ตอนที่ 14 ฝันร้าย…ที่อยากจบ
EP14
.
.
.
“คุณ…อื้อ!” เด็กสาวร้องปรามเล็กน้อย ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเมื่อลำคอถูกดูดเม้มหนักๆลุกลามไปทั่วทุกจุด เรียวแขนยกขึ้นคล้องลำคอใหญ่เอาไว้พยุงร่างตัวเองไม่ให้ล่วงหล่นจากตัก…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…!
“เชี้ยเพิร์ธ…เปิดประตูดิ”
“ฉิบ…” ชายหนุ่มสบถออกมาเมื่อได้ยินเสียงของทิศเหนือตะโกนเข้ามาจากหน้าห้อง มือหนาเสยผมขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดแล้วอุ้มกระถินลงจากตัก… “ถ้าเพื่อนฉันถาม บอกแค่ว่ามาขายตัวแล้วก็ออกจากห้องไปซะ”
“ค่ะ”
“ไปแต่งตัวดิ อยากโชว์นักรึไง?” เขาหันไปดุเธอแล้วจัดการหยิบชุดคลุมขึ้นมาสวม ร่างเล็กกัดปากตัวเองด้วยอาการประหม่าก่อนจะกวาดเรียวขาลงจากเตียงจัดร่างกายตัวเองให้เป็นระเบียบ สายตาเพ่งมองที่ร่างหนา…
“วันนัดรวมญาติหรอว่ะ มาทำซากไรตอนนี้?”
“หลีก จะเข้าไปแดกเหล้า…”
“พวกเวร” ทิศเหนือเบียดร่างของเพื่อนสนิทแล้วเดินแทรกเข้ามาข้างในอย่างถือวิสาสะ ตามมาด้วยสองหนุ่มที่ในมือถือถุงเบียร์และของกินเล่นตามเข้ามาติดๆ พลันสายตาทุกคู่ก็ไปสะดุดอยู่ที่ร่างของเด็กสาว…
“ที่ไหนได้ นัดเด็กมาเยนี้เอง” ไฟนอลพูดขึ้น
“เห็นห้องกูเป็นร้านสะดวกซื้อรึไง อยากมาตอนไหนก็มาเพื่อนเหี้ย”
“คงงั้น…” ดีไวน์ตอบแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา
“หนูกลับก่อนนะคะ”
“คนของฉันรออยู่หน้าคอนโด ให้พวกมันไปส่งอย่าคิดที่จะกลับคนเดียว”
“ค่ะ” กระถินขานรับแล้วเดินออกมาจากห้อง พอพ้นบริเวณประตูเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เด็กสาวเดินลงจนถึงหน้าคอนโดก็เจอเข้ากับการ์ดสองคนนั้นยืนรออยู่ข้างรถตู้คันเดิม เธอเดินขึ้นไปโดยที่ไม่ได้ปริปากอะไร จนรถเคลื่อนตัวออกมาเรื่อยๆ…
“จอดร้านเน็ตให้หนูด้วยค่ะ”
“…นายไม่ได้สั่ง”
“หนูจะจัดการเรื่องเรียนต่อ จอดให้หนูด้วยนะคะ”
“…”
“หนูไม่หนีหรอกค่ะ โทรศัพท์จับสัญญาณได้ไม่ใช่หรอจัดการทุกอย่างเสร็จเดี๋ยวหนูกลับ…” กระถินพยายามเกลี้ยกล่อม ทำให้การ์ดสองคนหันหน้าสบตากัน สายตาไม่ไว้วางใจจ้องมองกระถินผ่านกระจกหน้า…
“ถ้านายรู้เรื่องนี้ เราอาจจะซวยนะพี่…”
“มันไม่น่าหนีไปไหนหรอก”
“แต่ว่า”
“หนูสัญญาค่ะ สัญญามีไว้เพื่อรักษา หนูไม่ผิดคำพูดแน่นอน” กระถินโผล่หน้าเข้าไปพูดระหว่างทั้งสอง ปลายนิ้วยื่นไปหวังจะเกี่ยวก้อยสัญญากับอีกคนที่ไม่ได้ขับรถ เขาจึงเบือนหน้าหนีด้วยท่าทีนึกรำคาญ
“เออๆ”
“ขอบคุณนะคะ”
กระถินเอ่ยขอบคุณแล้วถอยกลับมานั่งที่เดิม ก่อนที่รถจะจอดอยู่ที่หน้าร้านเน็ตขนาดใหญ่ เด็กสาวจึงยกมือไหว้ลาแล้วเปิดประตูลง เธอเดินหายเข้ามาในร้านพร้อมกับจัดการซื้อตั๋วชั่วโมงพลางหย่อนตัวนั่งลงในที่ลับสายตาคน…
-กระถิน-
เอาล่ะ ตอนนี้ฉันต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้ว ก่อนอื่นเลยเรื่องนี้ต้องเป็นความลับฉันจะให้ใครรู้ไม่ได้นอกจากคนที่ยอมจะช่วยนั้นก็คือหมอจาง ฉันยังไม่เล่ารายละเอียดอะไรให้เขาฟังมากหรอกนะ และไม่รู้ด้วยว่าเขาจะยอมร่วมมือจริงรึเปล่า ถ้าเขายอมเราก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
เขาก็จะได้รักษาผู้ป่วยอย่างที่ต้องการ ส่วนฉันก็จะได้จบเรื่องบ้าๆนี้สักที หากทุกอย่างมันเป็นอย่างที่คิดล่ะก็นายนั้นคงถูกบทลงโทษหลังจากที่เขารักษาอาการหายดี ฉันจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวใช้เวลาอยู่กับพี่เอมก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไป
นึกได้แบบนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องรอช้า ก่อนอื่นต้องตั้งเป้าหมายซะก่อน ต่อด้วยการวางแผน ตรวจสอบ หาข้อมูล วิเคราะห์ รวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุด ซึ่งเรื่องที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้เกี่ยวกับคดีฆ่าตกรรมของเขา มาจากพฤติกรรมป่วยทางจิต
มันอาจจะเจาะลึกไปหลายด้านแต่ก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ยังไงฉันก็เชื่อว่าต้องหาความจริงทั้งหมดได้แน่นอน เอาล่ะ…ตอนนี้ฉันรู้เป้าหมายของตัวเองแล้วต่อไปการวางแผน แผนของฉันก็แค่ซุ่มทำแบบเงียบๆภายในเวลาที่รวดเร็วที่สุดโดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัวแค่นั้น…
มันจะยากก็ตรงที่ การหาข้อมูลก่อนอื่นฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเขาป่วยจริงรึเปล่า หาหลักฐานต่างๆมายืนยันว่าเหยื่อป่วยอาการทางจิตเรื่องนี้ต้องพึงพาหมอจาง ต่อมาฉันต้องเริ่มรื้อคดีจากอินเทอร์เน็ตที่มีลักษณะการตายคล้ายๆกัน ถึงในข้อมูลจะระบุผู้กระทำต่างกันก็เถอะมันก็แค่แผนตบตาเพื่อให้ตัวเองเป็นเงาที่ไม่มีใครรู้จักก็แค่นั้นแหละ…
“อย่าเลยพี่ ไม่มีประโยชน์หรอกหาให้ตายยังไงพี่ก็เอาชนะฆ่าตกรหัวกะทิอย่างมันไม่ได้หรอก” เสียงของใครบางคนแทรกเข้ามาในห้วงความคิดทำให้ฉันรีบหันหน้ากลับไปมองก็เห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งเดินออกจากร้านเน็ตไป…
“เดี๋ยว นายรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นหรอ”
“ผมรู้ แล้วทำไรได้?”
“เมื่อกี้หมายความว่ายังไง…” เด็กผู้ชายที่อายุน่าจะสิบหกสิบเจ็ดหยุดเดินแผ่นหลังแนบกับกระจกใสของร้าน ฉันจึงหยุดอยู่ข้างกายสายตาจ้องมองอย่างต้องการเอาคำตอบ
“ก็อย่างที่พูด”
“นายรู้หรอว่าใครคือฆ่าตกร”
“เปล่า…ไม่มีใครรู้หรอก มันถึงได้ลอยนวลอยู่แบบนี้ไง”
“ฉันกระถินนะ นายชื่อไร”
“ล็อตเต้เรียกเต้เฉยๆก็ได้”
“ทำไมถึงรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้หล่ะ” ฉันจัดการยิงคำถามต่อไม่เว้นให้ล็อตเต้ได้มีโอกาสหนี ไม่รู้สิฉันว่าเขาน่าสนใจดี ท่าทางมีไหวพริบถึงจะเป็นแค่เด็กเสเพลติดเกมส์ก็เถอะ มันถึงเวลาที่ฉันต้องหาเพื่อนร่วมทีม และนายนี้ก็เหมาะที่สุดแล้วภายนอกอาจจะดูห่วยแตกแต่ฉันเชื่อว่าข้างในต้องมีอะไรเซอร์ไพรส์แน่นอน
“ผมจำเป็นต้องเล่าให้พี่ฟังด้วยหรอ?”
“เรามาทำความรู้จักกันไว้ดีกว่านะ บางทีเราอาจจะมีอะไรคล้ายๆกัน อย่างเช่นเป้าหมาย…”
“กำลังหว่านล้อมให้ผมร่วมมือด้วยงั้นสิ”
“ไม่อ่ะ เสียเวลาชอบพูดตรงๆ สนใจไหมล่ะ”
“พี่เล่าเรื่องของพี่มาก่อนดิ…” ล็อตเต้ไม่ได้หันมาสบตาฉัน เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากถุงกางเกงขาสั้นโทรมๆแล้วจุดสูบ สายตาเหม่อมองไปยังบนท้องถนนเหมือนมีอะไรให้คิดอยู่ในหัว
“ตกลงก่อนสิ ค่อยมาแลกเปลี่ยนกัน”
“ขอเวลาคิดหน่อยแล้วกัน ว่าควรเอาชีวิตไปเสี่ยงรึเปล่า” นายนั้นพูด แล้วหยิบหมึกดำออกมาจากที่เดิมปากยังคงคาบมวลบุหรี่ มือหนาจับแขนฉันขึ้นแล้วเขียนเบอร์โทรตัวเองลงไป “นี้เบอร์ผม ไว้เจอกันนะเจ๊…”
-END-
บ้าน…
“ก่อคดีแล้วโยนความผิดให้คนอื่น แล้วทำไมคนพวกนั้นถึงยอมล่ะ ตำรวจไม่สงสัยบ้างรึไง?” กระถินพูดพึมพำออกมาอยู่คนเดียว มือเปิดกระดาษแผ่นใหญ่ที่เธอรวบรวมข้อมูลแล้วปริ้นออกมาเย็บติดกันไว้ ก่อนจะทิ้งตัวเอนลงบนโซฟา
“รู้สึกท้อทั้งที่ยังไม่เริ่มเลยที่รัก…”
“…”
“ทุกอย่างมันล้วนต้องหาคำตอบ ไอ้บ้านั้นคงเป็นฆ่าตกรหัวกระทิจริงๆแหละ ขนาดตำรวจยังไม่สงสัยอะไรเลย” เด็กสาวถอนหายใจออกมาปลายนิ้วลูบหัวเจ้าลิงที่นั่งอยู่ข้างๆไปด้วย เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่กระถินอยู่ร้านเน็ตแต่กลับไม่ได้อะไรเพิ่มเติม…
“รออยู่นี้นะ เดี๋ยวฉันมา” ร่างเล็กเก็บข้อมูลเอาไว้ แล้วเดินหาที่ซ่อน เธอตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องประตูสีแดงซึ่งเป็นที่เกิดความทรงจำเลวร้ายของเธอจนต้องเข้ามานอนในโรงพยาบาล…
ปลายนิ้วเรียวไล่ลงบนภาพสยดสยองพวกนั้นราวกับกำลังสัมผัสความเจ็บปวดของเจ้าของหยดเลือด พลันดวงตากลมโตก็สั่นไหว หากเธอต้องได้รับความทรมานอีกครั้งจะยังทนรับไหวอยู่อีกรึเปล่ามันโหดร้ายและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ…
“คุณจะรู้ตัวบ้างมั้ย ว่าการกระทำของคุณมันทำให้ใครต้องเดือดร้อนบ้าง ขอให้หนูเป็นคนสุดท้ายที่คุณทำแบบนี้…” กระถินพูดออกมาเพียงลำพัง เธอไล่สายตามองไปทีละภาพจนหยุดที่ภาพสุดท้ายที่มีเลือดกลบจนแทบจะไม่เห็นรูปวาด…
“อึก…” ร่างเล็กเซถอยหลังออกมาเล็กน้อย ตอนนั้นไม่ได้มีโอกาสได้ดูอย่างใกล้ชิดมากขนาดนี้ พอยิ่งมองพร้อมกับจินตนาการไปด้วยหัวใจก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ เธอหันหลังให้กับผลงานศิลปะพวกนั้นแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง…
ปัก…?!
“อ๊ะ!?” ลูกดอกปาเป้าลอยเฉี่ยวใบหน้าหวานไปเล็กน้อย ทำเอาเด็กสาวสะดุ้งตกใจ ปลายนิ้วเรียวค่อยๆลดลงเพื่อมองอะไรบางอย่างที่เกือบโดนหน้าตัวเอง แววตาเคลือบด้วยน้ำสีใสมองไปยังภาพที่ถูกปักลงอย่างแม่นยำ…
“แปลกตาใช่มั้ยล่ะ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนล่ะสิ”
“…”
“มองมันไว้แบบนั้นแหละ เดี๋ยวก็ชิน…”
“หนู…ขอตัวก่อนนะคะ”
หมับ!
“เดี๋ยวสิ” กระถินรีบตัดบทหวังจะเดินหนี ทวากลับถูกมือหนาคว้าเข้าที่ต้นแขนแล้วบีบเอาไว้แน่น เธอหลุบตามองใบหน้าเบ้ด้วยความเจ็บ พยายามบิดต้นแขนออก ปลายจมูกเชิดรั้นสัมผัสได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นฉุน มืออีกข้างกำลูกดอกปาเป้าเอาไว้…
“คุณมีอะไรหรอคะ”
“ปาใส่ภาพมันไม่สนุก ฉันอยากปาใส่คนจริงๆเธอพอจะช่วยฉันได้ไหม?”
“คะ…คุณ พูดอะไรคะ เสียสติไปแล้วหรอ”
“เอาหน่า ไม่เจ็บหรอก อย่างน้อยก็แค่เลือดสาด”
“คุณ…ปล่อยหนู!” คำพูดและรอยยิ้มชวนขนลุกที่ได้สัมผัสทำให้กระถินกลัวจนดิ้นต่อต้านสุดแรงเกิด หากแต่แรงอันน้อยนิดของเธอไม่อาจสู้แรงของชายหนุ่มได้
มือหนาลากกระถินมาติดกับผนังก่อนจะดึงเชือกออกมามัดข้อมือติดกับไม้ที่ตั้งอยู่ขนานเรือนร่างของเธอรวมถึงข้อเท้า ปิดท้ายด้วยการพันรอบตัวเด็กสาวเอาไว้แน่นไม่ให้กระถินดิ้น…
“ถ้าเจ็บก็กัดผ้าไว้ก็กันแล้ว เป็นเป้าต้องยืนนิ่งๆอย่าขยับ…” เพิร์ธกระซิบบอกเธอ แล้วเปิดชายเสื้อกระถินขึ้นยัดใส่อุ้งปากเล็กให้กัดเอาไว้ กระถินกัดมันเอาไว้แน่น เปลือกตาคู่สวยปิดลงพร้อมกับความหวาดกลัวจับใจ…
“ต้องเริ่มจากระยะไกลก่อน เอาส่วนบนก็แล้วกัน…” ชายหนุ่มกัดปากอย่างใช้ความคิดพร้อมกับขยิบตาไปหนึ่งที มือหนายกลูกดอกปาเป้าขึ้นเล็งไปที่กลางหน้าอก…
ปัก!…
“อื้อ!!” กระถินร้องออกมาด้วยความตกใจ ร่างกายสะดุ้งเล็กน้อย เธอลืมตาขึ้นก็เห็นว่าลูกดอกหล่นลงบนพื้นเฉียดฉิวร่างกายไปเพียงน้อยนิด…
“ไม่ต้องเสียใจไปหรอก ฉันแค่วอมมือ…”
“…”
“ของจริงกำลังจะเริ่มแล้ว คราวนี้แหละโดนแน่นอน…” สายตาซ่อนรอยยิ้มมองไปที่ใบหน้าหวาน พร้อมกับเสียงหัวเราะพอใจในลำคอ ปลายนิ้วแกร่งแกว่งลูกดอกไปมาเขย่าขวัญคนตัวเล็กอย่างนึกสนุก…
.
.
.
Next...
“โง่เง่าสิ้นดี…” ชายหนุ่มเค้นยิ้มออกมาสายตายืดยานมองบุหรี่ไฟฟ้าในมือ ขอบตาแดงกํ่า เหงื่อผุดตามกรอบหน้าสภาพเสื้อท่อนบนปลดกระดุมลงมาสองสามเม็ด
“มึงคิดไรอยู่ว่ะ…”
“เรื่องเก่าๆที่ไม่น่าจดจำ”
“แล้วเมื่อกี้?”
“กูเองแหละ แม่งโครตโง่กับแค่ผู้หญิงหน้าตาซื่อๆดูไม่มีพิษภัยอะไร กลับทำให้กูกลายเป็นแบบนี้…”
