่รู้ทั้งรู้ว่าอาจถูกหักหลัง แต่ก็ยอมเดินเข้ามาติดกับ
“ปล่อยเธอชาติ”
“ครับ” เสียงทุ้มของชาติ ชายผู้เป็นมือขวาของอันดาเอ่ยรับ จากนั้นก็ปล่อยตัวม่านมุกให้เป็นอิสระทันที
“นู่นประตู ถ้าจะไปก็ไปซะ แต่อย่าหวังว่าจะได้เงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว อ้อ...อีกอย่าง ถ้าเธอหนีไปตอนนี้ ฉันรับรองได้ว่าเธอหนีไม่ได้ไกลนักหรอก สงสารแม่เธอบ้างไหมไหนบอกว่าอยากได้เงินไปช่วยแม่ไง อีกอย่างผู้ชายคนนั้นคนที่ซื้อเธอด้วยเงินห้าล้านก็ดูเหมือนจะรวยไม่เบา ยังดูหนุ่มแน่นเสียด้วยถ้าเธอเอาใจเขามากๆ ไม่แน่กลับมา เธออาจได้เงินเป็นกอบเป็นกำ จนตั้งตัวได้สบายๆ เลยก็ได้ เสียตัวให้เขายังได้เงิน ดีกว่าไปเสียตัวให้ผู้ชายฟรีๆ เธอคิดเองแล้วกันว่าต่อจากนี้ควรทำอะไร” เอ่ยจบอันดาก็เดินจากไป ไม่ขวางหากม่านมุกจะหนีออกไปจากคลับ การลองใจครั้งนี้มันเสี่ยงไม่น้อยทีเดียว
ทุกคำพูดของอันดาเสียดแทงความรู้สึกของม่านมุกจนน้ำตาริน เธอยืนนิ่งงันไปชั่วขณะกระทั่งตัดสินใจเดินตรงไปยังประตูหน้าคลับ ชาติที่ยืนมองอยู่ห่างๆ กำลังจะเข้าไปชาร์ตตัวแต่ถูกอันดารั้งต้นแขนเอาไว้เสียก่อน
ม่านมุกยกมือขึ้นคว้าที่จับตรงประตูเพื่อจะผลักออกด้านนอก แต่เธอกลับไม่ได้ออกแรงที่จะเปิดประตูบานนั้น ราวกับว่ามีลมหายใจเฮือกสุดท้ายของผู้เป็นแม่รั้งขาทั้งสองข้างของเธอไว้ แม้มันจะแลกมาด้วยความสุขทั้งชีวิตของเธอก็ตาม นั่นทำให้ม่านมุกค่อยๆ ปล่อยมือจากประตู จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาภายในอีกครั้ง ภาพที่เห็นทำให้อันดายิ้มออกมา ในที่สุดม่านมุกก็หนีไปไหนไม่รอด
“นึกว่าจะแน่”
เวลานี้ร่างเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของม่านมุก กำลังนั่งซุกตัวอยู่ในรถคันหรูหราที่กำลังเคลื่อนตัวไปบนถนนยามค่ำคืน แอร์ภายในรถที่เย็นฉ่ำจนทำให้เธอหนาวเข้าถึงกระดูก แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เพียงแค่แอร์เท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกเช่นนี้ เพราะชายหนุ่มที่นั่งอยู่ถัดไปไม่ห่างก็ทำให้เธอรู้สึกกลัว
เธอกับเขาเหมือนคนแปลกหน้ากันก็ว่าได้ ม่านมุกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร อายุเท่าไหร่และทำอะไรมาบ้าง แต่จะว่าไปเรื่องเหล่านั้นอาจไม่จำเป็นที่ต้องรู้ เพราะรู้ไปก็คงไม่ได้อะไร
“เธอชื่ออะไร” ประโยคคำถามที่เป็นภาษาไทยดังขึ้นทำลายความเงียบ นั่นทำให้ม่านมุกค่อนข้างแปลกใจไม่น้อยที่ชายตรงหน้าออกเสียงพูดได้ชัดเจนขนาดนี้ เพราะคิดว่าเขาจะพูดไทยไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เกลค่ะ”
“เรียนจบหรือยัง”
“จบแล้วค่ะ” ม่านมุกเอ่ยตอบกลับไป
“ดี” เขาเอ่ยรับแค่นั้นและก็ไม่ได้หันมาคุยอะไรกับม่านมุกต่ออีกเลย กระทั่งเธอตัดสินใจเป็นฝ่ายถามขึ้นเอง
“เราจะไปไหนกันคะ”
“กระบี่”
“กระบี่เหรอคะ” สีหน้าของม่านมุกเต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ
“ใช่...หรือว่าเธอมีปัญหาอะไร” แม้จะเอ่ยถามแต่ชายคนข้างๆ กลับไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าของผู้หญิงหนึ่งเดียวในรถด้วยซ้ำไป
“คือ...ไม่มีใครบอกเกลว่าเราจะไปกระบี่กัน”
“นั่นมันปัญหาของเธอ ไม่ใช่ของฉัน” น้ำเสียงห้วนๆ ตอบกลับมาให้คนฟังยิ่งสลด มันไม่ใช่ปัญหาของเขาจริงๆ อย่างที่ว่านั่นแหละ
“ล่ะ...แล้วต้องไปกระบี่กี่วัน”
“เจ็ดหรืออาจจะมากกว่านั้น”
“เกลขอตามไปทีหลังได้ไหมคะ”
“ทำไม!” คราวนี้จากที่นั่งไม่มองหน้า อลันก็ถึงกับเหลียวมามองหน้าสาวน้อยที่มีค่าตัวถึงห้าล้านทันที แววตาของเขาที่ดุดันสะท้อนแสงไฟจากริมถนนนั่นทำให้ม่านมุกกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่นี่คือผลจากการที่เธอได้เลือกแล้วจึงจำต้องยอมรับมันต่อไป
“คืดว่าเกล”
“หรือยังไม่ได้ล่ำลาคนรักของเธอ ฝากบอกเขาว่าฉันเอาเธอมานอนด้วยแค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็ส่งคืนให้แล้ว อาจมีอะไรบุบสบายไปบ้าง แต่คงแค่นิดๆ หน่อยๆ ยังไงฉันจะจ่ายค่าชดเชยให้”
“คุณจะเอาเกลไปฆ่าทิ้งหรือเอาไปทำอะไรก็ได้เพราะนั่นมันเป็นสิทธิ์ของผู้ซื้ออย่างคุณ แต่ที่เกลขอตามไปทีหลังไม่ใช่เพราะเรื่องจะไปล่ำลาใครนอกจาก...”
“นอกจาก อะไร”
“แม่...”
“แน่ใจเหรอว่าแค่แม่”
“แน่ใจ แต่ถ้าคุณจะไม่เชื่อก็ตามใจ”
“อย่าสำคัญตัวเองผิด เธอเป็นใครทำไมฉันถึงต้องเชื่อ” อลันมองม่านมุกนิ่งๆ ไม่ได้แสดงท่าทีจะสนอกสนใจอะไรเธอเป็นพิเศษ
“ค่ะ...เกลรู้ตัวเองดีว่าเป็นแค่ของ...ชิ้นหนึ่งเท่านั้น”
“รู้ก็ดี”
“ขอร้องเถอะค่ะ เกลแค่อยากไปบอกแม่ว่าจะไปกระบี่กับคุณ แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ขอแค่นี้ได้ไหมคะ” ม่านมุกเอ่ยขอร้องชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ อันที่จริงเธอโทรศัพท์ไปบอกแม่ก็ได้แต่กลับไม่ทำแบบนั้น เพราะอยากกลับไปกอดแม่ด้วย
“เกลขอร้อง เกลไหว้คุณก็ได้” เอ่ยจบม่านมุกก็ยกมือไหว้เขาทันที แต่อลันกลับเมินใส่เธอ เขาปล่อยให้รถขับต่อไปเรื่อยๆ โดยคนขับรถซึ่งก็คือลูกน้องคนสนิทคอยมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะๆ ว่าจะมีคำสั่งอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่
รถคันหรูยังคงเคลื่อนตัวต่อไปเรื่อยๆ ม่านมุกได้แต่นั่งก้มหน้าถอนหายใจอยู่เงียบๆ นั่นเพราะรู้สึกหมดหวังที่จะได้กลับบ้านเพื่อบอกแม่เข้าแล้วจริงๆ แต่จู่ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้น
“บอกทางไปบ้านเธอให้ลูกน้องฉันรู้ซะ”
“ขอบคุณค่ะ” ม่านมุกหันมายิ้มรับทั้งที่มีน้ำตาอาบแก้มอยู่ แต่รอยยิ้มของเธอมันยิ่งทำให้อลันหงุดหงิด ผู้หญิงอะไรเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วนัก
เมื่ออลันอนุญาตม่านมุกก็ไม่รีรอ เธอรีบบอกลูกน้องของเขาที่เวลานี้ทำหน้าที่ขับรถอยู่ให้รู้ว่าบ้านของเธอนั้นอยู่ที่ไหนทันที ไม่นานรถคันหรูมูลค่าหลักสิบล้านก็เปลี่ยนพิกัด โดยย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯ พร้อมมุ่งหน้าไปยังบ้านของม่านมุกทันที
ผ่านไปไม่นานรถหรูคันใหญ่ก็จอดเทียบหน้าบ้าน ที่เป็นกึ่งปูนกึ่งไม้หลังขนาดกลาง ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านเก่าแก่รวมถึงตอนนี้มืดมากแล้วส่งให้บรรยากาศรอบๆ เงียบสนิทออกจะติดไปทางวังเวงเสียด้วยซ้ำ เพื่อนบ้านที่อยู่หลังไกลๆ ก็ต่างพากันแยกย้ายเข้านอนแล้ว
“ฉันให้เวลาเธอสิบนาที”
