ตอนที่ 18 คนที่ไม่ควรรัก…
EP18
.
.
.
-กระถิน-
“…แล้วถ้าไม่ใช่ แล้วใครกันละคะที่เป็นคนร้าย แล้วเขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร?”
“โดยปกติของคนทั่วไปจะมีกิเลสในตัวกันทั้งนั่นแหละครับ ลองนึกดูดีๆว่าใครที่ทำเรื่องแบบนี้แล้วได้ผลประโยชน์มากที่สุด”
“…พี่สาวหนูเคยเล่าให้ฟังว่า พ่อของเขาเคยฆ่าตัวตายเพราะความเครียดค่ะ” คำพูดของคุณหมอทำให้ฉันนึกที่จะอดคิดไม่ได้ พี่เอมเคยบอกว่าเขาเลิกกับนายนั้นในช่วงหลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตได้ไม่นาน…หรือความจริงแล้วการตายของพ่อเขาอาจจะไม่ใช่การฆ่าตัวตายแต่เป็นการฆ่าตกรรม…
“นั้นอาจจะเป็นประเด็นสำคัญก็ได้ บางทีเขาอาจจะยังไม่รู้ตัวคนร้ายเหมือนกับเรา หรือตอนนี้กำลังเอาคืนในเรื่องปัญหาส่วนตัวของเขาเอง…”
“หนูคิดว่า…ที่พี่สาวหนูเลิกกับเขา คงไม่ใช่เพราะเหตุผลที่เขามีชู้หรอกค่ะ อาจจะเป็นเพราะพี่เอมไปรู้อะไรบางอย่างมาก็ได้ เลยต้องหนีเอาตัวรอดกลับมา”
“กระถินกำลังจะบอกหมอว่าพี่หนูรู้ตัวคนร้ายงั้นหรอ?”
“ค่ะ…พี่เอมคงรู้แต่พูดออกมาไม่ได้ คนร้ายตัวจริงคงเป็นคนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดเมื่อพ่อของนายนั้นตาย อาจจะเป็นศัตรูด้านการค้า หรือแม้กระทั่งคนใกล้ตัว” ฉันเอ่ยสรุปออกมาตามความคิดของตัวเอง ประเด็นหลักตอนนี้ก็คือฉันต้องรู้ให้ได้ว่าการตายของพ่อเขามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ถ้ารู้ความจริงแล้วมันจะนำทุกอย่างที่ฉันกำลังสงสัยอยู่ให้คลี่คลายได้อย่างง่ายดาย…
“สรุปคือสิ่งที่เราต้องทำกันตอนนี้ ต้องหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของคุณดำรง” หมอจางพูดพร้อมกับหันหน้าจอโน้ตบุ๊คมาให้ฉันดู เป็นภาพข่าวการฆ่าตัวตายเมื่อสองปีก่อนของคุณดำรง สภาพศพของเขาเต็มไปด้วยรอยแทงตามเนื้อตัวนอนจมกองเลือดอยู่บนที่นอน…
“คนเราไม่สามารถทำร้ายตัวเองได้หลายแผลขนาดนั้นครับ ลองสังเกตดีๆถ้าดูตรงข้อมือซึ่งมีเส้นเลือดใหญ่จะเห็นได้ว่ามีรอยแผลซึ่งมันลึกมาก คุณดำรงอาจจะเสียชีวิตตั้งแต่ที่แทงโดนตรงนี้ แล้วแผลต่อๆไปเขาจะลุกขึ้นมาทำร้ายตัวเองไม่ได้อีก…”
“แปลกจัง หรือเขาจะแทงที่อื่นก่อนค่อยมาจบลงที่ข้อมือคะ?”
“แผลทุกแผลเจาะลึกเข้าไปมาก เขาทนไม่ได้ถึงสามครั้งหรอกครับ ลองคิดดูแค่เราโดนมีดบาดมือยังรู้สึกเจ็บ หากโดนของคมเฉือนเข้าไปลึกขนาดนี้ ร่างกายทนความเจ็บปวดไม่ได้หรอกครับ”
หมอจางอธิบายให้ฉันฟังพร้อมกับชี้ปลายปากกาไล่ตามรูปบนหน้าจอ พอได้ฟังเขาอธิบายเหมือนคำถามที่ฉันสงสัยก็หายเป็นปลิดทิ้ง ตอนนี้เริ่มมั่นใจแล้วว่ามันอาจจะใช่การฆ่าตกรรมจริงๆก็ได้…
“แล้วทำไมเขาถึงนำศพไปชันสูตรละคะ”
“หลักฐานอาจจะชัดเจนจนมองข้ามรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไป”
“เพราะงั้น เราจะมาไขคดีนี้กันค่ะ ต้องรู้ให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป”
“สู้ๆครับ”
“ถ้างั้นไว้เจอกันนะคะ หนูต้องไปทำงานแล้ว”
“…” ฉันยกมือขึ้นชนเข้ากับกำปั้นใหญ่แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกมาจากห้องส่วนตัวของเขา คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่ให้หมอจางช่วยเรื่องนี้ แต่การหาคนร้ายตัวจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณดำรงอะไรนั้นมีศัตรูที่ไหน แล้วใครได้รับผลประโยชน์สูงสุด?
@ห้างสรรพสินค้า GK…
“นี้เจ๊ลากผมมาทำไม?” เสียงของไอ้เต้มันบ่นตามหลังฉันมาอุบอิบ ในขณะที่ฉันกำลังลากมันเข้ามาในห้างสรรพสินค้า ที่ลากมันมาด้วยหน่ะหรอเพราะต้องการให้มันเอาเวลามาใช้เป็นประโยชน์ยังไงล่ะ วันๆเอาแต่ขลุกเล่นเกมทำตัวไร้สาระ
“มาทำงาน ที่ร้านขาดพนักงานเสิร์ฟสองคน นายหัดทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง อยู่ตัวคนเดียวไม่ใช่รึไงควรรีบหาเงินไว้สิตอนที่ยังมีโอกาส”
“เจ๊บ่นเหมือนแม่ผมเลยนะ แล้วผมทำตัวไม่มีประโยชน์ตรงไหน?”
“ก็เอาแต่ขลุกในร้านเกมไง” ฉันบ่นใส่มัน แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าร้านชาบู ยังถือว่าโชคดีนะที่ยังมีร้านรับเด็กตาดำๆอย่างฉันเข้าทำงานไม่งั้นคงอดตายแน่…
“ผมกำลังช่วยพี่สืบเรื่อง…อุบ”
“อย่าพึ่งพูดเวลานี้ เข้าไปข้างในก่อน” ไม่ทันที่มันจะพูดจบ ฉันก็ยกมือขึ้นปิดปากมันเอาไว้แล้วเดินเข้ามาในร้าน ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่คนก็เยอะดี คงจะอร่อยหน้าดูจากกลิ่นฉันก็สัมผัสได้แล้ว…
“พี่ค่ะ…พอดีหนูมาตามนัดของผู้จัดการร้านค่ะ”
“เดินไปแล้วเลี้ยวซ้ายคุณพรรออยู่”
“ขอบคุณค่ะ” ผู้หญิงที่น่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านเอ่ยบอกด้วยหน้าตาสีหน้าเหมือนไม่ค่อยชอฉัน แต่พอมองล็อตเต้ที่ยืนอยู่ข้างหลังกลับยิ้มหน้าบานซะงั้น
“ไปเถอะ” ฉันหันไปคุยกับเต้พร้อมกับเดินนำเข้ามายังข้างในอีกโซนตามที่พี่แกบอก แล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของผู้จัดการร้านคนที่โทรไปบอก ห้องนี้ก็น่าจะมีไว้รับเงินหรือประชุมกันเล็กๆน้อยๆแหละมั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
“เชิญค่ะ” เสียงจากคนข้างในเอ่ยบอกเราสองคนจึงเดินเข้าไปก็เจอกับคุณพร ผู้หญิงคนเดิมที่ฉันมาสมัครงานแล้วทำหน้าตึงใส่ แต่ทำไมตอนนี้หน้าตาถึงเป็นมิตรขนาดนั้นนะ แปลกจัง?
“หนูมาตามนัดค่ะ ส่วนนี้น้องชายหนูเอง เห็นทางร้านบอกว่าขาดสองคนพอดีเลยพามันมาด้วย”
“อ่อ ค่ะ นี้คือตารางงานของคุณทั้งสองคนนะคะ รายละเอียดต่างๆอยู่ในเอกสารฉบับนี้”
“โห…เงินเดือนร้านนี้ได้เยอะจังนะเจ๊ แค่พนักงานเสิร์ฟไม่กี่ชั่วโมงได้เดือนละตั้งสามหมื่น”
จริงอย่างที่ไอ้เต้มันพูด ทำไมเงินเดือนถึงได้เยอะขนาดนี้กันนะคนอื่นๆในร้านคงไม่ต้องไปทำงานที่ไหนแล้ว
“พวกเธอเริ่มงานได้วันนี้เลยนะ ชุดอยู่ในห้องถัดไปเลือกไซต์สวมได้เลย”
“ขอบคุณนะคะ ป่ะไอ้เต้ ไปทำงานกัน~” ฉันกับไอ้เต้ยกมือไว้ขอบคุณผู้จัดการร้านแล้วเราสองคนก็เดินออกมาข้างนอก เพื่อไปหยิบชุดมาสวม หวังว่าการทำงานวันแรกของฉันจะราบรื่นดีนะ…
-END-
-เลิกงาน-
“อ่า…เหนื่อยชะมัดเลย” เด็กสาวทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ภายในตัวร้านด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มซึ่งร้านปิดพอดีส่วนล็อตเต้ไปเปลี่ยนชุดหลังจากที่ช่วยกันเก็บร้านเสร็จคนอื่นๆไม่ได้อยู่บริเวณนี้…
ห้องน้ำหญิง...
“พี่…นี้หรอคนที่คุณพัสกรบอกให้รับเธอเข้าทำงาน”
“อือ…ฉันมีทางเลือกที่ไหนล่ะ เขาเป็นเจ้าของที่นี้นะ”
“สองคนนั้นคงไม่พอใจแน่เลยที่จู่ๆถูกไล่ออก”
“ฉันก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นเลยสักนิด…”
ในขณะที่กระถินเดินมาเข้าห้องน้ำหลังจากถอดเปลี่ยนชุดเสร็จเธอก็ได้ยินเสียงพนักงานร้านและผู้จัดการยืนคุยกัน สร้างความงุนงงให้กับกระถินไม่น้อย การที่เธอได้เข้ามาทำงานที่นี้เพราะมีคนบอกงั้นหรอ แล้วคนที่บอกคือเจ้าของที่นี้…?
“นี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน” เธอบ่นพึมพำออกมาคนเดียวเบาๆแล้วเดินเลี่ยงออกมาจากนอกร้านเป็นจังหวะเดียวกันที่เจอเข้ากับล็อตเต้พอดี
“เจ็…รอผมด้วยดิ”
“เราแยกกันตรงนี้เลยนะ ฉันมีธุระต้องไปทำต่อ”
“โอเคก็ได้ ไว้เจอกัน”
“อือ…” กระถินเร่งฝีเท้าเดินด้วยความเร่งรีบในสมองนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของเพิร์ธที่ถามเธอเมื่อคืน หรือที่จริงแล้วคนที่สั่งให้เธอได้เข้ามาทำงานที่นี้เพราะเขา แล้วที่บอกว่าอยากลองขอคบ มองเขาเป็นยังไงในสายตามันหมายความว่ายังไง…
กระถินเองก็พอจะรู้มาบ้างไม่นานมานี้ว่าดำรงเป็นเจ้าของกิจการห้างสรรพสินค้า GK… แล้วหลังจากที่เขาเสียชีวิตก็มีคนเข้ามาดูแลแทนในขณะที่รอทายาทมารับช่วงต่อ แต่กระถินไม่เคยรู้ว่าชายหนุ่มคือทายาทของดำรง ชะเอมเองก็ไม่เคยบอก เล่าแค่ว่าเขารวยมากแค่นั้น…
@โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง…
แกร๊ก…
“กระถิ…”
“กูดิน” เสียงประตูห้องเปิดออกในตอนที่เพิร์ธกำลังนอนรอการมาของใครบางคนอยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง พอรู้ว่าไม่ใช่เด็กสาวมือหนาก็ยกขึ้นขยุ้มผมตัวเองระบายอารมณ์หงุดหงิด สายตาตวัดมองเพื่อนชายที่กำลังหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา…
“กูยังไม่ตายหรอกหน่า ขยันมาหากันจัง”
“เปล่า มาหาไรแดก”
“เหอะ…บัดซบ”
“…” ดีไวน์ไม่ได้ตอบอะไรกลับร่างหนาลุกขึ้นแล้วเดินมาที่ถาดผลไม้สด เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินหายเข้าไปในโซนครัวออกมาอีกทีแอปเปิลชิ้นใหญ่ก็ถูกโยนเข้าปาก
“แดกอิ่มแล้วก็กลับ”
“ไล่จังนะ”
“…มึงคิดว่าโรงพยาบาลเป็นโรงอาหารรึไง?”
“กลับก็ได้” ดีไวน์ตอยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ความจริงแล้วเขาก็แค่แวะมาดูอาการเพื่อน เป็นปกติของเพื่อนสนิทที่มักจะหยอกล้อกันด้วยถ้อยคำวาจากวนช่วงล่าง พอเห็นว่าเพิร์ธไม่ได้เป็นอะไรแถมยังหงุดหงิดใส่ ดีไวน์จึงหยิบผลไม้เข้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
“เวรเอ้ย…ไปตายไหนว่ะ”
แกร๊ก…
“กลับมาทำเหี้ยไรอีก?” เสียงประตูห้องดังขึ้นอีกรอบ ใบหน้าคมคายจึงตวัดหันกลับไป พอเจอว่าเป็นใครเข้ามา สีหน้าก็ยิ่งเรียบตึงเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มเบือนสายตาไปทางอื่นราวกับเธอเป็นอากาศ
“พึ่งรู้หรอว่าฉันเข้าโรงพยาบาล…?”
“รู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ”
“แล้วทำไมพึ่งมา”
“…”
“เธอไม่เป็นห่วงฉันบ้างเลยใช่ไหม!?” ไม่ทันที่กระถินจะได้ตั้งหลักคำถามมากมายก็ถูกสาดเข้ามา เด็กสาวไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอเดินมาหยุดข้างกายชายหนุ่มมองด้วยสายตาสับสนต้องการคำตอบ
“คุณคือซีอีโอคนนั้นเองหรอ คนที่ทำให้หนูได้เข้าไปทำงาน…”
“พูดเรื่องอะไรของเธอ ฉันถามเธออยู่เธอต้องตอบคำถามฉันสิ ไม่ใช่มายอกย้อน”
“ไม่ต้องกลบเกลื่อนหรอกค่ะ หนูรู้เรื่องทั้งหมดแล้วรวมถึงเรื่องที่คุณหลอกถามหนูเมื่อคืน”
“…”
“การที่คุณทำแบบนี้มันทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะคะ” กระถินไม่ได้สนใจท่าทางผิดปกติของคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้คนในร้านต้องลาออก
“เธอควรสนใจว่าฉันเป็นอะไรมากไหม ทำไมถึงได้มานอนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรอกระถิน!”
“หนูถามจริงเถอะ ที่คุณทำแบบนั้นลงไป…”
“…”
“คุณชอบหนูใช่ไหม?”
.
.
.
เก็บทรงไว้ให้ดีเลยเฮียยย
Next ...
“ถ้าไม่ได้ชอบแล้วทำทำไมคะ ก็ตอบหนูมาตามตรงสิ”
“สงสาร สมเพช เพราะการที่เธอมาอยู่กับฉัน ไม่ได้มีงาน มีเงิน ฉันเลยบอกให้คนของฉันช่วย”
“ค่ะ แต่หนูคิดว่ามันคงไม่จำเป็น ถ้าไม่ได้ชอบก็อย่าแสดงท่าทางอะไรให้หนูคิดก็พอ”
“คนอย่างฉันมีผู้หญิงเป็นร้อยคอยต่อคิวจะขึ้นเตียงด้วย คิดว่าฉันจะชอบผู้หญิงสกปรกอย่างเธอรึไง เธอมันก็เหมือนพี่สาวเธอนั้นแหละ เชื้อไม่ทิ้งแถวหรอก…”
