2
ขมิ้นยืนฟังเงียบขณะเดียวกันก็คิดไปว่าครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะมาโผล่ที่นี่ เธอทำอะไรอยู่ที่ไหน และที่นี่คือที่ไหน ผู้คนล้วนแปลกตาไปหมดไม่ว่าจะเป็นท่าทาง เสื้อผ้า หน้าผม ถึงแม้ดูๆไปทุกคนจะหน้าตาไม่ใช่โจรผู้ร้ายก็ตาม รวมถึงผู้ชายที่ทั้งจับมือทั้งโอบเอวอยู่นี้เป็นใครกัน ขมิ้นรู้สึกมึนๆตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาเธอก็เห็นว่านอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอตกใจร้องโวยวายและคนแปลกหน้าทั้งสามก็เข้ามาวิ่งจับเธอ จนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอ ขมิ้นพยายามคิดย้อนกลับไป
“ที่นี่ที่ไหนกันแน่ เรามาได้งัย แล้วนี่เป็นใครกันมั่ง”
รามชายหนุ่มเจ้าของบ้านพูดให้ทุกคนในบ้านที่เป็นเสมือนคนในครอบครัวของเขาไม่ว่าจะเป็นยายชื่นแม่ครัวที่ทำอาหารให้เขาตั้งแต่จำความได้ ป้าอิ่มแม่บ้าน ลุงแช่มคนขับรถและดูแลสวนต้นไม้ภายในบ้าน ทุกคนล้วนแต่อยู่มาก่อนที่เขาจะเกิดมาเสียด้วยซ้ำ เหตุการณ์นี้คงทำให้ทุกคนที่รักเขาตกใจไม่น้อยแต่ตอนนี้เขาอยากจะซักถามและพูดคุยกับหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้เพียงลำพัง
เมื่อทุกคนออกจากห้องของรามไปแล้ว ขมิ้นก็สะบัดมือออกจากมือรามอีกทั้งเธอยังกระทืบเท้าของรามอีกจนทำให้เขาถึงกับอุทานออกมาว่า
“โอ๊ย! คุณ...” รามได้แต่มองหน้าหญิงสาวที่เขาเพิ่งเจอเธอแต่กลับรู้สึกตึกตักในใจเมื่ออยู่ใกล้ อีกทั้งยังไม่ต้องระวังตัวอีกด้วยซึ่งต่างจากคนอื่นทั้งคนที่เขารู้จักและคนแปลกหน้า
“อะไร” ขมิ้นพูดขึ้นมาพร้อมกับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหนึ่งของห้องนอนที่มีโต๊ะกลมและเก้าอี้สองตัววางอยู่ริมหน้าต่างบานกว้าง ด้านหลังเป็นประตูที่เปิดทิ้งไว้เป็นเหมือนห้องอ่านหนังสือมีชั้นหนังสือเรียงรายเป็นสองแถววางตามความยาวของห้อง ส่วนเตียง และ ตู้ก็เป็นแบบเรียบๆคลาสสิกสไตล์วิจเทจทุกอย่างในห้องบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของเจ้าของที่ดูเรียบครึมข้าวของเครื่องใช้ส่วนมากเป็นสีเอริ์ธโทนขมิ้นคิดในใจว่า
‘มองๆไปก็สบายตาดีอีกทั้งห้องยังโล่งๆสบายๆเสียอยู่อย่างเดียวไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของห้องจะขี้เมาเช่นนี้’
“คุณเข้ามาในห้องผมได้อย่างไร”
รามพูดจบก็เผลอจ้องหน้าของหญิงสาว และเธอก็จ้องหน้าเขากลับจนทำให้เขารู้ตัวว่าเสียมารยาทที่จ้องหน้าเธอเขาโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษที่จ้องเธอ ขมิ้นยิ้มให้เขาและช่วงเวลานี้เองที่เธอได้นั่งนิ่งๆแต่ชายหน้าแปลกคนนี้ก็พูดขึ้นอีกว่า
“ว่าอย่างไรเล่า”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาโผล่ที่นี่ได้งัย ที่นี่คือที่ไหนอ่ะ”
“ทำไมเธอถึงพูดแปลกๆเช่นนี้ อีกทั้งยังแต่งกายแปลกประหลาดจะว่าเป็นคนเสียจริตก็ไม่เชิง แต่ดูอย่างไรเสียก็ไม่น่าจะปกติสักเท่าไหร่”
“นี่! คุณทำไมพูดจาแบบนี้” ขมิ้นรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของชายแปลกหน้าที่บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหนเธอก็อยากรู้ไม่ต่างจากเขา
“บ้านของเธออยู่ที่แห่งหนตำบลไหนหรือ”
“ที่นี่ คือที่ไหนอ่ะ”
“ผมถามคุณก่อน ครับ ช่วยตอบคำถามผมก่อนครับ”
“ชั้นก็อยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนเหมือนกัน”
รามถอนหายใจอีกทั้งอ่อนใจที่คิดว่าพูดคุยกับหญิงแปลกหน้าคนนี้ไม่ได้ความอะไรและคิดว่า
‘หรือว่าเธอจะเสียจริตแล้วจริงๆในยามนี้ก็ดึกแล้วจะปล่อยให้เธอออกไปร่อนเร่พเนจรก็คงจะใจดำเกินไปสักหน่อยอีกทั้งหน้าตาท่าทางของเธอก็ไม่ได้มีพิษภัยอันใด’
รามครุ่นคิดสักพักก็เห็นว่าเธอกอดอกแล้วใช้มือลูบๆแขนของเธอพร้อมกับนั่งทำตัวห่อๆ เขาจึงเอื้อมมือไปดึงหน้าต่างข้างเธอเพื่อปิดเป็นจังหวะเดียวกับที่ขมิ้นขยับตัวเพราะเห็นมาชายแปลกหน้าคนนี้โน้มตัวมาทางเธอแต่เธอขยับหนี ซึ่งเธอหันหนีไปในทางเดียวที่เขาเอื้อมตัวยื่นมือเพื่อมาปิดหน้าต่างพอดีทำให้ใบหน้าของเขาและเธอสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ และขณะเดียวกันก็ผลักออกจากกันในทันที เหมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกันเจอกัน รามปิดหน้าต่างเสร็จจึงเดินไปที่มุมห้องด้านหนึ่งที่มีตู้ไม้เล็กๆอยู่ข้างๆโต๊ะเขียนหนังสือของเขาที่มีเครื่องพิมพ์ดีดโบราณตั้งอยู่ เขาหยิบสำลีม้วน ยาแดงและขวดแก้วเล็กๆที่มีน้ำใสๆ วางไว้บนโต๊ะตรงหน้าของขมิ้นแล้วเขาก็พูดขึ้นว่า
“ช่วยใส่ยาให้ผมด้วยครับ”
“ค่ะ อะไรน๊ะ” ขมิ้นมึนงงกับคำพูดของเขาแต่ก็ลุกจากเก้าอี้หยิบสำลีม้วนขึ้นมาแล้วคิดว่า
‘ทำไมยังใช้สำลีม้วนแบบนี้อีก ทั้งที่สำลีก้อนๆที่ใช้เช็ดแผลใช้ง่ายและสะดวกกว่า’
ขมิ้นหยิบยาขวดยาแดงขวดเล็กจิ๋วขึ้นมาอ่านแล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่มีเบตาดีนหราค่ะ”
รามขมวดคิ้วก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า
“อะไรหรือที่เธอพูดถึง”
“อ้าว! ก็เบตาดีนงัยใส่แผลสดฆ่าเชื้อด้วยนะ”
“ยาอะไรของเธอ ช่วยใส่ยาแดงให้ผมแล้วนี่ปิดแผล”
รามยื่นพลาสเตอร์ปิดแผลที่เป็นแบบผ้าให้ขมิ้น เธอรับมาด้วยอาการงงไม่คิดว่านอกจากผู้ชายแปลกหน้าคนนี้จะจัดบ้านแนววิจเทจแล้วข้าวของเครื่องใช้ก็แต่งตัวยังเป็นแนวๆนั้นด้วย ขมิ้นคิดในใจว่า
‘ไม่น่าเชื่อมีคนแบบนี้อยู่อีก’
ขมิ้นนำยาแดงเทใส่สำลีแล้วนำไปเช็ดๆตรงบริเวณคิ้วของเขาโดยที่เธอเกรงมือให้เบามือที่สุดกลัวว่าเขาจะเจ็บ