ตอนที่ 17 ยอมรับความจริงไม่ได้
EP17
.
.
.
มือหนาอุ้มคนตัวเล็กออกจากตักแล้วเดินหน้าบึ้งขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ทิ้งเพียงความสงสัยให้กับกระถิน ปกติเธอพูดแรงกว่านี้ก็ไม่เห็นจะโกรธแล้วทำไมวันนี้ถึงได้โกรธเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น?
“เขาคงบ้าไปแล้วแน่เลย…” เด็กสาวหันไปคุยกับเจ้าลิงแล้วอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก มือเรียวลูบหัวที่รักเบาๆ สายตายังคงมองขึ้นไปบนห้องของเพิร์ธ
เคล้ง!
“เสียงไรกัน…รออยู่ตรงนี้นะ” กระถินบอกที่รักเสร็จก็วางเจ้าลิงลงบนโซฟา เธอหยิบรีโมทขึ้นมาปิดทีวีแล้วเดินขึ้นไปข้างบน ร่างเล็กหยุดอยู่หน้าห้องของเขาชั่งใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจถาม
“คุณ…เป็นอะไรรึเปล่าคะ หนูได้ยินเสียงจากข้างบน”
“…” เด็กสาวแนบหูเข้ากับบานประตูเพื่อฟังเสียงจากข้างใน
“หนูขอให้เข้าไปนะคะ…” มือเรียวผละประตูเข้าไปข้างในที่ไม่ได้ล็อก สายตากวาดมองหาร่างของคนตัวโตแต่ก็ไม่พบ เธอจึงเดินเข้ามาในห้องน้ำก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากตกใจกับภาพที่เห็น…
“คุณ…เป็นอะไรคะ ทำไมนอนอยู่แบบนี้ ได้ยินหนูมั้ย?” กระถินย่อตัวลงเรียวแขนสอดเข้าประคองศีรษะโตขึ้นมา ฝ่ามือตบแก้มเนียนเบาๆ เพื่อเรียกสติ บริเวณใกล้เคียงกันมีของตกหล่นอยู่ ร่างหนานอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น…
“ใช่สิ…ต้องเรียกรถพยาบาล”
“ไม่ต้อง ฉันแค่ปวดหัว” น้ำเสียงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินเอ่ยบอกกระถิน เปลือกตาพยายามเปิดขึ้นทั้งที่จะปิดลงอยู่รอมร่อ เธอจึงยกมือขึ้นแล้วอังหน้าผากเพื่อเช็คดูอาการไข้…
“งั้นไปนอนพักก่อนค่ะ อย่าพึ่งอาบน้ำเดี๋ยวหนูเช็ดตัวให้…”
“อืม”
“มาค่ะ…อ๊ะ…เพราะคุณเอาแต่ดื่มมากแน่เลยถึงได้เป็นแบบนี้ พวกสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ก็เบาลงหน่อยนะคะ”
“…” กระถินบ่นพร้อมกับพยุงคนตัวโตมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียงดวงตากลมโตเหลือบมองร่างหนาที่ยกแขนขึ้นกอดตัวเอง เธอจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างให้
“หนูว่าเราควรไปหาหมอ…”
“ฉันบอกว่าไม่ต้อง ถ้าไม่อยากดูแลฉันนัก ก็ปล่อยให้ฉันนอนตายอยู่ในห้องนี้แหละ”
ไม่ทันที่กระถินจะพูดจบ เจ้าของร่างหนาก็พลิกกายหันหลังให้ กระถินจึงถอนหายใจออกมาเอือมระอากับการกระทำของชายหนุ่ม ที่ชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย…
“เปล่าค่ะ…หนูแค่กลัวว่าคุณจะเป็นอะไรมาก”
“แค่กลัวหรอ…?”
“ค่ะ”
“งั้นก็ออกไปเถอะ”
“…” กระถินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอเดินลงมายังชั้นล่างแล้วเตรียมอุปกรณ์เช็ดตัวขึ้นไปยังชั้นบนอีกครั้ง เพิร์ธที่แอบเฝ้ารอการกระทำของเด็กสาวรีบพลิกกายหันมาดังเดิมเมื่อคนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาในห้อง…
“คุณตัวร้อน สงสัยจะมีไข้ด้วยต้องเช็ดตัวนะคะ”
“ไหนบอกว่าฉันมันโรคจิต ไม่กลัวฉันทำร้ายเธอรึไง” เขายิงคำถามในตอนที่เปลือกตายังปิดอยู่ ทำเอาร่างเล็กหยุดชะงักครุ่นคิดไปกับคำพูดของเขา
“คุณคงไม่ทำอะไรหนูหรอกใช่ไหมคะ”
“ไม่รู้สิ อย่าเอาแน่เอานอนกับคนแบบฉัน เพราะยังไงก็ไม่ได้ดีในสายตาเธออยู่แล้ว”
“หนูขี้เกียจจะคุยกับคุณแล้ว เอาเป็นว่าเช็ดตัวกินยาแล้วนอนพักดีกว่านะคะ…” กระถินพูดตัดบท ปลายนิ้วขาวสะอาดไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกทีละเม็ด ก่อนจะถอดออกจากบ่ากว้าง มือเรียวค่อยๆ เช็ดตามเนื้อตัวให้เขาอย่างอ้อยอิ่งท่ามกลางความเงียบ จนผ่านไปหลายนาที…
“รอแป๊บนึงนะคะ…เดี๋ยวหนูไปเอายาลดไข้มาให้”
“…”
หมับ!…
“คุณ?” ดวงตากลมโตหลุบมองใบหน้าคมคายที่ตอนนี้หลับสนิท ลมหายใจหนักๆ ถูกถอนออกมาจากปลายจมูกเชิดรั้น เมื่อร่างกายถูกคว้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแน่น เหมือนคนที่ต้องการกำลังความอบอุ่น…
“คืนนี้…อยู่กับฉันนะ”
“หนู…”
“เธอทำตามที่ฉันขอร้องสักข้อไม่ได้หรอกระถิน?”
ชายหนุ่มยื่นใบหน้าเข้าไปซุกที่ซอกคอหอมกรุ่น ทำเอาลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดผิวกายละเอียดอ่อน สร้างความกระสันให้ร่างกายจนเด็กสาวต้องหดคอหนีเล็กน้อย…
“ฉันแค่อยากกอดใครสักคน…”
“เสียใจด้วยค่ะ…คนคนนั้นคงไม่ใช่หนู หนูให้ผู้ชายที่ทำร้ายครอบครัวหนูกอดไม่ได้หรอก กอดของหนูมีไว้ให้แค่คนรักเท่านั้นค่ะ…” กระถินเอ่ยบอกออกมาเบาๆ ดวงตาหลุบมองมือหนาที่แนบชิดกับหน้าท้องแบนราบตัวเอง เธอยกมือขึ้นจับท่อนแขนใหญ่ออกแล้วผละจากอ้อมกอด
“นอนพักเถอะนะคะ…หนูไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายที่โดนผู้ชายเจ้าชู้อย่างคุณหว่านล้อมแล้วจะตายใจ”
“…”
“…แล้วอีกอย่าง สถานะเราของเราแนบชิดกันได้แค่บนเตียงเท่านั้นค่ะ หนูให้เท่าที่จะชดใช้ได้ ขอตัวนะคะ” กระถินทิ้งท้ายแค่นั้นก็เดินออกมาจากห้องของเขาโดยไม่ได้หันกลับไปมองร่างหนาที่นอนหันหลังให้…
“เหอะ…”
เพิร์ธหัวเราะในลำคอ มือหนายกขึ้นลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ เขาพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ยังไงกัน ขอนอนกอดผู้หญิง ทั้งที่ไม่เคยต้องมาเรียกร้องอะไรแบบนี้มาก่อนตลกสิ้นดี “นั้นสินะ…ฉันไม่ควรอยากกอดเธอเลยสักนิด…”
ด้านกระถินที่เดินเข้ามาในห้อง เธอแนบแผ่นหลังเข้ากับบานประตู มือเรียวยกขึ้นกอบกุมจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองเบาๆ แววตากลับกลอกไปมาอย่างคนคิดหนัก…
“ก็แค่คำพูดหว่านล้อมของผู้ชาย…อย่าหวั่นไหวเด็ดขาด อย่าคิดไปเอง เขาคือฆ่าตกรนะกระถิน เธอต้องใจแข็งไว้สิ…”
หลายชั่วโมงถัดมา…
ภายในบ้านที่เงียบสงัดในช่วงกลางดึกร่างหนาเดินลงมาจากชั้นสองด้วยใบหน้าซีดเผือด เพิร์ธพาร่างของตัวเองเดินมาที่รถคันโปรดแล้วสตาร์ทขับออกมาหลังจากที่หลับไปหลายชั่วโมง ทวาอาการมึนเมาวินเวียนศีรษะยังคงเข้าเล่นงานอยู่…
“ยาแรงจังว่ะ…” ชายหนุ่มสบถออกมาเพียงลำพัง ปลายนิ้วโป้งยกขึ้นนวดคลึงขมับตัวเองไปด้วย ในวินาทีต่อมาเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองไปยังบนท้องถนนข้างหน้าในขณะที่ต่อสายหาใครบางคน…
“เห้ย!?”
เอี๊อดดดด…!
โครมมมม
ไม่ทันที่เพิร์ธจะได้ตั้งสติ รถก็ถูกหักเลี้ยวกะทันหันจนศีรษะกระแทกเข้ากับหน้ากระจกรถอย่างรุนแรง ชายหนุ่มพยายามเพ่งสายตามองภาพตรงหน้าทวามันกลับมืดไปหมดมองไม่เห็นแม้แต่แสงสว่าง ก่อนที่สติจะดับวูบลงในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา…
@โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง…
ภายในห้องพักฟื้นของผู้ป่วยฉุกเฉินมีร่างกายกำยำนอนอยู่บนเตียงนอน หลังจากทำการเย็บแผลและพักฟื้นเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงข้างกายกันคือร่างของเชษที่นั่งอยู่ มีเลขาคอยยืนอยู่ข้างหลัง…
“?”
“เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าสูบให้มันมาก ดีนะที่ฉันเคลียร์คดีให้นายได้ ตำรวจเลยไม่ตรวจสารเสพติดในร่างกายนาย…”
“ปกติก็ไม่เห็นเป็นไร…”
“หมอตรวจเจอสารเสพติดในร่างกายนายเป็นจำนวนมากบวกกับความเครียด แล้วเครียดเรื่องอะไร?”
“ไหนบอกว่าไม่มีใครรู้ไง…”
“ฉันเป็นทนาย รู้วิธีแก้สถานการณ์ รู้แล้วก็ช่วยตอบคำถามมาด้วย” เชษกอดอกจ้องมองรอเอาคำตอบจากคนบนเตียง ร่างหนาจึงค่อยๆ เอนตัวขึ้นนั่งใบหน้าเชิดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาหนักๆ มือยกขึ้นนวดคลึงขมับไปด้วย…
“ก็บอกว่าไม่มีไรไง…เซ้าซี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา”
“เอาล่ะ ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ฉันจะจัดการส่งเด็กคนนั้นกลับเชียงใหม่เอง”
“จะเอาคำตอบเลยให้ได้?”
“ใช่ครับ”
“ให้เลขานายออกไปก่อน” เชษหันไปพยักหน้าให้เลขาวัยใกล้เคียงกัน แล้วภายในห้องจึงเหลือเพียงทั้งสอง สายตาไม่ค่อยสบอารมณ์ตวัดมองเชษก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ตอบมาได้รึยัง ว่าเพราะอะไร?”
“กำลังสับสน อยู่ๆ มันก็…”
เพิร์ธหยุดพูดเอาไว้เพียงเท่านั้นก็ก้มหน้าฟุบลงกับฝ่ามือ มันอยากระบายออกมาแต่ก็พูดออกไปไม่ได้ทั้งหมด เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาการที่ตัวเองเป็นอยู่นอนนี้มันเรียกว่าอะไร…
“ฉันพอจะเดาออกแล้วแหละ ว่านายกำลังรู้สึกอะไรกับเด็กคนนั้น ผู้หญิงที่คิดว่าไม่ควรจะรัก…”
“รักหรอ? ฉันไม่ได้รักยัยนั้นสักหน่อย เจอกันยังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ” เพิร์ธหลับหูหลับตาตอบ ไม่อยากฟังในสิ่งที่เชษกำลังพูด เขาเริ่มรู้ตัวเองก็ตอนเมื่อทำรุนแรงกับกระถินไปแล้วความรู้สึกลึกๆ มันก็…แอบเป็นห่วง พอเห็นสนิทสนมกับใครก็เกิดอาการ…หวง
“ให้ตายเถอะ…นายออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“…ถ้าไม่อยากสับสนแบบนี้ ก็ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองซะ คนเราจะรักใคร ต่อให้เจอหนึ่งวิถ้ามันใช่ก็ไม่มีอะไรห้ามได้หรอก ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม”
“รักไอ้ลิงอัปลักษณ์ยังดีไปรักยัยนั้น…ไม่มีทาง” ชายหนุ่มสบถออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นยีหัว การกระทำของเขาทำเอาเชษที่นั่งมองอยู่ส่ายหัวเอือมระอาแล้วเดินออกมาจากห้องปล่อยให้ชายหนุ่มได้ใช้เวลาอยู่กับตนเอง…
อีกด้าน…
(10 : 30 AM.)
“ขอบคุณนายมากเลยนะ ที่อุตส่าห์ยอมเสียเวลาสแกนสมองของนายคนนั้นให้…”
“ถ้าคนไข้คนนั้นป่วยจริงๆ ฉันในฐานะหมอก็ยินดีช่วยเต็มที่”
“งั้นฉันขอตัวก่อน ไว้เจอกัน…”
“อืม” หลิวจางเอ่ยลาเพื่อนสนิทที่รับเคสดูแลเพิร์ธพอดี เขาจึงขอร้องให้ช่วยตรวจสแกนสมองเพื่อนำมาวิเคราะห์และหาความจริง บวกกับการหาข้อมูลอีกนิดหน่อย พอได้ในสิ่งที่ต้องการชายหนุ่มก็เดินกลับมาที่ตึกซึ่งได้นัดกระถินมาคุยด้วยในเช้านี้…
“หมอจางได้ข้อมูลอะไรมาเพิ่มหรอคะ?”
“เดี๋ยวช่วยอ่านแล้วก็บอกหมอทีว่าหนึ่งในนั้น เขามีพฤติกรรมตามข้อไหนบ้าง…” มือหนายื่นไอแพดให้กระถินที่ปรากฏอาการเริ่มต้นโดยทั่วไปของผู้ป่วยจิตเวช เธอจึงกวาดสายตาอ่าน ในขณะที่หลิวจางกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียดบนหน้าจอคอมพิวเตอร์…
“หนู…คิดว่าไม่มีเลยสักข้อค่ะ”
“แน่ใจนะ…”
“ค่ะ เขาไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรแบบนี้เลย แค่ชอบทำอะไรรุนแรงตามอารมณ์”
“ผลตรวจออกมาแล้วครับ ไม่มีความผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น สารเคมีในสมองยังคงสมดุลเหมือนคนปกติทั่วไป ต่างกับผู้ป่วยรายอื่นที่สารเคมีในสมองไม่สมดุลและมีพฤติกรรมแบบนี้ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่ง…” หมอจางอธิบายในสิ่งที่ได้ค้นพบให้เด็กสาวฟังอย่างละเอียดกระถินที่ได้ฟังแบบนั้นกลับกลายเป็นพูดอะไรไม่ออก เปลือกตากะพริบไล่ความจริงที่คิดมาตลอด…
“หมอสงสัยว่า บางทีคนร้าย…อาจจะไม่ใช่คนที่เราคิดก็ได้นะครับ”
.
.
.
เอ๊ะ แล้วคนร้ายเป็นใครกันนน⁉️
Next...
“เธอไม่เป็นห่วงฉันบ้างเลยใช่ไหม!?” ไม่ทันที่กระถินจะได้ตั้งหลักคำถามมากมายก็ถูกสาดเข้ามา เด็กสาวไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอเดินมาหยุดข้างกายชายหนุ่มมองด้วยสายตาสับสนต้องการคำตอบ
“คุณคือซีอีโอคนนั้นเองหรอ คนที่ทำให้หนูได้เข้าไปทำงาน…”
“พูดเรื่องอะไรของเธอ ฉันถามเธออยู่เธอต้องตอบคำถามฉันสิ ไม่ใช่มายอกย้อน”
“ไม่ต้องกลบเกลื่อนหรอกค่ะ หนูรู้เรื่องทั้งหมดแล้วรวมถึงเรื่องที่คุณหลอกถามหนูเมื่อคืน”
