แค้นที่ 3 นักโทษหญิง
เพราะโทษของเจนิสคือ 'ฆ่าคนตายโดยไตร่ตรอง' ทั้งหญิงสาวยังเป็นผู้ที่ยิงและวางแผนตามคำให้การของชายนิรนามที่อ้างตัวว่าเป็นชู้รัก ทำให้โทษของหญิงสาวคือประหารชีวิต โดยหญิงสาวถูกนำตัวมายังแดนห้าตามความผิดของเธอ
สายตาหวาดกลัวกับสถานที่แปลกใหม่ซึ่งเธอไม่เคยคิดจะเฉียดเข้ามาแม้แต่นิด สร้างความหวาดหวั่นให้หญิงสาวเป็นอย่างมาก กำแพงสูงพร้อมลวดหนามกั้นไร้ซึ่งทางจะออกไปอย่างง่ายดาย
ร่างสมส่วนที่บัดนี้ถูกจับให้ใส่ชุดสีแดงฉานตามความผิด ถูกพาตัวไปยังจุดหนึ่ง ท่ามกลางสายตาหลากหลายคู่ที่จ้องมองมา ทว่าไม่มีคู่ไหนเลยจะฉายแรงแค้นได้เท่ากับใครคนหนึ่ง
"เป็นเธอเหรอครับ"
เสียงลูกน้องคนสนิทกระซิบถามแผ่วเบาพอให้ได้ยินแก่ชายร่างสูงโปร่งในชุดที่ต่างจากผู้คน เขาไม่ได้ตอบอะไรออกมาแต่ดูเหมือนว่าท่าทีที่แสดงออกจะเป็นคำตอบมากพออยู่แล้ว
ใบหน้าที่เรียกได้ว่าคมคายสมชายชาตรี เครื่องหน้าที่สาวน้อยใหญ่คงนึกอยากเป็นเจ้าของหัวใจ บัดนี้กับถมึงทึงเกินกว่าในทุกวันนัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองไปยังนักโทษคดีร้ายไม่วางตา
"ไม่น่าเชื่อนะครับ หน้าตาก็ดี ไม่น่าเป็นคนแบบนี้เลย"
"หน้าซื่อๆ ก็ไม่ได้หมายถึงว่าจะต้องเป็นคนดีเสมอไปนี่"
"ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เธอมีคดีติดตัวใช่ไหมครับ" ศิลาผู้กุมตำแหน่ง ผู้อำนวยการเรือนจำผุดยิ้มเยาะขึ้น พลางเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงหยัน
"คดีชู้สาวและพยายามทำร้ายร่างกายพ่วงด้วยหลอกลวงทรัพย์ เห็นว่าเป็นเด็กเสี่ยมั้งเมียผู้ชายเขาไปเจอเลยมีเรื่องกัน เธอคงไม่ยอมถึงได้ทำร้ายคู่กรณีแล้วอ้างว่าถูกทำก่อน แต่จะว่าตัวคนเป็นเมียเสี่ยเองคงจะถึงที่สุดจริงๆ แล้ว เพราะได้ยินมาว่าตัวเอาเงินไปปรนเปรอให้เด็กจนแทบหมดตัว"
"ชู้สาวกับทำร้ายร่างกายนี่ก็พอเข้าใจนะครับ แล้วหลอกลวงทรัพย์ยังไงเอ่ย"
"ก็พอเมียจับได้ เสี่ยนั่นก็สารภาพทั้งน้ำตาขอความเห็นใจจากเมียว่าตนผิดไปแล้วโปรดเห็นใจ ถึงจะเสียเงินให้แต่ยังไม่ได้จับกระทั่งปลายนิ้วมือ!"
"เฮ้อ! เสียเงินเป็นแสนแขนไม่ได้จับของจริง ป๊าด! มิน่าๆ ฟังแล้วขนลุกเลยครับ อะไรจะร้ายขนาดนั้น!"
ผู้มีอำนาจใหญ่สุดเค้นหัวเราะหยันออกมา ตายังคงจ้องมองด้วยแรงแค้นที่ไม่ลดละ แม้ความตายจะเป็นโทษสูงสุดที่เธอได้รับ แต่ว่าสำหรับคนที่ต้องสูญเสียสิ่งที่รักไปอย่างไม่อาจหวนคืนดั่งศิลา นั่นยังน้อยเกินไป
ความทรมานเจียนตายชนิดที่ว่าอยากตายพ้นก็ไม่ได้ ราวเจอขุมนรกบนดินคือสิ่งที่ศิลาต้องการให้เธอได้พบเจอ!
สายตาเหยียดหยามดูหมิ่นและไม่พอใจจากเพื่อนนักโทษด้วยกันส่งตรงมายังเจนิส แม้ความกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองยังคงมีอยู่
ทว่าหญิงสาวก็ทำได้เพียงแค่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมเท่านั้น เธอพยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาและคำพูดดูถูกที่เพื่อนร่วมเรือนจำส่งมาให้....คำพูดและการกระทำที่ควรจะเห็นใจคนตกอยู่ในสถานะเดียวกันเสียมากกว่า
"เด็กใหม่คนนั้นใช่ไหม"
เสียงของนักโทษหญิงผมสั้นเกรียนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ ในขณะที่มือและตายังคง 'ทำงาน' ประจำในแต่ละวันของตนอยู่ ใกล้กันมีผู้คุมหญิงหน้าตาดุดันขนาบอยู่ใกล้แล้วเอ่ยตอบพอให้ได้ยินเช่นกัน
"อือ นั่นแหละ ผู้หญิงเลวที่ 'นาย' หมายถึง"
"สวยนะ แต่ไม่คิดว่าจะเลวขนาดนั้น!"
เสียงเคียดแค้นเอ่ยถามผ่านไรฟันที่ขบกันแน่น ผู้คุมหญิงรู้ดีว่าทำไมนักโทษหญิงคนนี้จึงได้มีท่าทีกับคนที่ไม่แม้แต่รู้จักกัน
'ผัวคบชู้จนมาหาเรื่องตบตีเธอ ทำให้เธอต้องฆ่าเขาจนตัวต้องติดคุก'
คือความจริงของนักโทษคนนี้ ความเคียดแค้นต่อหญิงผู้เป็นชู้ เหมือนของแสลงที่เธอเกลียดเข้าไส้ จึงไม่แปลกที่เจนิสจะถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นแม้จะไม่รู้จักกันก็ตาม
หากถามว่าคนในเรือนจำรู้เรื่อง 'ฉาวโฉ่' ของคนมาใหม่ได้เช่นไร นั่นก็เพราะมันไม่เกินความสามารถของคนที่สั่งแพร่ข่าวนี้นั่นเอง
"เอาขนาดไหน "
"แค่หาเรื่องพอ ไม่ต้องถึงเลือดตกยางออก ที่เหลือเดี๋ยวนายจัดการเอง"
"ฮึ! ไม่คิดนะว่าผู้คุมที่แสนเถรตรงแบบคุณจะยอมแอบแหกกฎแบบนี้"
คนถูกถามยกยิ้มหยันขึ้นพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บใจไม่ต่างกัน
"ฉันก็เหมือนแกนั่นล่ะ เจ็บใจพวกผู้หญิงแย่งผัวเหมือนกัน! อีกอย่างนายเค้าก็มีบุญคุณช่วยฉันในวันที่ลำบาก ถ้าแค่นี้ต่อให้ต้องแหกกฎ มันไม่เป็นอะไรหรอก"
"งั้นก็อย่าลืมที่ตกลงกันไว้ล่ะ"
"ไม่ต้องห่วง แกจะได้กอดลูกแน่ ในวันญาติเยี่ยมครั้งนี้"
สองสาวต่างสถานะสบตาให้กันดั่งคนหัวอกเดียว
"เด็กใหม่! อย่ามาแซงคิวสิ!"
เจนิสที่ถือถาดอาหารเข้าแถวมาตามที่ถูกสั่งโดนใครคนหนึ่งเบียดจนทั้งคนและถาดกระเด็นกองกับพื้น
"สำออยว่ะ! ใจแข็งขนาดกล้ายิงคนให้ตายต่อหน้าได้ กะอีแค่นี้เอง"
เสียงดูแคลนดังลั่นจากเพื่อนนักโทษที่ยืนค้ำหัวเธออยู่ ก่อนที่เธอคนนั้นจะหมุนกายมาแทนตำแหน่งของเจนิส
"อะ โอ๊ย!"
สาวน้อยร้องออกมาเมื่อมือที่ก้มเก็บถาดถูกหญิงคนเดิมเหยียบจนนาบไปกับพื้น ครั้นพอเธอร้องบอก ฝ่ายนั้นก็ตอบกลับมาหน้าตายแต่รอยยิ้มหยันว่า
"ไม่ได้ตั้งใจนะ"
เจนิสพ่นลมหายใจออกมาแล้วเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ด้วยความที่ไม่รู้ว่าตนจะต้องอยู่ในนี้อีกนานแค่ไหน การมีเรื่องกับขาใหญ่ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่นักสำหรับหญิงสาว
ทว่าเหมือนปัญหาจะชอบวิ่งเข้าใส่หญิงสาวราวกับรักใคร่เสียเต็มประดา จากที่คิดว่าหลีกเลี่ยงเสียก็จะไม่เกิดปัญหา กลับเป็นว่าการกลั่นแกล้งจะมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นในเรือนนอนที่เธอถูกแกล้งให้นอนกับพื้นโดยไร้ผ้าห่มและหมอน การใช้ห้องน้ำที่เธอจะได้ใช่เป็นคนสุดท้ายในวินาทีที่เกือบหมดเวลา การรับอาหารที่มักโดนแกล้งใส่เกลือ พริก หรือน้ำปลาในปริมาณที่เกินพอดี เจนิสเฝ้าบอกตัวเองว่าให้ทนให้ได้ เพื่อรอวันเป็นอิสระ
ทว่าเหมือนฟางความอดทนเส้นสุดท้ายจะขาดลง เมื่อในระหว่างที่เธอกำลังจะกินข้าวในมือเย็นที่รอมานาน เพราะถูกแกล้งจนไม่สามารถได้กินอาหารในสองมื้อแรกได้จนอิ่ม ประกอบกับที่ร้านสวัสดิการยังไม่ยอมจำหน่ายอะไรให้เธออีกด้วย มันทำให้เธอหิวจนคิดว่าตนคงสามารถกินช้างได้ทั้งตัว ทว่าเพียงแค่ตักลิ้มรสได้เพียงสองคำถาดทั้งใบก็ปลิวตกไปกับพื้น โดยฝีมือของคนเดิมที่ทำหน้าชื่นราวไม่รู้สึกผิดอะไร
"ทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย! จะแกล้งอะไรกันนักหนา!!"
สิ้นเสียงก้องดั่งคนโมโหจัด สาวน้อยที่หมดความอดทนก็ตรงเข้าตบไปที่ใบหน้าของคนทำทันที ความชุลมุนเกิดขึ้นในทันใดจนเหล่าผู้คุมต้องเร่งห้าม ไม่กี่นาทีร่างใหญ่ท่าทีทรงอำนาจก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่ตะเบ็งลั่น
"หยุดเดี๋ยวนี้!!" เสียงนกหวีดลากยาวเป็นสัญญาณให้เชื่อฟัง ส่งให้กลุ่มคนหยุดชะงักลงด้วยเกรงอำนาจของผู้มาใหม่
"เกิดอะไรขึ้น!" ศิลาแผดเสียงถามอย่างดุดัน ในขณะที่ผู้คุมหญิงที่เป็นคนของเขารีบเอ่ยขึ้นตามบท
"นักโทษหญิงที่มาใหม่ สร้างความวุ่นวายค่ะ"
"แต่ฉันถูกกระทำก่อน! พวกนี้รุมแกล้งฉันมาเกือบสัปดาห์แล้ว! แต่ผู้คุมคนนั้นก็ทำนิ่งเฉย!"
เจนิสแผดเสียงเถียงไม่แพ้กันน้ำตาแห่งความเจ็บใจร่วงพรูลง ความไม่ยุติธรรมที่ตนได้รับบวกกับความเครียดที่สั่งสมมานานส่งให้หญิงสาวไม่อาจควบคุมสติได้อีก มือสั่นเทาจากความโกรธชี้ตรงไปยังคนของศิลาจนฝ่ายนั้นสะดุ้งโหยง ทว่าหญิงนักโทษที่รู้กันก็รีบเอ่ยขึ้น
"ไม่จริงสักหน่อย! พวกเราไม่มีใครทำอะไรเธอเลยนะ จริงไหมพวกเรา"
เพราะว่าเธอมีพรรคพวกมากพอสมควร ทุกคนเอ่ยสำทับหญิงหัวโจกพลางมองมาทางหญิงสาวราวเธอเป็นตัวปัญหา
"นำนักโทษหญิงเจนิสไปขังในคุกมืด! ข้อหาปลุกปั่นสร้างความวุ่นวาย และกระด้างกระเดื่องแก่ผู้คุม!"
สิ้นเสียงบัญชาของคนที่ตำแหน่งใหญ่สุด เจนิสก็ถูกนำตัวไปทันทีท่ามกลางเสียงกรีดร้องในความไม่เป็นธรรมของเธอ
คุกมืด ห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่ไม่มีแม้แต่หลอดไปสักดวงคือที่ใหม่ที่เจนิสได้สัมผัส แสงเล็กน้อยจากช่องประตูไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีสักเท่าไหร่ คนงามที่ไร้ซึ่งราศีในตอนนี้กอดเข่าคู้กวาดตามองรอบตัวอย่างตื่นกลัว เธอพร่ำร้องบ่นถึงสิ่งที่ตนเจอพร้อมน้ำตาที่หลั่งไม่ขาดสาย เป็นนายกว่าเธอจะสงบลงพร้อมกับห้วงนิทราที่เข้าครอบงำ แม้จะบอกตัวเองว่าไม่อาจข่มตาลงได้ แต่เพราะสิ่งที่เธอเจอมามันทำให้อ่อนล้าจนผล็อยหลับไป
กลางดึกในคืนนั้น ห้องที่เคยมืดพลันมีแสงสว่างจากบานประตูที่เปิดออกเข้ามา เงาดำมืดของใครบางคนหยุดยืนตรงประตูเล็กนั้น กลีบปากหนายกยิ้มเยาะอย่างพึงพอใจกับผลงานตรงหน้า...ผลงานที่จะทำให้เขาสำเร็จโทษเธอได้ด้วยตัวเอง!
