EP.3 ยินดีที่ได้รู้จัก
ในห้วงแห่งความฝัน ชายคนเดิมยังตามหลอกหลอน ใบหน้าครั้งสุดท้ายที่แสนกระอักกระอ่วนของเขา เธอยังคงจดจำได้ดี ในขณะที่เธอยังกุมขมับตัวเองนั้น ก็เหมือนมีร่างตัวเองอีกร่างคอยย้ำเตือนเรียกสติเสมอ (ลืมมันซะ ลืมมันได้แล้ว) ความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าการบอกเลิกกัน คือ ความเงียบที่ไม่สามารถอธิบายอะไรให้กันได้อีกต่อไป การจบโดยที่ไม่ได้คุยกันอีก มันยังคงตามสร้างบาดแผลอยู่ในใจเสมอมา (สลัดมันไปซะ เริ่มต้นใหม่ได้แล้วนะ) ในขณะที่นั่งจมทุกข์อยู่ในห้วงแห่งฝันร้าย จู่ ๆ ก็มีมือ ทั้ง 4 ยื่นออกมาตรงหน้า เธอมองไม่เห็นหรอกว่านั่นคือมือของใครบ้าง รู้แค่ว่า มือเหล่านั้นกำลังจะพาเธอไปสู่แสงสว่างปลายทางอุโมงค์ที่มืดมิดนี้เสียที
เดย์ที่หลับไปหลายชั่วโมงจนตกเย็น ใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อจากฝันร้าย เปลือกตาที่ขยับไปมาก่อนที่จะลืมตาตื่นออกจากฝัน
ความรู้สึกตอนนี้ของเธอมันขาวโพนไปหมด แขนทั้งสองข้างพยุงตัวเองขึ้นนั่งตรง เอียงคอซ้ายขวา คลายความเมื่อยล้าจากการนอน เธอนิ่งอยู่สักพักหนึ่ง แล้วพิจารณาตัวเอง พยายามคิดถึงเค้าคนนั้น แล้วค้นพบว่า เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอีกต่อไป หัวที่เคยหนักอึ้งเจียนตายแทบอ้วก จู่ๆ ก็โล่งโปร่ง เหมือนที่ผ่านมามันก็ผ่านไปเสียที ใบหน้าที่อมทุกข์มานาน ค่อยๆ ฉีกยิ้มมุมปาก ราวกับตายแล้วเกิดใหม่
“จัดให้ตึง ๆ นายไปอยู่มุมโน้นเลย ...” เสียงแว่วเล็ดลอดผ่านช่องประตูที่ปิดไม่สนิทนัก เหมือนมีคนเข้าออกห้องมาก่อนหน้านี้ เมื่อเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ก็รู้ได้ว่า เสียงนั้นดังมาจากห้องข้าง ๆ ซึ่งก็เป็นห้องของเธอเอง
เธอเอื้อมมือไปหยิบยางรัดผม เพื่อเกล้าผมที่ยุ่งเหยิง หลังผ่านศึกรบกับหมอนใบหนึ่ง เป็นทรงโพนี่เทลให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่จะลุกไปห้องของตัวเอง ตามต้นเสียงที่ได้ยินด้วยความอยากรู้ เธอค่อย ๆ แง้มประตูห้องตัวเอง ก็พบว่ามีน และ ผู้ชายคนหนึ่งที่เธอจำได้ว่าเห็นตอนเช้าขณะมาบ้านพัก ชายหนุ่มคนที่แต่งชุดนักศึกษาไม่เรียบร้อย ปากกัดขนมปังชิ้นใหญ่ผ่านหน้าไป ตอนนี้กำลังขะมักเขม้น ในการจัดผ้าปูที่นอนของเธอ แลดูใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย
“พวกเธอ .........” เดย์เอ่ยปากพูด ทำให้ทั้ง 2 คนที่จัดผ้าปูอยู่นั้นเงยหน้าหันมาพร้อมกันตามต้นเสียง
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นมั้ย” มีนหันหน้าพูดกับเธอในขณะมือก็ยังจัดผ้าปูอยู่แบบนั้น
“ดีขึ้นแล้วล่ะ แล้วนี่ ......”
“ฉันมาจัดห้องนอนให้แกไง เห็นแกนอนอยู่ ไม่อยากปลุก นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย เลยวานน้องเค้ามาช่วย” เดย์กวาดสายตาไปทั่วห้องพบว่า จัดได้อย่างเนี้ยบ แต่สุดท้าย สายตาก็ไปบรรจบกับ ชายหนุ่มคนนั้น
“เออ ..... คุณชื่อ....” ในขณะที่เธอยิงคำถามที่ดูตะกุกตะกัก เจ้าตัวที่ถูกล็อกสายตาก็ยิ้มแป้นแล้วทักทายอย่างเป็นมิตรทันที
“ผมชื่อกอล์ฟครับ อยู่ห้องตรงข้ามพี่น่ะ” ใบหน้ายิ้มแย้มของกอล์ฟ พลางชี้มือออกไปทางห้องของตัวเอง ทำให้เดย์รู้สึกหายเกร็งไปทันที เธอพิจารณาคร่าวๆ แล้ว คนนี้คงเป็นคนที่น่ารักอัธยาศัยดีอีกคนแน่นอนในความรู้สึกของเธอ
“เรียกฉันว่า พี่ งั้นแสดงว่า ....”
“น้องกอล์ฟ เขาเรียนอยู่ปี 2 น่ะแก” มีนแนะนำก่อนที่จะเอามือโอบไหล่กอล์ฟ แสดงความสนิทสนม คุ้นเคยมักจี่กันเป็นอย่างดี
“หรือว่า พวกเธอจะเป็น . ....” เดย์ที่พูดไปด้วยความคิดตัวเอง
“โน ................. อย่าคิดอะไรแบบนั้นเพื่อน ฉันกับน้องกอล์ฟ สนิทกันเพราะบ้านพักนี่แหละ อีกอย่างนะ แฟนน้องกอล์ฟเขานะ หล่อจะตายไป ใช่ไหมกอล์ฟ” สายตาเจ้าเล่ห์ของมีน ทำเอากอล์ฟเขินพูดอะไรไม่ออก เดย์เองก็มองออกมาว่าน้องยิ้มอาย ๆ
“เอาเป็นว่า ไม่ว่าแกหรือฉัน อ่อยน้องเค้า หรือ จะใส่แต่ผ้าขนหนูมาผืนเดียว น้องเค้าก็ไม่สะทกสะท้อนหรอก ไว้ใจน้องเค้าได้” มีนตบบ่ากอล์ฟ อย่างเชื่อใจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้เดย์
“พี่ชื่อ เดย์นะ ยินดีที่ได้รู้จัก” เดย์ยื่นมือออกไปตรงหน้ากอล์ฟพร้อมรอยยิ้ม
“เช่นกันครับ มีอะไร เรียกผมได้เลยนะพี่ เว้นเรื่องเดียว เรื่องตังค์ ผมช่วยไม่ได้” กอล์ฟพูดไปมือหนึ่งลูบหัวตัวเอง อีกข้างก็จับมือกับเดย์เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ พี่น้องในบ้านพักแห่งนี้
“นี่กอล์ฟ อย่าไปพูดเรื่องเงินกับเพื่อนพี่สิ เราต่างหากที่สักวันอาจจะไปปรึกษาสถานะทางการเงินกับเขา” มีนแทรกเสียงขึ้นมา
“ฮ่า.............” ทั้ง 3 คน หัวเราะดังลั่น ความสัมพันธ์ และมิตรภาพในบ้านหลังนี้ของเดย์กำลังจะเริ่มต้นแล้วนะ เดย์ มีน และกอล์ฟ คุยต่อเรื่อยเปื่อยไปได้สักพัก กอล์ฟก็ขอตัวกลับไปอาบน้ำก่อน เพราะหลังจากกลับจากมหาลัยนั้น เขาก็ถูกมีนลากมาจัดห้องอย่างกะทันหัน เหลือเดย์และมีนที่ยังคงอยู่ในห้อง
“จะว่าไปแล้ว คุณลุง คุณป้า อยู่ป่ะ ฉันยังไม่ได้ทักทายเลย” เดย์หันไปถามมีน
“เหมือนจะอยู่ที่ห้องครัวเตรียมข้าวเย็นนะ จริงสิ แกลงไปทักทาย คุณป้าก่อนได้เลย คุณลุงคุณป้าเป็นคนใจดีมาก เดี๋ยวฉันขออาบน้ำก่อนแล้วจะตามไป”
“โอเค.... ใจมากเพื่อน” หลังจากมีนออกจากห้องไป เดย์ก็จัดแจงของที่กองอยู่ในห้องให้เข้าที่เข้าทางจนเสร็จสับ เธอมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าเรียบร้อยหมดทุกอย่างจริงแล้ว จึงออกจากห้องเพื่อลงไปหาคุณลุงคุณป้าเจ้าของบ้านพัก
เดย์เดินลงมาชั้น 1 ได้ยินเสียงในครัวที่เหมือนมีคนกำลังทำอาหารอยู่ในนั้น เป็นร่างของผู้สูงอายุคนหนึ่งกำลังทำอาหารอย่างใจจดใจจ่อ เธอจึงรุดเข้าไปช่วยทันที แบบไม่รีรอ
“คุณป้าคะ มีอะไรให้หนูช่วยมั้ยคะ” สิ้นเสียงของเดย์ คุณป้าเจ้าของบ้านพัก ก็หันมามองทางต้นเสียง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอแลดูไม่คุ้นตาสำหรับเขา ก็ทำให้เธอเข้าใจได้ว่านี่คือผู้พักอาศัยคนใหม่ อีกคนนั่นเอง
“ไม่เป็นไรจ้ะหนู ป้าทำเกือบเสร็จแล้ว นั่งลงก่อนสิ” เดย์ฟัง และทำตามอย่างว่าง่าย เพื่อรอเจ้าของบ้านทำภารกิจในครัวให้เสร็จก่อน หลังจากคุณป้าทำอาหารแล้วเสร็จนั้น ป้าเจ้าของบ้าน ก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ ด้วยท่าทางเป็นมิตร
“หนูชื่อเดย์นะคะป้า จากนี้ก็ของฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” เดย์พูด
“อยู่ที่นี่ ไม่มีกฎอะไรมากหรอก ขอแค่ไม่เสียงดังรบกวนกัน เราอยู่กันแบบครอบครัว มีอะไรไม่สบายใจ อยากได้อะไรบอกป้าได้นะ” น้ำเสียงของคุณป้าที่นุ่มนวล สอดรับกับใบหน้าที่ยิ้มอย่างอบอุ่น ทำเอาคนฟังอย่างเดย์รู้สึกดี และสบายใจกับบ้านพักหลังนี้ขึ้นมาก
“ได้ค่ะคุณป้า ว่าแต่ที่นี่ มีใครบ้างคะ เดย์จะได้ทักทายเขาได้ถูก”
“ถ้ารวมหนูเดย์ด้วยก็มี 5 คน ว่าแต่เจอใครบ้างแล้วล่ะ” คุณป้าหันหน้าถามเธอ
“นอกจากมีน แล้ว ก็มีน้องกอล์ฟค่ะคุณป้า”
“อ่อ แสดงว่ายังไม่เจอ อีก 2 คนสินะ คนหนึ่งน่าจะเป็นรุ่นน้องเราชื่อเบียร์ เห็นว่าเรียนอยู่ปี 2 อีกคนชื่อวิน เพิ่งมาวันแรกเหมือนหนูเดย์เลย เห็นว่าเรียน ป.โท แล้วนะ” เมื่อเดย์พิจารณาจากคำพูดของคุณป้าแล้วนั้น ก็เป็นไปได้ว่า อีก 2 คนเป็นผู้ชาย คนหนึ่งเด็กกว่า อีกคนแก่กว่า พอเธอมาคิด ๆ ดูแล้ว เธอต้องอยู่ร่วมชายคากับ ผู้ชายหลายคน เป็นครั้งแรก ทำเอาเธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก จากคนที่รักอิสระ อยู่อย่างสันโดษ จะต้องมาร่วมชายคากับคนแปลกหน้าในบ้านต่อจากนี้เป็นต้นไป
“อาหารเสร็จแล้วจ้า เด็ก ๆ ลงมาทานข้าวได้แล้ว” เสียงคุณป้าเจ้าของบ้านพักตะโกนเรียกผู้พักอาศัยในบ้านหลังตระเตรียมอาหารจนเสร็จ โดยมีเดย์คอยเป็นลูกมือจัดแจงบริเวณโต๊ะอาหาร ทุกคนทยอยนั่งลงบนโต๊ะ มีคุณลุง คุณป้า เดย์ มีน และกอล์ฟ นั่งล้อมกัน
“คุณป้าคะ แล้วเบียร์ กับคนใหม่อีกคนละคะ” มีนพูดขึ้นขณะที่มือก็พร้อมทานอาหาร
“เห็นว่าวันนี้จะกลับดึกกันน่ะ ทั้งคู่เลย ป้าเองก็แบ่งอาหารในส่วนของ 2 คนนั้นไว้แล้ว ทานกันได้เลย” คุณป้าพูดพร้อมยิ้ม ทุกคนลงมือละเลงอาหารที่อยู่ตรงหน้า อย่างรวดเร็ว อาหารฝีมือคุณป้าอร่อยมาก ทำเอาคนที่ลิ้มรสเป็นครั้งแรกถึงกับอุทานออกมา
“โหย อร่อยมากเลยค่ะ” เดย์ทานไปพร้อมกับตาที่ลุกวาว กับรสชาติที่อร่อยจนบรรยายไม่ได้
“นี่แหละ เหตุผลที่ฉัน อยู่ที่นี่ เพราะฝีมือคุณป้านี่แหละแก สุดยอดแม่ครัวมือทอง” มีนชมคุณป้าด้วยความภาคภูมิใจ และสุดแสนจะนำเสนอ จนคุณป้ารู้สึกเขิน
“ไม่ขนาดนั้นหรอกลูกเอ้ย เห็นชอบอาหารที่ป้าทำ ป้าก็ดีใจแล้ว เอาล่ะ ทานกันเยอะ ๆ เลยนะ” ทุกคนต่างขะมักเขม้นในการรับประทาน พลางพูดคุยกันสัพเพเหระ แลดูว่าจะเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ ทุกคนต่างแยกย้ายไปมุมส่วนตัว เดย์เลือกที่จะปลีกตัวออกมาสวนหน้าบ้าน นั่งชิงช้าในสวนแม้จะมืดค่ำ แต่ก็มีไฟสีเหลืองนวลตาให้ความสว่างอยู่รำไร เธอแหงนมองไปบนท้องฟ้า วันนี้ท้องฟ้า ไม่มีหมู่ดาว ไม่มีดวงจันทร์ให้เห็น แต่ในความรู้สึกเธอนั้นกลับมองเห็นแสงสว่างในบ้านพักหลังนี้ เธอฉีกยิ้มออกมา ด้วยใจที่รู้สึกโล่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“แก.....................” เสียงตะโกนลั่นจากในบ้านของมีน ทำเอาคนที่กำลังนั่งยิ้มอยู่หน้าบ้าน ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย อะไรกันที่ทำให้เพื่อนของเธอตื่นตระหนกขนาดนั้น มีนวิ่งมาราวกับโดนหมาไล่ไม่คิดชีวิต ชะงักอยู่ตรงหน้าเธอก้มลงหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ พอตั้งสติได้ ก็ชูมือถือในมือขึ้นให้เดย์ดู
“นี่ใช่ไหม ........... ที่ทำให้แกเป็นหนักขนาดนี้” มีนยื่นข่าว การเปิดตัวคู่หมั้นของแบงค์ให้เดย์ดู และดูเหมือนจะเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วแวดวงไฮโซ หากเป็น 2-3 วันก่อน เธอคงร้องไห้ฟูมฟาย แบบไม่อายเพื่อน แต่ ณ.วันนี้ เมื่อเธอพิจารณา สิ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 ปี ระหว่างเธอกับแบงค์ เธอก็รู้สึกเข้าใจจุดจบที่ต้องเป็นแบบนี้
เดย์ค่อยๆ นั่งลงบนชิงช้า ด้วยท่าทีไม่ตื่นตระหนกนักทำให้ผู้เป็นเพื่อนสนิทถึงกับงวนงงในความคิด หรือเพื่อนเธอกำลังช็อคอยู่นะ
“แก ไม่เป็นไรใช่มั้ย” มีนเอ่ยถามพร้อมค่อย ๆ นั่งลงบนชิงช้าข้าง ๆ เดย์
“เคยเป็นสิ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ฉันมีแกอยู่ จะเสียใจทำไมจริงมั้ย” ด์ที่หันไปกุมมือเพื่อนตนเองเพื่อสร้างความสบายใจให้เพื่อนของเธอ
“ไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะแก” มีนพูด
“จริงสิ... จะโกหกแกทำไม ตอนนี้ฉันร้องไห้มั้ยล่ะ เห็นป่ะ คราบน้ำตาไม่มีสักนิด” เดย์ยิ้มให้เพื่อนอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันคิดแล้วคิดอีกว่าจะถามแกดีมั้ย แต่พอเจอข่าวเมื่อกี้ ก็พาลหัวร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ทำไมวะ ทำไมพี่เค้าทำกับแกแบบนั้น” มีนที่ดูเหมือนจะฉุนแทนเดย์ ลุกขึ้นกอดอก ร้อนรนแทนเพื่อน
“นั่งก่อนเพื่อน ใจเย็น ๆ ” เดย์ที่เห็นมีน ฉุนเฉียวเพราะเรื่องตัวเองนั้น พยายามพูดเพื่อโน้มน้าวให้เพื่อนของเธอเข้าใจเหตุการณ์ว่า ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ แต่หากจะให้เล่าทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด มันก็คงเป็นเรื่องยาก
“เอาเป็นว่า ฉันไม่เป็นไรแล้วน่ะแก บางทีฉันกับพี่แบงค์ อาจจะไม่เคยเป็นแฟนกันเลยก็ได้ ไม่สิ อาจไม่เคยรักกันเลยมากกว่า” หลังจากประโยคนี้ออกจากปากเดย์ บรรยากาศก็ดูเงียบสงัด มีนไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรต่ออีกแล้ว เพียงแต่เธอพยายามมองสายตาไปที่เพื่อนของเธอว่า คำพูดที่ออกมาจากปากของเพื่อนเธอนี้ ได้ฝืนพูดออกมาไหม แต่สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาของมีนนั้น กลับเป็นรอยยิ้มของเดย์ที่ละมุน แล้วแหงนมองท้องฟ้า ราวกับสิ่งที่พูดมาจากใจจริง ๆ
