ตอนที่ 15 สนใจมาตั้งแต่แรก
EP15
.
.
.
“เฮือก!?” กระถินสะดุ้งตกใจกระเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟา เธอรีบโกยลมหายใจเข้าปอด สายตากวาดมองไปบริเวณรอบข้างก็เห็นเพียงเจ้าลิงตัวน้อยที่กระโดดหลบอยู่บนห้อง…
“นี้…ฉันฝันไปหรอเนี่ย” เด็กสาวฟุบหน้าไปกับโต๊ะแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูนาฬิกา เป็นเวลาเกือบสามทุ่ม ใกล้กันไม่ไกลนักมีข้อมูลวางอยู่ กระถินเผลอหลับทั้งที่ไม่รู้ตัวไปหลายชั่วโมงตื่นมาอีกทีก็เพราะฝันร้าย…
2 ปีที่แล้ว…
( หลังจบพิธีศพได้หนึ่งเดือน )
“…”
“คุณดำรงคงดีใจที่เห็นนายมาเยี่ยม” เชษ พูดขึ้นสายตามองแผ่นหลังกว้างที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพของผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มตั้งใจมาเยี่ยมด้วยการซื้อพวงมาลัยมาไหว้
“ถ้าวันนั้นฉันมาเร็วกว่านี้พ่อคงไม่จากไป”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอก”
“ฉันต้องหาความจริงให้ได้ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้พ่อฆ่าตัวตาย”
“ทางตำรวจระบุว่ามาจากความเครียดเรื่องบริษัท”
“ทั้งที่ฉันกำลังทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นไม่ใช่หรอ พ่อสัญญาแล้วไงว่าจะรอดูความสำเร็จที่เขารักอีกครั้ง…” เขาพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงสั่นเครือ ภาพตรงหน้าเริ่มพล่าเบลอมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อยามจ้องมองใบหน้าของดำรงที่ติดอยู่หลุมศพ ผ่านไปราวหนึ่งเดือนเขาไม่เคยที่จะทำใจได้กับการจากไปของผู้เป็นพ่อ…
“คุณดำรงคงเครียดจากปัญหาหลายๆอย่าง เลยเลือกที่จะทิ้งความทุกข์ไป ท่านคงอยากสุขสบายสักที”
“แม่ทิ้งฉันไปแล้ว…” ใบหน้าเจือความเศร้าหลุบมองพื้นริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงไป ไพรินทิ้งชายหนุ่มและดำรงไปเพื่อไปเจอครอบครัวใหม่ที่สมบูรณ์แบบมากกว่านี้ทำให้ดำรงตรอมใจจนเกิดอุบัติเหตุกลายเป็นอัมพฤกษ์ เขาจึงยอมเข้าไปดูงานแทนผู้เป็นพ่อโดยมีเชษคอยให้คำปรึกษา “ทำไมพ่อถึงทิ้งฉันไปอีก…อึก…ทำไมครับพ่อ”
“ท่านเคยสอนนายให้เข้มแข็งเสมอ เวลานี้เป็นเวลาที่นายควรเข้มแข็งที่สุดแล้ว จงเข้มแข็งไว้แล้วเดินหน้าต่อไป…”
“…” เชษ ยื่นมือไปตบไหล่หนาเบาๆเป็นการให้กำลังใจ แล้วเดินเลี่ยงมารอที่รถแทน ปล่อยให้ชายหนุ่มได้ยืนอยู่กับตัวเองเพียงลำพังทวาสายตากลับไปหยุดอยู่ที่ร่างของใครบางคน…
“มีอะไรกันรึเปล่า” เชษเอ่ยถามการ์ด…
“คุณเอมหายตัวไปครับ”
“นายว่ายังไงนะ? ลองหาทั่วรึยัง”
“ผมลองค้นดูอย่างละเอียดแล้วครับ เจอเพียงจดหมายที่ทิ้งไว้ฉบับนี้”
“อืม…เก็บเรื่องนี้ให้เงียบก่อน ฉันจะเป็นคนบอกเขาเอง” เชษยื่นมือรับซองจดหมายมาเก็บไว้พร้อมกับยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆอย่างคนคิดหนักลำพังเสียผู้บังเกิดเกล้าไปแล้วในเวลาที่ต้องการใครสักคน กลับถูกคนรักผลักไสด้วยการหนีไปโดยไม่มีคำอำลาใดๆ…
“ส่งคนตามหาเธอด้วยแล้วรายงานฉัน ส่วนตอนนี้พวกนายก็กลับได้แล้ว”
“ครับ คุณเชษ” สั่งงานการ์ดเสร็จเรียบร้อย เชษก็ถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะสอดตัวเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ ไม่นานร่างของเพิร์ธก็เข้ามานั่งในรถด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี ก่อนที่เขาจะปิดเปลือกตาลง
“เยี่ยมท่านเสร็จแล้วหรอครับ”
“อืม”
“กลับกันเลยไหม”
“ไปโรงพัก”
“ฉันควรจะบอกนายเรื่องนี้ก่อนสินะ…” เชษตัดสินใจพูดออกไป แล้วยื่นซองจดหมายลงบนตักของเพิร์ธ มือหนาจึงหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านดู…
‘เอมขอโทษนะคะที่พึ่งมาบอกตอนนี้ แต่เอมคิดว่าเราคงไปต่อด้วยกันไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเพิร์ธไม่ดี เอมแค่เป็นห่วงชีวิตตัวเอง เอมไม่อยากมีจุดจบอย่างคุณพ่อ ในเมื่อเพิร์ธเชื่อว่ามันคือการฆ่าตกรรม บางทีถ้าเอมยังคบกับเพิร์ธต่ออาจจะโดนไปด้วย มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่เอมคิดว่าผู้หญิงทุกคนที่ตกอยู่สถานการณ์อันตรายแบบนี้ต้องเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้ตัวเอง เอมยังมีครอบครัวที่รออยู่ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ขอให้เราจบกันด้วยดี… #ชะเอม’
“…” มือหนาบีบจดหมายแน่น มันจุกอยู่ในอกจนพูดอะไรไม่ออก อย่างน้อยๆเธอก็ควรให้สภาพจิตใจของเขาดีกว่านี้แล้วค่อยจากไป
แล้วทางเลือกแบบนี้มันดีที่สุดแล้วหรอ หากรักเขาจริงควรอยู่เคียงข้างกันในวันที่ไม่เหลือใคร ไม่ใช่หนีปัญหาทิ้งให้เขาจมอยู่กับความเสียใจที่เสียคนรักไปพร้อมกันในเวลาใกล้เคียง…
ปัจจุบัน…
“โง่เง่าสิ้นดี…” ชายหนุ่มเค้นยิ้มออกมาสายตายืดยานมองบุหรี่ไฟฟ้าในมือ ขอบตาแดงกํ่า เหงื่อผุดตามกรอบหน้าสภาพเสื้อท่อนบนปลดกระดุมลงมาสองสามเม็ด
“มึงคิดไรอยู่ว่ะ…”
“เรื่องเก่าๆที่ไม่น่าจดจำ”
“แล้วเมื่อกี้?”
“กูเองแหละ แม่งโครตโง่กับแค่ผู้หญิงหน้าตาซื่อๆดูไม่มีพิษภัยอะไร กลับทำให้กูกลายเป็นแบบนี้…” เพิร์ธตอบดีไวน์ที่ทิ้งตัวเอนกับแนวตั้งโซฟา สภาพไม่แตกต่างกันมากสักเท่าไหร่บริเวณรอบข้างมีสารเสพติดทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่ หลังจากเมื่อคืนที่ดื่มกันหนักทิศเหนือและไฟนอลก็ขอตัวกลับไปหาแฟน ทั้งสองจึงอยู่กันยันเช้า…
“แบบไหน”
“เห็นผู้หญิงเป็นเหมือนถังขยะยังไงล่ะ มีแค่ไว้ทิ้งของเสียหมดประโยคก็แค่เดินผ่าน…”
“ใคร”
“อย่ารู้เลย”
“ทำไม?”
“มันไม่ใช่เรื่องดีเอาสักเท่าไหร่”
“โอเค” ดีไวน์พยักหน้าตอบส่งๆไม่ได้ใส่ใจนัก ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นพร้อมกับอัดสารนิโคตินเข้าปอดเกิดกลุ่มควันสีขาวขุ่นลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณห้อง พอเห็นว่าดีไวน์ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเขาจึงเอื้อมหยิบยามาเติมในสมองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย…
“สูบมากๆไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ”
“จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน?”
“นึกว่านายหลับอยู่เลยไม่อยากรบกวน”
“แล้วนี้มาทำไม” เพิร์ธมองร่างของเชษ แล้วพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งบนโซฟา ดีไวน์มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วเก็บของเข้ากระเป๋า…
“ไว้เจอกัน”
“เออ ไมไม่นอนพักก่อนว่ะ ขับรถไหวรึไง”
“ชินแล้ว” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นดีไวน์ก็เดินออกจากห้องไป…
“แล้วตกลงมีไร ถึงได้มาหาที่ห้อง”
“การ์ดบอกว่านายส่งคนคอยประกบเด็กคนนั้น เพราะอะไรหรอ?”
“ยัยนั้นกำลังชดใช้ให้พี่สาวตัวเองอยู่ ฉันเลยต้องส่งคนประกบ” เพิร์ธตอบแล้วปิดเปลือกตาลงพยายามเรียกสติสัมปชัญญะให้ตนเอง โดยมีสายตาของเชษคอยมองอยู่ ที่เขารู้เรื่องของกระถินเพราะการกระทำทุกอย่างเชษจะคอยดูห่างๆเพราะเขาเกรงว่าประธานบริษัทคนต่อไปจะทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา…
“ทั้งที่รู้ว่ายังไงเด็กคนนั้นก็หนีไม่พ้น”
“แล้วจะต้องมีเหตุผลอะไรอีกที่ฉันต้องส่งคนประกบยัยนั้น”
“อยากให้อยู่ในสายตาตลอดการกระทำไง ใช่รึเปล่า”
“หยุดความคิดเพ้อเจ้อนั้นซะ”
“ความจริงแล้วนายจะปฏิเสธแล้วใช้วิธีอื่นเอาคืนเธอก็ยังได้เลยนะ ไม่จำเป็นต้องลากเด็กที่กำลังมีอนาคตเข้ามาเป็นเครื่องมือเลย” เพิร์ธกระตุกยิ้มมุมปากแล้วหันไปมองเชษที่นั่งอยู่ข้างกาย มือหนาเสนผมขึ้นลวกๆแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความรู้เบื่อหน่าย…
“จะบอกว่าฉันสนใจยัยนั้นแล้วใช้วิธีนี้เพื่อเอาเธอมาอยู่ด้วย?”
“เปล่า…ยังไม่ได้พูด”
“ผู้บริหารว่างขนาดนั้นเลยรึไงถึงได้มานั่งจับผิดคนอื่นอยู่ได้”
“การที่ใครสักคนจะรักอีกคนมากกว่าตัวเองมันแทบไม่มีบนโลกปัจจุบัน การเอาคืนที่เจ็บแสบที่สุดไม่ใช่เล่นงานสิ่งที่เขารัก แต่คือการเล่นงานจากข้างหลังโดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว…”
เชษหันมาพูดกับชายหนุ่มข้างกายแล้วยื่นมือตบไหล่หนาเบาๆ ทำให้เพิร์ธหลุดขำออกมาเขารู้ดีในเรื่องนี้ แต่แอบหงุดหงิดที่เชษรู้ทันเกี่ยวกับเรื่องกระถิน…
เขาไม่ได้ใช้เธอเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหรอก มันคือแผนหลอกล่อกระถินมาเป็นของตัวเองต่างหาก ความจริงแล้วชะเอม เขาแค่ส่งของขวัญไปเขย่าขวัญเล่นก่อนนอนทุกวันเธอก็แทบคลั่งแล้ว…
“ยอมรับก็ได้ว่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้จะเอามาเป็นแม่ของลูกสักหน่อย พอใจแล้วก็ออกไปสิ…”
“ยังออกไปไม่ได้ นายต้องลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปเช็คงานที่ห้างกับฉัน” เชษดึงบุหรี่ไฟฟ้าออกจากมือหนา ทำให้เพิร์ธยอมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทั้งหมดที่ชายหนุ่มลงมือทำกับกระถินแค่ตามน้ำในสิ่งที่เธอเข้าใจ…
@ห้างสรรพสินค้า GK…
“นี้คือข้อมูลและสถิติภายในเวลาสองปี หลังจากที่นายเดินทางไปเจรจากับทางอังกฤษวันนั้น ที่นี้ก็กลายเป็นที่นิยมทั้งในไทยและชาวต่างชาติที่แวะเข้ามาเที่ยว ยอดขายพุ่งกระฉูดทุกเดือนแบบฉุกไม่อยู่…” เชษรายงานสถานการณ์ให้ชายหนุ่มฟังพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารให้เจ้าของใบหน้าคมคายดู
“ฝีมือนายล้วนๆไม่ใช่หรอ”
“ฉันแค่สานต่อ คนที่เริ่มคือนายต่างหาก นายเป็นคนเรียนรู้เร็วและจำเก่ง มีไหวพริบดี เหมาะกับตำแหน่งประธานบริษัท…”
“พอ บอกแล้วไงว่าจะพิจารณาก่อน ที่เข้ามาดูงานด้วยก็เพราะ…”
“เพราะอะไร?” เพิร์ธหยุดชะงักมองไปที่แผ่นหลังของใครบางคนที่เดินหน้ามุ้ยออกมาจากร้านชาบู ทำให้สายตาของเชษมองตามก็เจอเข้ากับกระถิน…
“ฉันจะแวะไปดูร้านนั้น” รอให้กระถินเดินห่างออกไป ร่างหนาก็ตรงดิ่งเข้ามาในร้านชาบู ท่ามกลางความเคารพของพนักงานและผู้จัดการของร้าน…
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้เธอมาทำอะไร”
“เอ่อ…เธอมาขอสมัครงานพาร์ทไทม์ค่ะ แต่ทางร้านพนักงานเต็มแล้วเราเลยปฏิเสธไป”
“งั้นหรอ เลือกเอาก็แล้วกันอยากโดนไล่ออกเอง หรือจะไล่คนอื่นออกแล้วรับเธอเข้ามาทำงานแทน”
“ทราบแล้วค่ะ…ขอโทษนะคะ”
“ไปเถอะ” ชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินออกมาจากร้านชาบูสายตายังคงจ้องมองคนตัวเล็กที่เดินคอตกอยู่เพียงลำพัง มือหนาจึงถอดเสื้อสูทและดึงเนคไทออกโยนให้เชษ “หมดเวลาแล้ว ดูงานต่อก็แล้วกันนะ”
“แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว…” เชษได้แต่ส่ายหัวแล้วส่งต่อชุดให้เลขา ก่อนจะเดินทักทายตามร้านใหญ่ๆต่อ
หมับ!…
“อ๊ะ!?” ร่างเล็กลอยเหนือพื้นขึ้นมากระทบอกแกร่งเมื่อข้อมือถูกกระชาก สายตาคมกริบมองใบหน้าหวานที่มีท่าทีตกใจเล็กน้อย สายตาเหมือนกำลังหวาดกลัวเขาอยู่… “คะ…คุณมาที่นี้ตั้งแต่ตอนไหนคะ”
“ฉันต่างหากต้องถามเธอว่ามาทำอะไรคนเดียว มาหาใคร?”
“หนูมาสมัครงาน…”
“ขออนุญาตฉันแล้วหรอ ถึงกล้าออกมา”
“ขอโทษค่ะ หนูต้องกิน ต้องใช้เงินนี่” กระถินก้มหน้ามุ้ยหลบสายตา ภาพในความฝันเมื่อคืนยังวกวนอยู่ในห้วงความคิดจนเธอนึกกลัวคนตรงหน้า ก่อนที่ข้อมือจะถูกลากมายังมุมลับตาคน ใบหน้าคมคายก้มลงประกบจูบลงด้วยอารมณ์ที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่…
“อื้อ!?”
“อย่าทำหน้าตาแบบนี้ให้ฉันเห็นอีก…มันอันตราย" รอยยิ้มร้ายกาจกระตุกยิ้มบนมุมปาก ปลายนิ้วโป้งนวดคลึงริมฝีปากแดงระเรื่อเบาๆเป็นเชิงหยอกล้อ ไม่ได้เจอหน้าเด็กสาวแค่ไม่กี่ชั่วโมงเขาก็แทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว…
.
.
.
Next...
“เธอคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนฉันหรอ?”
“เห็นสนิทสนมกันดีนิคะ”
“ผู้หญิงกับผู้ชายสนิทกันต้องเป็นแฟนกันเสมอไปงั้นสิ…”
“…” กระถินไม่ได้ตอบอะไร เธอคว้ากระป๋องเบียร์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากระดกเข้าปากแก้เก้อ ไม่อยากให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอแอบน้อยใจที่โดนทำเหมือนอากาศ เด็กสาวก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องน้อยใจผู้ชายเจ้าชู้แถมโรคจิตแบบเขาด้วย…
“ยัยนั้นไม่ใช่แฟนฉันหรอก ฉันโสด…อยากมีเหมือนกัน”
