บท
ตั้งค่า

10 ทำบุญร่วมชาติ

พิมพ์มาดามองตามสายตาของเขา ดวงตาของเธอเป็นประกาย ดวงตาคมของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องหน้าไม่อาจเทียบได้กับความงามของเธอได้

“บ่ายโมงกว่าแล้ว สงสัยคุณพิมพ์หิวแย่เลย?” ธาวินทักขึ้นหลังจากยกนาฬิกาบนข้อมือของตัวเองขึ้นมาดู ดวงตาคมของเขามองใบหน้าของพิมพ์มาดาด้วยความใส่ใจ

“อ๋อยังหรอกค่ะ เราไปไหว้พระกันก่อนก็ได้” พิมพ์มาดารีบตอบอย่างเกรงใจ

แต่แล้ว!!!....เสียงท้องของเธอก็ร้องประท้วงเบาๆ อย่างไม่เป็นใจ ธาวินได้ยินเสียงนั้นจึงยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยแซวด้วยน้ำหยอกล้อ ที่แฝงไปด้วยความห่วงใย

“แหม่!!!..หิวก็บอกมาเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ท้องของคุณพิมพ์มันโกหกตามเจ้านายไม่ได้หรอกครับ”

พิมพ์มาดารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว เธอหลุบตาลงต่ำด้วยความอาย แต่ในส่วนลึกของหัวใจกลับเต้นระรัวด้วยความสุขที่เขาช่างสังเกตและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ

“สงสัยท้องของพิมพ์จะชินน่ะค่ะ ปกติพอเที่ยงปุ๊บก็ทานเลย” เธอตอบเสียงเบา ราวกับกระซิบแก้ตัวด้วยความอายที่ท้องเจ้ากรรมดันไม่ยอมร่วมมือในการโกหกครั้งนี้

ธาวินยกมือขึ้นสัมผัสแก้มเนียนของเธออย่างแผ่วเบา นิ้วโป้งของเขาลูบไล้เบาๆ อย่างทะนุถนอม แววตาของเขาอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความใส่ใจ

“งั้นเดี๋ยวลงเรือแล้วเราไปหาอะไรทานกันก่อนเลยนะครับ” ธาวินเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่พิมพ์มาดาอย่างลึกซึ้ง แววตาเต็มไปด้วยความหลงใหลจนพิมพ์มาดารู้สึกราวกับต้องมนต์สะกด

“ค่ะ” พิมพ์มาดาตอบรับเสียงหวาน พลางเงยหน้าสบตาเขาบ้าง รอยยิ้มหวานละมุนปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบางของเธอ เป็นรอยยิ้มที่สื่อถึงความสุขและความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ

หลังจากลงจากเรือโดยสารที่พาพวกเขาข้ามไปยังฝั่งของวัดเกาะลอย ธาวินก็จับมือพิมพ์มาดาเบาๆ ก่อนจะพาเธอเดินไปตามทางเล็กๆ ที่มีร้านอาหารทะเลเรียงรายอยู่สองข้างทาง กลิ่นหอมของอาหารทะเลสดใหม่ที่กำลังปรุงส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

“คุณพิมพ์อยากทานอาหารแนวไหนครับ?” ธาวินเอ่ยถาม หลังจากยืนมองร้านอาหารตรงหน้าที่มีอยู่หลายร้าน

“อาหารทะเลก็ได้ค่ะ”

“งั้นเอาร้านนี้เลยครับ รับรองว่าต้องถูกใจคุณพิมพ์แน่ ๆ ” เขาชี้ไปยังร้านอาหารทะเลเล็กๆ ที่มีป้ายชื่อเขียนด้วยลายมือเป็นเอกลักษณ์

ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้าน เลือกนั่งริมระเบียงที่มองเห็นวิวทะเลศรีราชาได้ชัดเจน ลมทะเลพัดโชยมาเย็นสบาย พนักงานเสิร์ฟนำเมนูมาให้ ทั้งพิมพ์มาดาและธาวินต่างก็สั่งอาหารทะเลสดๆ ที่เป็นเมนูแนะนำของร้าน

ระหว่างรออาหารที่สั่ง ธาวินก็เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อวัดเกาะลอย และความสวยงามของทิวทัศน์โดยรอบอย่างออกรสออกชาติ เขาเล่าถึงความรู้สึกสงบและเยือกเย็นที่ได้รับจากการมาเยือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น

พิมพ์มาดานั่งฟังอย่างตั้งใจ เธอมองใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววความสุขขณะเล่าเรื่องอย่างเพลินตา แต่แล้ว...เสียงท้องร้องประท้วงเบาๆ คล้ายเสียงดนตรีประหลาดก็ดังขึ้นมาจากฝั่งของเธออีกครั้ง ทำลายบรรยากาศการเล่าเรื่องของธาวินลงอย่างน่าขัน

ไม่นานนัก อาหารทะเลที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมของกุ้งเผา ปลาหมึกย่าง และหอยเชลล์อบเนย ยั่วน้ำลายจนทั้งคู่แทบจะอดใจไม่ไหว ธาวินแกะกุ้งและปลาให้พิมพ์มาดาด้วยความเอาใจใส่ ทั้งคู่ทานอาหารกันไปพลางพูดคุยและหัวเราะกันไป บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น

“อาหารที่นี่ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยครับ” ธาวินเอ่ยชมหลังจากทานอาหารไปได้เล็กน้อย เพราะมัวแต่แกะกุ้งตัวโตเนื้อแน่นตรงหน้าส่งให้หญิงสาวอย่างเอาใจ

“อาหารทะเลสดๆ แบบนี้หากินยากเหมือนกันนะครับ” เขาย้ำอีกครั้งด้วยความพึงพอใจในรสชาติ

“ร้านนี้เป็นร้านโปรดของคุณหรือเปล่าคะ?” พิมพ์มาดาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะตักอาหารเข้าปากอย่างช้าๆ

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ” ธาวินตอบสั้นๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

“ผมจำได้ว่าเคยมาทานร้านนี้กับครอบครัวเมื่อหลายปีที่แล้ว รสชาติยังเหมือนเดิมทุกอย่างเลย”

หลังจากทานมื้อกลางวันกันเสร็จ ธาวินก็เดินจูงมือหญิงสาวขึ้นบันไดไปยังตัววัด โบสถ์สีขาวสะอาดตาประดับประดาด้วยลวดลายไทยสีทองอร่าม ภายในเงียบสงบและเย็นสบาย ธาวินมองภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าเรื่องราวพุทธประวัติด้วยความสนใจ ธาวินจุดธูปเทียนและพาพิมพ์มาดาเข้าไปกราบพระประธานด้านในด้วยความเคารพ

ไหว้พระขอพร ทำบุญกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธาวินก็พาพิมพ์มาดาเดินชมไปรอบ ๆ บริเวณวัด มองทัศนียภาพของทะเลศรีราชาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความประทับใจในความสวยงามและเงียบสงบของสถานที่แห่งนี้

“ที่นี่สวยงามและสงบมากเลยนะครับ” ธาวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม

“พิมพ์ก็รู้สึกชอบที่นี่ขึ้นมาแล้วสิคะ” พิมพ์มาดาตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ

ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่วัดเกาะลอยสักพักใหญ่ ก่อนจะลงเรือกลับไปยังฝั่ง แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง ทั้งสองเดินเล่นริมชายหาดศรีราชาในช่วงเย็น แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าสาดส่องลงมาบนผืนน้ำทะเล

ธาวินจับมือพิมพ์มาดาไว้แน่น สัมผัสอบอุ่นจากมือของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปตามชายหาดที่ทอดยาวอย่างเงียบๆ แสงอาทิตย์สีทองที่กำลังจะลับขอบฟ้าสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและโรแมนติกสำหรับคนทั้งคู่ เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเบาๆ ราวกับเสียงดนตรีธรรมชาติที่ไพเราะ ธาวินหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว ดวงตาคมของเขาจับจ้องอยู่ที่ดวงตาคู่สวยของเธออย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้...ผมมีความสุขมากเลยที่ได้เที่ยวกับคุณ” ธาวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกจากใจจริง ดวงตาคมของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานของพิมพ์มาดาอย่างอ่อนโยน

“พิมพ์ก็มีความสุขมากค่ะ” พิมพ์มาดาเงยหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้มหวานละมุน แสงสุดท้ายของวันสาดส่องลงมาต้องใบหน้าของเธอ ทำให้ผิวของเธอเปล่งประกายสีทองอ่อนๆ

ธาวินโน้มตัวลงมาใกล้ กระซิบข้างหูพิมพ์มาดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ

“แล้วหลังจากนี้...เราจะไปไหนกันต่อดีครับ?” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หาและความปรารถนาที่ยากจะเก็บซ่อนไว้ เสียงกระซิบของเขาแผ่วเบาราวกับเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ยั่วยวนให้หัวใจของเธอเต้นระรัว

พิมพ์มาดารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดต้นคอ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาคมเข้มของธาวิน ราวกับกำลังมองลึกลงไปในจิตใจของเขา และสิ่งที่เธอเห็นนั้น...ทำให้เธอแทบจะถอนตัวไม่ได้เลย

“เย็นมากแล้ว เราไปหาที่พักกันดีกว่าค่ะ” พิมพ์มาดาเอ่ยปากชวน

ธาวินพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งคู่ขับรถต่อไปยังโรงแรมริมชายหาดแห่งหนึ่ง โรงแรมตกแต่งสวยงาม บรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว

หลังจากเช็คอินเข้าห้องพักที่มองเห็นผืนทะเลสีครามกว้างไกล ทั้งคู่ก็ตัดสินใจออกมาเดินเล่นรับลมเย็นยามค่ำคืนริมชายหาด แสงสุดท้ายของวันลาลับไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงแสงจันทร์นวลที่สาดส่องลงมาบนผืนทรายสีขาว สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและโรแมนติกอย่างน่าประหลาด ธาวินเดินเคียงข้างพิมพ์มาดา มือของทั้งสองประสานกันไว้แน่น ราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวซึ่งกันและกัน

“ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จากที่เราอยู่ห่างกันเกือบซีกโลก จะมีโอกาสได้มายืนอยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้” ธาวินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังใบหน้าสวยหวานของเธอที่ถูกแต้มด้วยแสงจันทร์นวล

“แปลกใจเหรอคะ?” พิมพ์มาดาตอบพลางเงยหน้ามองเขา รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนริมฝีปากของเธอ

ทั้งคู่หยุดเดินและหันหน้าเข้าหากัน เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเบาๆ เป็นเสียงดนตรีคลอเคล้า ธาวินยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนของพิมพ์มาดาอย่างอ่อนโยน สัมผัสแผ่วเบานั้นส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นและทะนุถนอม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาที่ยากจะเก็บซ่อน

“แปลกใจสิครับ คุณไม่แปลกใจบ้างเหรอ” ธาวินกระซิบเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าเสียงของเขาจะทำลายความเงียบสงบนี้ ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลงมา ริมฝีปากของเขาสัมผัสริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา เป็นจูบที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนโยน แต่ค่อยๆ ทวีความลึกซึ้งและดูดดื่มขึ้นตามความรู้สึกที่ทั้งสองมีให้กัน ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน เหลือเพียงพวกเขาและจูบอันแสนหวานนี้

เมื่อผละจากกัน ธาวินยังคงจ้องมองพิมพ์มาดาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หา

“คืนนี้...คุณสวยจังเลย” เขาเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

พิมพ์มาดารู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แก้ม เธอหลุบตาลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย แต่ในใจกลับเต้นระรัวด้วยความสุข

“แถวนี้มีบาร์เล็กๆ ริมหาดเราไปนั่งฟังเพลงกันมั้ย?” ธาวินเอ่ยถามพลางจับมือเธอไว้แน่น

“คุณวินไม่เหนื่อยจากการเดินทางเหรอคะ” พิมพ์มาดายิ้มแล้วถามชายหนุ่ม

“ไม่หรอกครับ แค่ผมเห็นหน้าคุณผมก็หายเหนื่อยแล้วครับ”

“งั้นก็ตามใจคุณค่ะ”

“โอเค งั้นถ้าผมจำไม่ผิด เราเดินต่อไปทางนี้อีกหน่อยก็เจอร้านแล้วครับ” ธาวินชี้มือไปยังกระท่อมเล็กๆ ที่มีแสงไฟสลัวๆ ส่องออกมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel