EP.2 บ้านพักหลังใหม่
บรืน...........................
รถสปอร์ตสีดำ สุดหรูหราคันหนึ่งที่แล่นไปตามทาง มุ่งหน้าสู่ บ้านพักที่เพื่อนสนิทของเธอแนะนำให้มาอยู่ร่วมกัน ซึ่งก่อนที่เธอจะมา ผู้เป็นแม่ได้เข้ามาสอดส่องดูก่อน และได้รับการต้อนรับจากเจ้าของบ้านเป็นอย่างดีด้วย
สภาพแวดล้อมที่ดี ทางไม่เปลี่ยว ตัวบ้านน่ารัก และดูปลอดภัย ทำเลทางไป-กลับมหาลัยก็เป็นไปอย่างสะดวก แม่ของเธอจึงอนุญาต และให้คนขับรถของบ้านมาส่งเธอ พร้อมสัมภาระมากมายที่บางที ก็ดูเหมือนเกินความจำเป็นในความคิด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธผู้เป็นแม่ได้
“เฮ้อ.....แม่นะแม่ แล้วห้องจะเก็บไหวเหรอเนี่ย” เธอได้แต่ถอนหายใจ ก่อนที่จะหันหน้ามองข้างทาง ในขณะที่รถกำลังมุ่งหน้าสู่บ้านพัก จู่ ๆ ในความคิดของเธอก็ตีกันออกไป 2 ทาง ทางหนึ่งรู้สึกกังวลใจที่ต้องพักอาศัย อยู่กับคนอีกหลายคน ด้วยความที่รักอิสระและต้องการพื้นที่ส่วนตัว แต่อีกใจหนึ่งลึก ๆ เธอก็รู้สึกเคว้งไปหมด เหมือนต้องการที่พึ่งและแน่นอนว่า หากคนนั้นคือเพื่อนสนิทเธอที่รู้จักกันมาเกือบจะ 10 ปี เธอคงรู้สึกสบายใจที่สุด ภายในใจของเธอ มีสิ่งที่อยากระบายเต็มไปหมด
“ไม่ได้ ๆ ฉันจะมาคิดถึงเรื่องพวกนั้นไม่ได้ เดย์แกโสดแล้ว จำไว้ แกโสด” เดย์บ่นพึมพำ ก่อนที่จะตบหน้าตัวเองเบา ๆ เรียกสติตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน ด้วยความตั้งใจที่จะลืมเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด แล้วเริ่มต้นกับความรู้สึกใหม่ ๆ เสียที
“แกทำได้ เดย์ แกทำได้อยู่แล้ว แกเก่งจะตาย”
รถที่ยังแล่นไปตามทาง คนขับค่อยๆ ชะลอขับช้า ๆ เนื่องจากเข้าเขตพื้นที่พักอาศัย เธอมองไปรอบๆ ผ่านกระจกรถ ดูเส้นทาง ก่อนถึงบ้านพัก ด้วยความไม่คุ้นชิน แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกับมีน แต่เดย์เองไม่เคยมาบ้านพักของมีนเลยสักครั้ง
บ่อยครั้งที่มีนพยายามลากเธอมาอยู่ด้วย แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงเสมอมา จนบางที มีนก็แอบน้อยใจเป็นพัก ๆ
เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง คนขับรถก็จอดเทียบหน้าประตูรั้วบ้านพัก ก่อนที่จะหันหลังไปถามผู้เป็นนาย
“คุณหนูครับ ถึงแล้วครับ ให้กดแตรเรียกเขาเลยไหมครับ” คนขับรถถามเพื่อขออนุญาต
“คุณลุงจอดตรงนี้ก่อนค่ะ เดี๋ยวหนูโทรบอกเพื่อนก่อน” หลังจบบทสนทนา เดย์ก็หยิบมือถือ เครื่องใหม่ที่แม่ถอยมาให้สด ๆ ร้อน ๆ เช้านี้ และแน่นอนว่าทั้งเครื่องมีเบอร์โทร แค่พ่อกับแม่เท่านั้น แต่ยังดีที่ ปกติ ก็แทบจะคุยกับมีนทุกวัน จึงไม่ใช่ปัญหา เพราะหัวสมองจดจำเบอร์โทรของเพื่อนสนิทได้ดีกว่า เลขบัตรประชาชนตัวเองซะอีก
“ฮัลโหล... ใครคะ”
“มีน นี่ฉันเอง ฉันถึงแล้ว อยู่หน้าบ้านพักเนี๊ย”
“เดี๋ยวฉันลงไป แกขับเข้ามาจอดในบ้านได้เลย”
“โอเค รีบลงมาเลยนะ ของฉันเยอะมากเดี๋ยวขนไม่เสร็จสักที” หลังจบการสนทนากับมีน เดย์จึงหันไปคุยกับคุณลุงคนขับรถประจำบ้านของตน
“คุณลุงคะ ขับไปจอดด้านในได้เลยค่ะ”
“ครับ คุณหนู” คนขับรถพยักหน้าก่อนที่จะค่อยๆ เลี้ยวเข้าไปยังตัวบ้านพักและจอดที่โรงจอดรถ เมื่อเดย์ย่างเท้าลงจากรถแล้วมองไปรอบ ๆ ตัวบ้าน เธอก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันที ตัวบ้านขนาดกำลังดี สีเหลืองนวลชวนสบายตา น่ารักมาก รอบบ้านมีมุมสวนให้นั่งพักหย่อนใจ แถมยังมีลานกลางแจ้งที่น่าจะสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ ไม่ว่าจะ ปิ้งย่างหมูกะทะ สามารถนั่งกินได้อย่างสบายๆ เลยล่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านจริง ๆ ไม่เหมือนอยู่หอพัก หรือคอนโดเลย
เดย์เดินไปนั่งรอตรงชิงช้าที่อยู่ใต้ต้นไม้แสนร่มรื่นและเต็มไปด้วยต้นไม้ น่ารัก ๆ เต็มไปหมด เสียงน้ำตกเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้น ทำให้ผู้ได้พบเห็นรู้สึกสดชื่นเหมือนนั่งอยู่ในแหล่งธรรมชาติจริงๆ
ในขณะที่เธอกำลังอิ่มเอมไปกับธรรมชาติของบ้านพักหลังนี้ ไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของฝีเท้าที่เร่งรีบ ออกจากตัวบ้าน เธอลุกขึ้นมอง ด้วยที่คาดว่าจะเป็นเพื่อนสนิทของเธอ แต่กลับต้อง ชะงักเพราะเป็น ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดนักศึกษาที่ยังแต่งตัวไม่เข้าที่ ปากยังคาบขนมปังชิ้นหนึ่งอยู่อย่างนั้น สีหน้าบ่งบอกได้ว่ารีบสุด ๆ และในขณะที่เขาวิ่งผ่านเธอ เขาหยุดชะงักแล้วหันมามองเธอก่อนที่จะโบกมือทักทาย ก่อนจะหันหน้าวิ่งออกจากบ้านพักไป ทำเอาจนคนที่ยังยืนอยู่งง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วคิดอยู่ในใจว่า เรารู้จักกันรึไงนะเขาถึงได้ทักทายด้วยท่าทีสบาย ๆ แบบนั้น
“ฉันมาแล้วแก ขอโทษทีที่มาช้า พึ่งตื่นอ่ะ” มีนที่ยังอยู่ในสภาพชุดนอน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ปอยผมเปียกเล็กน้อย คงเกิดจากการล้างหน้าแปรงฟันอย่างกะทันหัน ขอบตาคล้ำเหมือนเมื่อคืนไม่หลับไม่นอน
“มะคืน แกไม่หลับไม่นอนรึไง” เดย์กวาดสายตามองเพื่อนสนิทอีกครั้ง เพราะโดยปกติแล้ว เพื่อนของเธอมักจัดเต็มไปเรียนอยู่เสมอ “ดูสภาพแกสิ แบบว่า..........”ก่อนที่เดย์จะพูดต่อ
“ดูซีรีส์ ดึกไปหน่อยไม่มีอะไรหรอก” มีนชิ่งตัดบทพูดก่อนที่จะโดนเพื่อนของตนคนนี้ ร่ายยาว บ่นเหมือนพ่อมากกว่านี้ เพราะมีนรู้ดีว่า เดย์ขี้บ่นแค่ไหน “ว่าแต่........” ขณะที่พูด สายตาของมีนก็กวาดมองไปที่สัมภาระทั้งหมดที่เดย์ขนมา เธอตกตะลึงว่า ของเหล่านี้ถูกบรรจุลงไปในรถเก๋งคันนี้ได้อย่างไร
“ของทั้งหมดนี่เลยเหรอ .. (*0*) ” สายตาลุกโตของมีน
“แกคิดว่า ฉันอยากขนมาหมดนี่เหรอ แม่ฉันทั้งนั้นแหละ” แม้แต่เดย์ยังกุมขมับให้กับแม่ตนเอง
“ก็สมกับเป็นคุณน้านะ คุณน้าเขาหวง ห่วง แกจะตายไป” มีนพูด
“ก็นั่นแหละ ฉันเลยเบรกความคิดแม่ตัวเองไม่ได้” . (* * ) ( * *) . “ว่าแต่ เจ้าของบ้านพักเขาไม่อยู่เหรอ ฉันจะขนของเข้าห้องได้ยัง”
“คุณลุง คุณป้า ออกไปซื้อของที่ตลาดน่ะ แต่เขาให้กุญแจห้องมาให้ฉันแล้ว เดี๋ยวขนของขึ้นห้องได้เลย”
จากนั้น เดย์ มีน และคุณลุงคนขับรถ ช่วยกันขนของขึ้นห้องซึ่งอยู่บริเวณชั้น 2 ใช้เวลาอยู่สักพัก กว่าจะเรียบร้อยดี
“คุณลุงคะ คุณลุงกลับได้เลยนะคะ ฝากบอกคุณแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ของอย่างอื่นจะหาซื้อเอง อย่าให้คุณแม่ส่งอะไรมาอีกนะคะ” เธอหันไปย้ำคนขับให้บอกผู้เป็นแม่ของเธอ ซึ่งหากเธอไม่พูดไว้ คาดว่า วันถัดไปของต้องมาอีกลำรถแน่นอน
“ได้ครับคุณหนู” คนขับรถตอบกลับเดย์ จากนั้นจึงคำนับลานายของตนก่อนจะขับรถออกไป เมื่อรถลับตาเดย์ เธอก็หันกลับเข้าไปในบ้าน พร้อมทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้องรับแขกของบ้าน
“เหนื่อยจัง ...............” เดย์ที่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อวาน พอวันนี้ก็ต้องมาขนของเข้าบ้านพักด้วยตัวเอง แม้ทุกคนจะบอกให้เธออยู่เฉยๆ เพราะดูสภาพที่ยังคงซีดเซียวแล้ว แต่เธอกลับดื้อด้าน และรู้สึกเกรงใจ ไม่ยอมฟังใครเลย หากเธอปริปากพูดอะไรออกมา ทุกคนก็ห้ามเธอไม่อยู่ มีนหันมาดูสภาพเพื่อนที่ดื้อด้าน ก็ได้แต่ถอนหายใจ พร้อมนั่งลงข้าง ๆ
“ไปอาบน้ำก่อนมั้ย เดี๋ยวหาอะไรให้ทาน จะได้กินยา” มีนพูด
“แต่ฉันยังไม่ได้จัดของในห้องเลยนะมีน” เดย์ที่สภาพตอนนี้ ไม่ต่างอะไรจากศพเดินได้ แถมดูเรี่ยวแรงของเธอตอนนี้คงไม่มีแรงแม้แต่จะปูที่นอนด้วยซ้ำ
“แกไปอาบน้ำ กินข้าว กินยา แล้วไปนอนห้องฉันก่อน เดี๋ยวเย็น ๆ ค่อยมาช่วยกันจัดห้องแกก็ได้” มีนพยายามให้เดย์ทำตามที่ตนพูด
“แต่ว่า ...............”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น สภาพแกเป็นแบบนี้ เดี๋ยวคุณน้า ก็เป็นห่วงอีก ฉันอุตส่าห์รับปากกับคุณน้า ว่าจะดูแลแกอย่างดี ดังนั้น วันนี้ขอล่ะ ฟังฉันก่อน” มีนที่ร่ายยาว ราวกับบทท่องจำจนหัวสมองของเดย์แทบจะตื่อไปหมด จึงรับปากเพื่อตัดบทให้จบ ๆ เพราะตอนนี้ตนเองก็ไม่มีแรงที่จะเถียงเพื่อนสนิทตัวเองเช่นกัน เดย์ยกมือขึ้นก่อนจะพูด
“โอเค ๆ ไม่เถียงแล้วจ๊ะแม่”
“งั้นแกลุกไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวฉันต้มโจ๊กให้ทาน”
“อะเค ขอบใจมากเพื่อน” เดย์พยักหน้า ก่อนจะหอบร่างที่แทบไร้เรี่ยวแรง ขึ้นไปชั้น 2 เธอกวาดตาไปทั่วบ้าน ชั้น 2 ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ห้อง มีลักษณะเป็นตัวยู มีฝั่งซ้าย 2 ห้อง ฝั่งขวา 2 ห้อง และ มุม 1
ห้องของเธออยู่ติดกับห้องของมีน เธอเข้าห้องของตัวเอง เพื่ออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะใช้เรี่ยวแรงที่มีตอนนี้แบกขาทั้ง 2 ข้าง ลงมาชั้นล่าง โดยหันไปมองบริเวณถัดจากห้องรับแขก ซึ่งเป็นห้องครัวและมีโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่นั่งได้ 10 คน ในขณะนั้นเอง มีนที่ยังหันหลังต้มโจ๊กอยู่ตรงนั้น ก็หันหน้ามาถามเธอ
“ใส่ไข่ด้วยป่ะ” มีนหันมาถาม
“อืมสักฟอง” เดย์ตอบกลับไปและนั่งลงรอตรงโต๊ะอาหาร ห้องครัวขนาดไม่ใหญ่มาก แต่อุปกรณ์ครบครัน เป็นส่วนรวมที่ ผู้อาศัยในบ้าน จะสามารถ เข้ามาทำอาหารมื้อง่าย ๆ ด้วยตนเองได้เลย แต่อาหารมื้อหลัก ๆ นั้น เจ้าของบ้านจะทำไว้ให้เสมอ ทุกเช้า – เย็น
“มาแล้วววววว โจ๊กร้อนๆ เพียงแค่คุณฉีกซองเทลงในน้ำเดือด เติมหมู เติมไข่ เป็นอันเสร็จแล้วค่ะ คนป่วย” มีนวางชามโจ๊กลงตรงหน้า เดย์
“คำก็คนป่วยสองคำก็คนป่วย ฉันไม่ได้ใกล้ตายขนาดนั้นนะแก”
“แซวเล่นนะ แหม........แหย่นิดแหย่หน่อยก็หงุดหงิดละ รีบทานก่อน เดี๋ยวก็หายร้อนกันพอดี แล้วก็อย่าลืมทานยาหลังทานโจ๊กเสร็จด้วย” มีนยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง เหมือนสอดส่องคุมประพฤติยังไงยังงั้น
“แกชักจะเหมือนแม่ฉันทุกทีแล้วนะ เข้าใจแล้ว แกนั่งก่อน ขืนยืนแบบนั้นฉันเกร็งแย่” มีนนั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ เดย์ สายตาก็มองไปยังเพื่อนสนิทของเธอ เธอรับรู้ได้ว่า เพื่อนของเธอมีแววตาที่เปลี่ยนไป แม้คำพูดที่ยังคงเหมือนไม่มีอะไร แต่แววตาดูหม่น แสดงถึงความบอบช้ำสาหัส มีนเองก็พยายามที่จะปลอบเพื่อนของเธอ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน ด้วยความที่รู้จักกันมานาน จึงเข้าใจดีว่า เพื่อนเธอต้องไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้เธอเห็นแน่ๆ แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะถามออกไปโต้ง ๆ
“แก มันเกิดอะไรขึ้น พี่แบงค์เขา .......” หลังการเอ่ยชื่อนั้นออกจากปากมีน โจ๊กที่กำลังจะเข้าปากของเดย์ก็หยุดชะงัก พอได้ยินคำนี้ใจเธอก็รู้สึกเจ็บปวดจี๊ดเหมือนเอามีดมาแทงอีกครั้ง แต่ก็เข้าใจว่าเพื่อนของเธอกำลังเป็นห่วงเธอ
“ไว้ฉันจะเล่าให้แกฟังทุกอย่างเลย แต่ขอหลังจากฉัน ได้นอนพักสักตื่นนะแก” เดย์ฝืนยิ้มให้มีนเพื่อคลายความกังวล ก่อนที่จะก้มหน้าทานโจ๊กต่อไป
“ได้ ฉันรับฟังได้ทุกอย่างเลยนะเพื่อน”
“อืม ขอบใจนะ” สิ้นบทสนทนา หลังจากทานโจ๊กทานยาเสร็จ ฤทธิ์ยาก็แผลงฤทธิ์ จากที่ยังพอไหว ก็รู้สึกง่วงงัน มีนที่เห็นจึงบอกให้เธอเข้าไปนอนห้องของเธอเองก่อน เพราะห้องของเดย์ยังไม่ได้ปูที่นอนเลย ก่อนที่จะหลับไปจริง ๆ เธอก็ได้แต่ภาวนาอยู่ภายในใจว่า ถ้าเธอตื่นมา เธอจะเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น เธอจะเป็นคนที่รักตัวเอง และจะเป็นคนที่ไม่ทำให้คนอื่นเป็นห่วงแบบนี้อีกต่อไป
