บท
ตั้งค่า

EP.5 ดวงตาคู่นั้น

วันนี้ เดย์ มีคลาสเรียนนอกสถานที่ โดยกลุ่มของเดย์ จำนวน 10 คน ได้ออกมาบริเวณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ซึ่งไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยมากนัก ซึ่งทั้งหมดได้เดินทางมาด้วยจักรยานของมหาวิทยาลัย

ผลงานที่ต้องถ่ายในวันนี้ คือการถ่ายภาพ ชีวิตการพักผ่อนของคนใจกลางเมือง โจทย์คือ สวนสาธารณะ ทุกคนในคลาสนั่งรวมกลุ่ม จัดแจงกล้อง ตรวจทานอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ก่อนที่อาจารย์จะเริ่มแจงรายละเอียดขึ้น

"นักศึกษา สามารถถ่ายรูปในพื้นที่บริเวณนี้ทั้งหมดได้ เราจะอยู่กันจนถึงเที่ยงวันนี้นะ อาจารย์จะนั่งอยู่ตรงนี้ ใครอยากปรึกษาอะไรก็มาหาตรงนี้นะครับ" อาจารย์ภาควิชา แจงข้อมูล

"รับทราบ ค่ะ / ครับ" นักศึกษาทั้ง 10 คนขานรับก่อนที่จะลุกขึ้นแยกย้ายกันไปตามจุดที่ตนเพ่งเล็งไว้

เดย์เลือกที่จะไปจุดที่มีกลุ่มคนรำไทเก็ก อยู่ตรงทิศเหนือของสวน ซึ่งมีระยะทางค่อนข้างห่างจากจุดที่อาจารย์นั่งอยู่พอสมควร เธอจึงแบกกระเป๋าอุปกรณ์กล้อง และปั่นจักรยานออกไป ซึ่งจึงใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะถึง ก่อนจะจอดจักรยานในจุดจอด และเดินไปยังม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปราว 10 ก้าว

เธอหยิบกล้องออกมาปรับเลนส์ให้พร้อมก่อนที่จะเดินออกไปยังกลุ่มคนที่กำลังรำไทเก็กอยู่

เธอเลือกถ่ายจุดนี้เพราะสำหรับเธอแล้ว การที่ได้ขยับร่างกายไปช้า ๆ ด้วยท่วงท่าที่สง่า พร้อมกับกำหนดลมหายใจไปกับอากาศที่บริสุทธิ์ที่หาได้ยากในใจกลางเมืองแบบนี้นั้น เป็นการผ่อนคลายที่สุดสำหรับเธอ และตรงโจทย์กับที่เธอวาดไว้

เธอได้ขออนุญาตจากผู้คนเหล่านั้นเพื่อถ่ายภาพ เมื่อได้รับการอนุมัติ เธอจึงเริ่มเดินถ่ายทุกมุมที่คิดว่าแสงสวย มุมกล้องดี รวมไปถึงคนร่วมเฟรมที่จัดองศาให้ดูไม่รกเกินไป

เวลาผ่านไป ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่เธอถ่ายภาพอยู่ตรงนั้น จนพระอาทิตย์ใกล้จะตั้งฉากเหนือศีรษะ คนที่รำไทเก็กอยู่ก็เริ่มแยกย้ายกันกลับไป

"ฟู่ว...........เสร็จสักที" เดย์นั่งลงถอนหายใจกับภารกิจที่ทำอยู่ พลางเลื่อนดูภาพในกล้องเพื่อเช็คผลงานอย่างจดจ่อ แม้เธอจะยังไม่พอใจนัก แต่ภาพที่ได้ก็ไม่แย่เท่าไหร่ เวลานี้เธอจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้นานไม่ได้ เพราะเมื่อยกข้อมือดูนาฬิกา พบว่าขณะนี้ 11.00 น.

"เฮ้อ.....ยังพอมีเวลานั่งพักหายใจล่ะนะ" เธอลุกขึ้น พร้อมกับมืออีกข้าง ปัดเศษฝุ่นตามกางเกงจากที่เธอนั่งลงกับพื้นไปเมื่อสักครู่ พร้อมกับสายตาหันมองไปด้านหลัง พบว่า มีสระน้ำขนาดใหญ่ และล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ ให้บรรยากาศร่มรื่นอย่างมาก เธอยกกล้องที่คล้องคออยู่ เดินตรงไปทางสระน้ำ และเริ่มปฏิบัติการถ่ายรูปชุดใหญ่อีกครั้ง คราวนี้เป็นการถ่ายภาพตามใจตัวเองแล้วล่ะ

เธอเดินถ่ายไปเรื่อย ๆ รอบๆ สระน้ำ จนมาถึงจุดหนึ่งที่ดูเงียบสงบ ภาพที่ปรากฏในกล้องทำให้เธอยืนแน่นิ่งราวกับถูกมนต์สะกด ในระยะสายตาไม่ไกลนัก เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งพิงกับโคนต้นไม้ด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพับแขน กางเกงสแล็คสีดำ ใส่เฮดโฟน ในขณะที่มือก็ยังคงเปิดอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ขาข้างหนึ่งเหยียดตรง ส่วนอีกข้างก็ชันเข่าขึ้น แม้เธอจะมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มไม่ชัดนัก แต่ทั้งองศา รูปร่าง ท่าทาง การแต่งตัว รวมไปถึง บรรยากาศ ต้นไม้ ต้นหญ้า ที่อยู่ร่วมกันในเฟรมกลับเป็นภาพที่สวยงามมากจริง ๆ

คนที่ชอบถ่ายภาพ เมื่อเจอสิ่งที่เพอร์เฟคขนาดนี้ ก็ทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้เสียแล้ว เธอกดชัตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนเท้าก็เดินขยับไปด้านหน้าอย่างไม่รู้ตัว จนชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโคนต้นไม้รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติที่กำลังคืบคลานเข้ามา

เขาลดหนังสือที่กำลังเปิดอ่านอยู่ลง พร้อมกับถอดเฮดโฟนลงมาคล้องคอ แล้วจึงค่อย ๆ หันมองมายังคนที่ถือกล้องอยู่ไม่ไกลจากเขา

เดย์ที่มองเขาผ่านกล้องอยู่นั้น ก็หยุดชะงักยืนแข็งทื่อ มือที่ถือกล้องอยู่ค้างแบบนั้นไม่สามารถสั่งการให้ลดกล้องลงมาได้ เธอตื่นตระหนกเกินไป ในสมองมีแต่เรื่องราวป่นปี้ไปหมด

"ไม่นะ ซวยแล้ว" เสียงบ่นพึมพำในลำคอ ของเดย์นั้นแผ่วเบาอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ หรือปฏิเสธยังไง เพราะคนที่เธอกำลังถ่าย คนที่ทำให้เธอเคลิบเคลิ้มจนเผลอกดชัตเตอร์ไม่หยุดนั้น คือคนที่ปิดประตูใส่หน้าเธอเมื่อเช้านี่เอง

เธอกลืนน้ำลายไป 2 - 3 อึกก่อนที่จะเริ่มตั้งสติได้ ค่อย ๆ ลดกล้องลง ดวงตาของทั้งคู่สอดประสานกัน มันเป็นแววตาที่ชวนฉงน แกมดีแกมร้าย เขายังคงจ้องเธอแบบนั้น เธอเองก็ยืนจ้องเขาไม่ขยับ

(เพี้ยะ...เพี้ยะ...) เธอนำมือข้างหนึ่ง ตบฉากเข้าไปยังต้นขา เพราะเธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ขาทั้ง 2 ข้างของเธอถึงชา ก้าวไม่ออกขนาดนี้ เธอก้มหน้าตบขาไปสักพัก หางตาก็พบว่า เขากำลังลุกขึ้นและกำลังเดินมาที่เธอ

เธอเห็นแบบนั้นก็ถอยหลังไปสองสามก้าวปล่อยกล้องให้ห้อยคอ โบกมือ ไปมาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก

"ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบถ่ายคุณวินนะ ฉันมาถ่ายภาพวิวแถวนี้จริง ๆ ค่ะ" เดย์ปฏิเสธออกไปพลางโบกมือไม่หยุด ใช่แล้วเธอไม่ได้ตั้งใจถ่ายเขา แต่เขาดันปรากฏในภาพวิวของเธอเท่านั้นเอง แล้วมันดันทำให้ภาพสมบูรณ์แบบ

"แน่ใจนะ ว่าในกล้องคุณไม่มีภาพผมในนั้น" วินยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเดย์ในระยะไม่ถึง 1 ฟุต จนเธอสามารถมองเห็นดวงตาสีเข้มลุ่มลึกที่ทำให้คนติดกับได้อย่างง่ายดาย เขาค่อย ๆ เดินใกล้เข้าไปอีก จนเธอไม่สามารถถอยหลังได้อีกแล้ว เธอจึงยกมือดันอกเขา เป็นเชิงบอกว่ายอมแพ้แล้ว

"ยอมแล้ว ...ขอโทษค่ะที่เสียมารยาท ฉันมาถ่ายรูปวิวแล้วก็มีคุณติดอยู่ในรูปด้วย ฉันลบรูปให้ได้นะคะ " เดย์ยกมือไหว้ หลับตาปี๋

"ผมขอดูรูปที่มีผมติดอยู่ในนั้นหน่อย จะได้ไหม" วินเอ่ยขึ้นพลางกอดอกมองคนตรงหน้า

"ดะ.....ได้ค่ะ" เธอถอดกล้องจากที่คล้องคออยู่ เลื่อนไปภาพที่ถ่ายเขา จากนั้นจึงยื่นให้เขาดู เขารับกล้องนั้นไป

อาการตกใจทำให้เธอเข่าอ่อนไม่น้อย เธอจึงนั่งลงม้านั่งที่อยู่ด้านหลังเธอ นั่งก้มหน้าสูดหายใจให้เต็มปอด แล้วแหงนมองคนตรงหน้าที่ตั้งใจดูรูปที่เธอถ่ายผ่านกล้อง

"ถ่ายได้ไม่เหลวนะ" เสียงทุ้มต่ำของวิน เอ่ยขึ้น

"ก็ฉันเรียนถ่ายภาพค่ะ พอมีทักษะอยู่บ้าง" เดย์พูดได้เต็มปาก เพราะเธอมั่นใจในการถ่ายภาพของเธอมาก และคนก็ชอบภาพถ่ายของเธอทั้งนั้น

"งั้นคุณช่วยส่งภาพเหล่านี้ให้ผมที" วินเอ่ย พร้อมยื่นกล้องคืนเจ้าของ

"คุณอยากได้รูปเหรอ" เดย์ลุกขึ้นรับกล้อง

"ก็มีผมอยู่ในรูป ผมคิดว่าผมมีสิทธิ์นะครับ" วินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ทำไมกันนะ เธอถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้กับคำพูดช่างสวนทางกันเหลือเกิน เขากำลังข่มขู่เธอรึเปล่า แต่ใบหน้าหล่อ ๆ กับรอยยิ้มก็ยังดูเป็นมิตรอยู่

"ได้อยู่แล้วค่ะ ถ้าคุณไม่เอาเรื่องที่ฉันเผลอถ่ายคุณ ฉันยินดีค่ะ แล้วก็ขอโทษอีกครั้ง" เธอก้มหัวขอโทษเพราะเธอรู้ตัวดีว่า ไม่ควรถ่ายรูปใครโดยพลการหากยังไม่ได้รับอนุญาต

"ไม่เป็นไรครับ คุณจะเอามาให้ผมได้เมื่อไหร่"

"ฉันเป็นช่างภาพ จะส่งรูปที่ไม่ผ่านการตกแต่งขัดเกลา จากมือคงไม่ใช่ฉัน ฉันขอเอารูปกลับไปปรับแต่งนิดหน่อยแล้วกันนะคะ ยังไงเราก็อยู่บ้านพักเดียวกัน ช่วงค่ำ ๆ จะเอาไปให้ค่ะ"

"ได้ครับ งั้นผมขอตัวก่อน" วินยักคิ้ว

"ค่ะ" เดย์พยักหน้าเพื่อรับทราบ

วินหันหลังกำลังจะเดินออกไป แต่เขาก็ชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะหันหน้ามาพูดอีกครั้ง

"เมื่อเช้าผมเองก็เสียมารยาทกับคุณไป ผมก็ขอโทษคุณด้วยเหมือนกัน"

"คะ???" เขาหันหน้ากลับเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ แต่เดย์ยังคงนิ่งงันมองดูแผ่นหลังของเขาค่อย ๆ จางหายลับตาไป พอเห็นว่า แสงแดดส่องหน้าเหนือหัวจนรู้สึกร้อนละอุแล้วนั้นเธอก็เริ่มฉุกคิดบางอย่างได้ สายตามองไปยังนาฬิกาข้อมือ เวลา 11.50 น.

"เวรแล้ว จะกลับทันเที่ยงรึเปล่าเนี่ย" เธอหยิบกล้องใส่กระเป๋าเป้ แล้ววิ่งสุดชีวิตไปยังรถจักรยานของเธอ ภายในใจเธอตอนนี้มีเรื่องราวมากมาย แต่มีสิ่งหนึ่งมันชัดเจนขึ้นมาจนเธอไม่สามารถคิดในใจได้

"คุณวิน เขามีเสน่ห์จัง" เธอพูดออกมาในขณะที่วิ่งสุดชีวิต ให้ตายเถอะตัวฉันนี่มันบ้าจริงๆ เลยนะที่คิดอะไรแบบนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel