ตอนที่2 หน้าที่
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือหนาฟาดลงบนหน้าหล่อเหลาอย่างแรงตามอารมณ์โกรธดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ โดยที่ชายหนุ่มที่ถูกตบทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนเดิม
“พี่คริช!” คริษฐาเรียกพี่ชายขึ้นด้วยความตกใจและเป็นห่วงทันที ที่พี่ชายต้องถูกพ่อตบแทนเธอเหมือนทุกครั้ง
“แกว่าฉันควรรู้สึกยังไงที่ต้องรับโทรศัพท์จากมหา’ลัยเพราะเรื่องโง่ๆ ที่แกไปทำมาแบบนี้!” เสียงเยือกเย็นเอ่ยถามลูกสาวตรงหน้าออกมา หลังจากเขาลงมือตบลูกชายของตัวเองอย่างที่ชอบเสนอตัวปกป้องน้องทุกครั้ง
“ฐาขอโทษค่ะ แต่ถ้าพ่อจะลงโทษก็ลงโทษฐาเถอะนะคะ” คริษฐายกมือไหว้ขอโทษพ่อตัวเองทันที
“ฐา!” ผู้เป็นพี่ชายเรียกเตือนสติน้องสาวตัวเองพร้อมกับดึงมายืนด้านหลังเขาทันที เพราะเขารู้ว่าถ้าพ่อลงโทษคริษฐามันจะหนักกว่า
“ฉันสอนพวกแกว่ายังไง พวกแกลืมที่ฉันสอนไปหมดแล้วงั้นเหรอ!”
“ผมไม่เคยลืมครับ”
“ไม่ลืมค่ะ” สองพี่น้องตอบกลับออกไปพร้อมกัน
ต่างกันแค่อารมณ์ของผู้เป็นพี่ที่นิ่งเรียบ แต่อารมณ์ของน้องกลับร้องไห้เพราะความกลัว
“ไม่เคยลืม ไม่ลืมแล้วแกแพ้ให้คนอื่นงั้นเหรอ” ผู้เป็นพ่อถามและจ้องมองลูกสาวตัวเองออกไป
“.....” คริษฐาก้มหน้าลงอย่างรู้สึกกลัวอีกครั้ง
“พวกแกจำได้ใช่ไหมว่าฉันไม่ได้สอนให้พวกแกเป็นพวกขี้แพ้ ทุกอย่างที่เลือกจะลงมือก็ต้องชนะและได้ประโยชน์เท่านั้น!”
“ผมขอโทษ ต่อไปผมจะสอนน้องให้มากกว่านี้” ผู้เป็นพี่ชายรีบเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม แม้ว่าจะมีเลือดออกมุมปากของเขาแล้วก็ตาม
“ขอโทษมันไม่ได้ช่วยให้ฉันพอใจหรอกนะ เพราะสิ่งที่ฉันจะพอใจคือการกระทำของพวกแก!...”
“แล้วถ้าแกสอนมันได้ อาจารย์จะต้องโทรหาฉันไหม!แล้วมันจะมีสภาพหน้าเป็นแบบนี้หรือเปล่า!” แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะหวังกับลูกชายคนเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยผ่านลูกสาวไป เพราะยังไงคริษฐาก็ต้องทำทุกอย่างที่เขาสั่งให้ได้เหมือนกัน
เพียงแต่คริษฐาเป็นพวกรักสบาย รักสนุก ไม่ค่อยจริงจังอะไรสักอย่าง คอยให้พี่ชายจัดการให้ทุกอย่างไม่ต่างจากเด็กน้อยที่รอแต่คนอื่นแบบนี้ไง
“คราวหน้าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ครับ” คริช หรือ คริชกร เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นต่อพ่อตัวเอง
“ฐาจะไม่ให้อาจารย์จับได้ แล้วก็จะไม่แพ้คนอื่นอีกแล้วค่ะ” คริษฐารีบให้คำสัญญากับพ่อตัวเองออกไปเช่นกัน
“ถ้ามันมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก แกรู้นะว่าแกจะต้องเจอกับอะไร!” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างดุดัน
“ครับ”
“ค่ะ”
“แกออกไปได้แล้ว!” คุณคริชนะไล่คริษฐาขึ้นทันที
“ค่ะ” คริษฐาหันไปมองพี่ชายเล็กน้อยก่อนจะออกจากบ้านไปอย่างไม่กล้าขัดคำสั่ง
“แล้วเรื่องที่ฉันให้แกสืบเป็นยังไงบ้าง สงสัยใครเป็นพิเศษ” แล้วคุณคริชนะเอ่ยถามลูกชายออกไปอีกครั้ง
“สุภาวดี แผนกบัญชีครับ”
“ถ้าได้หลักฐานแล้วแกก็จัดการแทนฉันได้เลย”
“ครับ”
“ไปได้แล้ว” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นและมันก็ทำให้คริชกรหมุนตัวออกจากบ้านไปทันที
“โถ่เว้ย!”
ตุบ! หมัดหนักทุบลงพวงมาลัยรถหลังจากขึ้นมาอยู่เพียงลำพังพร้อมกับอารมณ์ที่มีอยู่ตอนนี้
แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำ หากเขาหรือน้องสาวทำอะไรให้พ่อไม่พอใจแล้วจะถูกด่าหรือลงโทษมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต แต่มันกลับเป็นเรื่องที่ไม่เคยทำให้คนเป็นลูกอย่างคริชกรเข้าใจและชินชาได้เลย เขาต้องอยู่ท่ามกลางความกดดันมากมายที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เขาแทบไม่มีอิสระหรือเวลาเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ เลยสักนิด
เขาเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย ธุรกิจใหญ่โต ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเคารพก้มหัวให้ เกิดเรื่องอะไรก็สามารถจัดการได้เพียงแค่เอ่ยปาก แต่ใครจะไปรู้ว่ามันไม่เคยทำให้เขามีความสุขเลยสักนิด บ้านหลังใหญ่โตแต่กลับไร้ซึ่งความรักและความอบอุ่น โต๊ะกินข้าวราคาแพงถึงหกหลักพร้อมอาหารเลิศรสเกือบทุกมื้อแต่มันไม่เคยทำให้รู้สึกอิ่มได้เลยสักนิดเมื่อบนโต๊ะที่มีเพียงการสนทนาเรื่องงาน
พ่อลูกที่พูดคุยกันไม่ต่างจากเจ้านายและลูกจ้าง ไม่มีเรื่องงานก็แทบไม่คุยกัน จะพูดกันก็ต่อเมื่อมีเรื่องสำคัญหรือต่อว่าอะไร ทำดีไม่เคยชม แต่เมื่อไหร่ที่ทำผิดพร้อมรับบทลงโทษหรือคำด่าทอ นี่คือครอบครัวของคริชกร ครอบครัวที่ไร้ซึ่งแม่ดูแล มีเพียงพ่อที่เข้มงวดและจริงจังกับทุกเรื่องจนคนในบ้านแทบจะเป็นนักโทษไปหมด
แต่เขาจะทำอะไรได้ ลูกอย่างเขาก็ต้องทำทุกอย่างตามที่พ่อสั่ง ทำทุกอย่างเพื่อรับช่วงต่อจากพ่ออย่างที่ถูกกดดันและคาดหวังไว้ยังไงล่ะ อีกทั้งเขายังมีน้องสาวที่ต้องดูแลอีกคน เขาจะทำอะไรตามใจตัวเองได้ นอกจากทำหน้าที่ลูกและพี่ชายแบบนี้ต่อไป
