EP.4 เจอคนดีแล้วก็ต้องมีคนร้าย ๆ
โครม........................................
จู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่น ทำลายความเงียบสงบ ของเดย์และมีน ทั้งสองมองหน้ากันแบบไม่ได้นัดหมาย ด้วยความตกใจในสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
“แกได้ยินเสียง เหมือนฉันมั้ย มีน”
“เออได้ยินทั้งสองรูหูเลยแก” ทั้งเดย์ และ มีนมองหน้ากันอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจ ค่อย ๆ เดินย่องออกไปยังต้นเสียงซึ่งอยู่บริเวณหน้าประตูรั้ว ใจนึงก็กลัวว่าจะเป็นอันธพาลตีกัน แต่อีกใจก็กลัวว่าจะมีคนตายหน้าบ้าน เดย์ที่ดูจะกล้าหาญกว่ามีนอยู่มากนักตัดสินใจเดินนำ โดยที่มีมีนเกาะหลังตามมาอย่างช้า ๆ เมื่อชำเลืองมองไปยังหน้าบ้าน ก็พบว่ามีร่างชายคนหนึ่งนอนกองอยู่กับพื้น
“มีน ... มีคนเจ็บเว้ย ไปช่วยกัน” เดย์พูดด้วยความตกใจ ก่อนที่มีนที่อยู่ด้านหลังจะชโงกมาดู
“นั่น เบียร์นินา” พอมีนเห็น ก็อุทานชื่อออกมาอย่างเร็ว เดย์ที่จำได้ว่า สมาชิกในบ้านพัก คนหนึ่งชื่อเบียร์เหมือนกัน
“หรือว่า เป็นคนในบ้านพักเรา” เดย์เอ่ยถามมีน
“ใช่แล้ว แกมาช่วยกันดูเร็ว” ทั้งเดย์ และมีน ปรี่เข้าไปดูใกล้ๆ พบว่า ยังมีสติดี ได้รับบาดเจ็บบริเวณแขน และสภาพเหมือนจะโดนอัดมาหมาด ๆ ทั้ง 2 ตัดสินใจพยุงร่างขึ้น
“ดูท่ากระดูกก็ไม่ได้หักอะไรล่ะนะแก เราพาเค้าไปหาหมอดีมั้ย” สิ้นคำนั้น ชายที่ถูกพยุงก็เงยหน้าขึ้น ทำเอาทั้ง 2 คนสะดุ้งยืนแข็งทื่อตรงนั้น ใบหน้าที่สะบักสะบอมค่อย ๆ เอียงมาใกล้เดย์มากขึ้น ลมหายใจแผ่วเบากระทบกับใบหูบ่งบอกได้ถึงความใกล้ที่ทำเอาเดย์อยากจะปล่อยทิ้งชายคนนี้ลงตรงนั้น แต่ก็ทำไม่ได้
“ผมไม่ไปโรงพยาบาล พาผมกลับห้องที” เสียงของเขาที่รวยริน แต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น ราวกับคำสั่ง เดย์จึงตัดสินใจทำตามคำขอของเขา เพราะพอลองพิจารณาแล้ว ก็น่าจะพอปฐมพยาบาลได้ไม่ยากนัก
“มีน พาเขาเข้าบ้านก่อน ขืนพาเขาไปโรงพยาบาลตอนนี้มีหวัง เราโดนต่อยได้เข้าโรงพยาบาลแทนแน่” เดย์หันไปพูดกับมีน มีนเองก็ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ทำอะไรไม่ถูก ทั้งสองพยุงเบียร์ ซึ่งเป็นผู้พักอาศัย เข้าบ้าน คุณลุงคุณป้าก็ดูเหมือนจะนอนหลับกันไปแล้ว เดย์และมีนก็ไม่อยากรบกวน จึงตัดสินใจที่จะพาเขาเข้าห้องของเขาเอง
“ยืนเองได้รึยัง เปิดประตูห้องเองได้ไหม” เดย์หันไปถาม ในขณะที่ทั้งเดย์และมีนยังประคองเบียร์อยู่แบบนั้น
“เฮ้อ ..... ได้สิ แข็งแรงจะตาย” เบียร์ที่มีท่าทีสะบักสะบอมเหมือนเดินแทบไม่ไหวตอนนั้น พอถูกประคองมาจนถึงหน้าห้อง กลับยืดตัวตรง แกว่งแขนไปมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเอาเดย์ที่แบกแทบขาลาก ถึงกับควันออกหู
“นายนี่มันกวนประสาท กวนบาทา จริง ๆ เลย ให้ตายเถอะ” ในขณะที่เดย์บ่นอารมณ์เสีย เบียร์ก็ได้แต่ฉีกยิ้ม เอามือทั้ง 2 ข้างปิดหูอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันหลังเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าเดย์ที่กำลังบ่น
“ปัง!!!!” จากที่เดย์หัวเสีย ก็ยิ่งตอกย้ำความเกลียดเข้าไปอีก
“มีน แกดูสิ เขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วเหรอวะ” เดย์ที่ฉุนเฉียวหันไปถามเพื่อนของเธอ มีนได้แต่ พยักหน้าหงึก ๆ แบบนั้น เพราะตั้งแต่มีนอยู่บ้านพักหลังนี้มา มีนก็เห็นเบียร์เป็นแบบนี้ประจำ และแทบไม่กล้าจะสบตาเขาเลยด้วยซ้ำ แม้เขาจะดูหล่อ แต่ก็ดูดุในเวลาเดียวกัน
“เฮ้อ...... ว่าแต่กล่องยาของบ้านนี้อยู่ตรงไหนอ่ะแก” เดย์หันไปถามมีน
“แกจะเอามาทำไม” มีนถามด้วยความสงสัย
“ก็เอามาให้เขาน่ะสิ ถึงจะปากหมาแบบนั้น แต่ก็มีบาดแผลตรงแขนจริง ๆ นั่นแหละ ดูสิ เสื้อฉันยังเปื้อนเลือดอยู่เลย” เดย์ดึงเสื้อบริเวณที่เปื้อนเลือดออกมาให้มีนดู
“แต่เบียร์เขา พูดกับเราขนาดนั้น เราอย่าไปยุ่งน้องเขากันเลยดีกว่า” มีนที่ยังมีท่าทีตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย
“แกแค่บอกฉันว่ากล่องยาอยู่ไหน แล้วแกก็เข้าไปนอนได้แล้ว ที่เหลือฉันจัดการเอง”
“อยู่ตรงนั้นน่ะ” มีนชี้ไปยังจุดกล่องยาประจำหอพัก จากนั้นก็วิ่งเตลิดเข้าห้องไปอย่างเสียขวัญ ส่วนเดย์ถึงแม้จะอารมณ์เสียกับท่าที่ของเบียร์ แต่พอเห็นคนเจ็บก็อดช่วยไม่ได้ เธอเดินไปหยิบกล่องยามา และกลับมาที่หน้าประตูห้องของเบียร์อีกครั้ง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เดย์เคาะประตูอยู่สักพัก แต่ก็ไม่เห็นท่าทีว่าประตูจะเปิดออก
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เดย์เคาะประตูอยู่แบบนั้น แต่เมื่อเห็นว่าไร้ปฏิกิริยา ตอบกลับเธอตัดสินใจวางกล่องยาไว้หน้าห้องและจะเดินกลับห้อง ในขณะที่กำลังหันหลัง เสียงประตูเปิดก็ดังตามหลังทันที เธอหันกลับไปมอง เจ้าของห้องที่สวมเสื้อกล้าม และ บ๊อกเซอร์ ยืนกอดอก พิงขอบประตูอยู่แบบนั้นด้วยท่าทางกวน ๆ ที่ทำเอาเธอไม่อยากเหลียวไปมองให้เปลืองสายตา
“มีอะไรอีก อยากเข้าห้องด้วยรึไง” น้ำเสียงสุดกวนของเขา ทำเอาเดย์ที่พยายามอดกลั้น เมื่อเจอความกวนบาทาก็แทบตบะแตกเลือดขึ้นหน้าแล้ว
“โอ๊ย!!! ไม่ได้อยากจะยุ่งด้วยสักนิด เอานี่กล่องยา รักษาตัวเองไปแล้วกัน” เดย์หงุดหงิด พลางวางกล่องยาไว้ตรงหน้า พอหันหลังจะเดินกลับห้อง ก็ฉุกใจ อยากจะระบายทุกอย่างที่อัดอั้น จึงหันมาพูดกับเบียร์อีกครั้ง
“อ่อ เดิมทีก็ว่าจะมาทักทายตามประสาคนที่อาศัยบ้านพักเดียวกัน แต่ดูท่าคนอย่างนาย ไม่รู้จักกันจะดีกว่าเหอะ” เธอสะบัดหน้า แล้วตรงปรี่เข้าห้องแบบไม่หันหลังกลับมามองคู่สนทนาอีกเลย ชายหนุ่มที่กอดอกพิงขอบประตูนิ่งงัน จู่ ๆ ก็ฉีกยิ้ม ออกมาแบบมีเลศนัย อุทานออกมาเบา ๆ
“น่าสนใจดีนินา” เขาเอื้อมลงไปหยิบกล่องยา ที่วางอยู่ด้านหน้า
“อ่ะ!!!” เขาเหลือบไปมองยังต้นแขนของตนก็พบว่ามีบาดแผลอยู่ จึงทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมเธอคนนั้นถึงเอากล่องยามาให้ และนั่นก็ทำให้เขายิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง
ปัง!!! เสียงปิดประตูดังกึกก้อง เดย์ที่เข้าห้องมาอย่างอารมณ์เสีย หัวร้อน แทบเหมือนลาวาที่ปะทุในปล่องภูเขาไฟที่พร้อมรอระเบิดอยู่ตลอดเวลา
“ให้ตายเถอะ หงุดหงิดชะมัด หงุดหงิดโว้ย!!!” เดย์พูดอย่างหัวเสีย แล้วล้มลงที่นอน เธอหยิบมือถือออกมา ตั้งแต่เกิดเรื่อง จนไม่สบาย เธอก็งดโซเชียลไปสักระยะ
ตอนนี้เมื่อเธอกลับมาเป็นปกติ จึงไม่รีรอที่จะเข้า แอปที่ตนเล่นประจำ แอป THLL เป็นแอปในการโพสต์สัพเพเหระ การไลฟ์ รวมไปถึงการสร้างแกลลอรี่ออนไลน์ ในการโพสต์ภาพถ่ายของเธอที่เธอทำเป็นประจำ พอเธอล็อกอินเข้า ไปด้วย ID : SkyGreen ซึ่งมีผู้ติดตามอยู่หลักหมื่นนั้น ก็พบได้ว่ามีคอมเมนต์มากมายที่ไถ่ถามถึงเธอ
- xxxx : ช่วงนี้ไม่อัปรูปเลย รออยู่นะคะ -
- xxxx : หายไปไหนแล้วคับ คิดถึงภาพถ่ายที่สื่ออารมณ์ของคุณมาก -
- xxxx : ติดตามผลงานอยู่นะคะ รีบกลับมาอัปด้วยนะคะ -
ฯลฯ หลากหลายคอมเมนต์ที่พิมพ์ถามหาเจ้าของไอดีมาอย่างมากมายนั้น ทำเอาเดย์รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“โพสต์ไงดีนะ อืม เอาแบบนี้แล้วกัน”
- SkyGreen : ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ช่วงนี้ ท้องฟ้าสีเขียว ยุ่งมาก แถมยังต้องย้ายที่พักอีก เหนื่อยเลยละค่ะ ไว้จะถ่ายรูปสวย ๆ มาฝากเยอะ ๆ เลยนา.......รอติดตามกันด้วยนะคะ -
- ปลาน้อยในน้ำ : รอเลยครับ ^-^ (56 วินาที ที่ผ่านมา)
หลังจากโพสต์ไปได้สักพักนั้น ก็มี ID หนึ่ง ตอบกลับทันที เธอจำได้ดี ID : ปลาน้อยในน้ำ เป็นไอดีคนดัง ในแอป THLL เขาคนนี้มักจะไลฟ์ร้องเพลงอยู่เป็นประจำ แม้จะไม่เห็นใบหน้าเลยสักครั้ง แต่น้ำเสียงที่ดึงดูดก็ทำให้คนติดตามกันเป็นหลักล้าน ในไม่กี่เดือน และแน่นอนว่า เดย์เองก็เป็นแฟนตัวยงของเขาเช่นกัน
พอช่องที่ตัวเองเป็นแฟนคลับมาคอมเมนต์ก็แทบอยากแคปรูป แล้วนำไปใส่กรอบติดฝาผนัง จากสีหน้าที่บึ้งตึง กลับกลายเป็นยิ้มแฉ่ง ปากแทบฉีกไปจนรูหู ภายในใจกรี๊ดไปเป็นล้านครั้ง เธอกลิ้งตัวไปมาด้วยอาการดีใจราวกับถูกรางวัลที่ 1 ก็ไม่ปาน พลางเอื้อมหยิบหูฟัง กดไปที่ช่องของ ปลาน้อยในน้ำ ซึ่งกำลังไลฟ์อยู่ เขากำลังร้องเพลงคลอเสียงกีต้าร์ที่เกลาอย่างละมุน ตาของเดย์ค่อย ๆ เคลิ้ม จนเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว นี่สินะ เสียงที่นุ่มหวานที่ฟังที่ไรก็ผ่อนคลายเสมอ
รุ่งเช้า เสียงนก เสียงกา เอ่อ...ไม่มีหรอก แม้บ้านพักจะร่มรื่นแค่ไหน แต่สภาพแวดล้อมข้าง ๆ ก็คือแหล่งชุมชน ที่ใกล้รั้วมหาวิทยาลัย เสียงแตรรถที่ดังเป็นระยะ ตามสไตล์เมืองที่สุดแสนจะวุ่นวายแห่งนี้ ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็หลีกหนีไม่พ้นหรอก แม้เดย์จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้แล้วก็ตาม แต่เสียงรบกวนรอบข้าง กลับทำให้ตื่นก่อนเวลาที่ตั้งไว้ซะอีก มือที่ทรามหาหมอนอีกใบกดทับไปที่ใบหูอีกข้าง ราวกับหมอนคือแผ่นขนมปัง ส่วนหัวของเธอเป็นเหมือนใส้ขนมปัง แรงกดของมือทั้ง 2 ข้าง ที่พยายามกดหมอนปิดหูเท่าไหร่ เสียงเหล่านั้นก็เล็ดลอดเข้ารูหูอยู่ดี
“ตื่นก็ได้ เฟ้ย!!!” เดย์ที่แลดูจะหงุดหงิดในยามเช้านั้น ลุกขึ้นนั่งตัวตรงอยู่บนเตียง ตาที่ยังปรือไม่ตื่นดี ขยี้อยู่ 2-3 ที ก็ล้มลงนอนไปอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะหลับตาลง เสียงมือถือที่ตั้งปลุกไว้ก็ดังขึ้น เป็นการย้ำว่า รอบนี้ต้องตื่นจริง ๆ แล้วล่ะ
เธอลุกขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟัน แต่งตัวแต่งหน้าเพื่อเข้าเรียน วันนี้ทางคณะจะให้ออกนอกสถานที่ เธอจึงเลือกเสื้อผ้าที่ใส่แล้วดูคล่องตัว และโปร่งสบาย อย่างเสื้อ โอเวอร์ไซส์ กางเกงผ้าขายาวสีดำ หมวก เป้สักใบ และแน่นอนว่า กล้องคู่ใจ ที่เป็นอุปกรณ์ในการเรียน แม้เธอจะไม่ได้แต่งตัวแต่งหน้าเยอะมาก แต่ด้วยเป็นคนที่รูปร่างดี ผิวพรรณดี แล้วหน้าตาดี ไม่ว่าแต่งแบบไหนใครเห็นก็เหลียวมองอยู่ดี
เดย์ลงมาชั้นล่าง และมุ่งตรงไปยังห้องครัวทันที เพื่อรับประทานอาหาร วันนี้เธอไม่ได้ไปเรียนพร้อมกับมีน แม้ทั้งคู่จะเรียนเอกเดียวกัน แต่ก็อยู่คนละกลุ่มในการออกพื้นที่ถ่ายภาพ
โดยปกติ ช่วงเช้า คุณป้า จะปิ้งขนมปัง พร้อมแยมหลากหลายให้ทาได้ตามใจชอบ มีเครื่องดื่มร้อน ๆ ทานคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นไมโล นมร้อน กาแฟ
เมื่อเธอทานเสร็จแล้ว และกำลังจะเดินออกไป คุณป้า ก็เดินมาพอดี
“หนูเดย์ ช่วยเอา ชุดขนมปัง กาแฟนี่ ไปให้ วินได้มั้ยลูก เมื่อกี้วินเขาวานป้าเหมือนเขาลงมาทานไม่ได้ พอดีป้าจะรีบไปตลาดน่ะ ห้องวินเขาอยู่ห้องมุมทางเดินนะ” คุณป้าเจ้าของบ้าน พูด
“ได้สิคะ เดี๋ยวเดย์เอาไปให้เขาเองค่ะ” เดย์ยิ้มรับ ก่อนที่คุณป้าจะเดินออกจากบ้านไปทางประตูห้องครัว เธอยกขนมปังกับกาแฟที่คุณป้าตระเตรียมไว้ให้ ขึ้นไปชั้น 2 และหยุดอยู่ตรงหน้า ห้องของผู้พักอาศัยอีกคนที่ยังไม่เคยเจอหน้า แต่เพราะคุณป้าเคยบอกไว้ว่า คนชื่อวิน เรียน ป.โท แล้ว นั่นแสดงว่า เขามีอายุกว่าเธอแน่นอน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” “ขนมปัง กับ กาแฟค่ะ คุณป้าฝากไว้ช่วยเปิดประตูรับทีค่ะ” เดย์พูด สักพัก ประตูก็แง้มออกมา ร่างของชายคนหนึ่งที่สูงโปร่ง หล่อเหลาเอาการ และดูเหมือนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เพราะผมดำขลับของเขายังเปียกชุ่ม และซับหมาดด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่เลย ทำเอาภาพที่เธอเห็นตกอยู่ในภาวะตะลึงงันแต่ก็ยังไม่เห็นหน้าเขาชัดอยู่ดีเพราะผ้าขนหนูผืนเล็กบนหัว
ปฏิกิริยาของเธอว่า ตกใจแล้ว แต่ชายหนุ่มคนที่ชื่อวินกลับยิ่งกว่า เขาเบิกตาโพลงด้วยท่าทีตกใจ และนิ่งไปสักพัก
“คุณคะ ขนมปัง กับกาแฟค่ะ จะรับได้รึยังคะ คือฉันรีบค่ะ” เดย์ยังคงงงงวยกับท่าทีกับคนหล่อที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มที่แน่นิ่งไปสักพักรับขนมปังและกาแฟไป แทนที่จะกล่าวขอบคุณอะไรบ้าง กลับปิดประตูดัง ปัง!!! ต่อหน้าเธอที่ยืนเด๋ออยู่อย่างนั้น เธอได้แต่คิดในใจ (นี้มันอะไรกันเนี่ย คนที่ 2 แล้วนะที่ปิดประตูใส่ฉันแบบนี้ ฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่า)
ในหัวของเธอครุ่นคิดอยู่นาน และพยายามหาสาเหตุ คิดเท่าไหร่เธอก็คิดไม่ออก และแน่นอนว่าเธอไม่รู้จักเขา แต่ทำไมเขาจึงมีปฏิกิริยาแบบนั้นกันนะ เธอคิดไปอยู่พักใหญ่ แต่พอเริ่มได้สติเหลือบไปดูนาฬิกาข้อมือก็พบว่าสายมากแล้ว ทำให้ภาพที่เธอพบกอล์ฟวันแรกในลักษณะ ปากยังกัดขนมปังแล้ววิ่งปรี่ออกจากตัวบ้านลอยมา และแน่นอนว่าตอนนี้เธอก็เป็นเฉกเช่นนั้น แค่ไม่มีขนมปังอยู่บนปากเท่านั้นแหละ
