ตอนที่ 13 ไม่เคยคลั่งใคร
EP13
.
.
.
“หนูขออิสระแค่อย่างเดียว อย่าห้ามหนูที่จะสนิทกับใครเลยค่ะ การมาอยู่ในเมืองหลวงคนเดียว หนูควรมีใครสักคนที่สนิทไว้ไม่ใช่หรอคะ…”
“สนิทได้สิ อย่าสนิทบนเตียงก็พอ โอเค?”
“หนูไม่รู้ว่าคุณไปรู้ หรือกำลังคิดอะไร แต่อย่าทำอะไรหมอจาง เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ที่เขามาตีสนิทหนูเพราะหวังดีกับคุณ”
“หวังดี?”
“ค่ะ…”
“โอเค~” เขาพยักหน้าตอบแล้วปลดกระดุมเสื้อออกแบบส่งๆ เขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ จะเล่นงานหมอจางงั้นหรอ แต่ฉันยังไม่เคยเล่าเรื่องเขาให้หมอจางฟังเลยนะ ทั้งที่หมอจางหวังดีแท้ๆ ทำไมเขากลับคิดแต่อะไรเลวๆ แต่ถ้าหมอจางรู้ว่าเขาเคยทำอะไรมาบ้างคงอยากให้เขามารักษาตัวให้เร็วกว่าเดิม…
“ไหนลองอธิบายหน่อยสิ มันหวังดีอะไรกับฉันงั้นหรอ?”
“…”
“หรือเป็นเธอเอง ที่หาเหตุผลปกป้องมัน”
“หมอจางเขาสงสัยว่าทำไมคนปกติถึงทำร้ายร่างกายคนได้ถึงขนาดนี้ ถ้าไม่มีอาการป่วยทางจิต หมอจางอยากให้คุณไปรักษา รู้แบบนี้แล้วคุณยังจะคิดร้ายกับเขาอีกหรอ”
“…โรคจิต?” มือหนายกขึ้นปิดปากแล้วระเบิดออกมาอย่างชอบใจ เขาฟาดเสื้อเชิ้ตสีดำลงบนโซฟาอย่างแรงแล้วบิดขี้เกียจลิ้นหนาดันกระพุ้งแก้มด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท ยืนเท้าสะเอวมองหน้าฉัน “ถามจริงเถอะ…เชื่อหรอ ว่ามันอยากช่วยฉันจริงๆ มันเอาเหตุผลนั้นเข้าหาเธอต่างหาก อย่าโง่ให้มันมากเลยกระถิน”
“เพราะคุณเอาแต่เชื่อแบบนี้ไม่ยอมฟังใครยังไงละคะ แล้วพฤติกรรมที่คุณแสดงออกมาถึงจะบอกว่าไม่ใช่แต่มันก็ไม่ต่างหรอกค่ะ…”
“เธอนี้มัน…น่าเหลือเชื่อจริงๆ เลยนะ” ฝ่ามือร้อนเลื่อนมารั้งเอวเข้าไปหาตัวเอง จนปลายจมูกเราสัมผัสกัน สัมผัสวาบวามดั่งเปลวไฟที่หน้าขาค่อยๆ ลูบขึ้นมาจนถึงหน้าท้องแล้วหยุด สายตาช้อนมองฉัน “…กลับกลอกไปมา ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด”
“หนูเคยโกหกก็จริงว่าไม่เคยเล่าเรื่องคุณให้หมอจางฟัง แต่คุณก็ไม่ควรคิดจะทำอะไรกับหมอจางไม่ใช่หรอคะ…”
“ควรสิ ควรมากด้วย มันต้องอยู่ในที่ตัวเองสิ ไม่ใช่เสือกมายุ่งวุ่นวายกับที่ของฉัน…”
“เขามาวุ่นวายที่อะไรของคุณ…” ฉันใช้ฝ่ามือดันอกแกร่งเอาไว้ไม่ให้เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม สภาพร่างกายตอนนี้เริ่มล่อแหลมมากขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะสายตาของคนตรงหน้าที่มองมา มันซ่อนไปด้วยความอันตราย…
“คิดว่าฉันไม่รู้สินะ ว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มันมาหาเธอบ่อยขนาดไหน…”
“…”
“ฉันรู้ ฉันเห็นทุกอย่างกระถิน ฝากบอกมันด้วยอย่ามาหวังดีอะไรกับฉันให้มันมาก ไม่ต้องการ…”
-END-
ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
“เป็นไงบ้าง…หายเจ็บบ้างรึยังครับ” ร่างหนาในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตาเดินเข้ามาในห้องของกระถินพร้อมกับถุงกับข้าวมื้อเที่ยงที่ชายหนุ่มแวะซื้อมาฝาก…
“ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ แล้วนี่พยาบาลไม่ได้มาด้วยหรอคะ”
“หมอไม่ได้มาตรวจหรอกครับ แค่แวะมาทักทาย เบื่ออาหารโรงพยาบาลไหม หมอซื้ออาหารมาฝากด้วย”
“หนูกำลังคิดอยู่เลยว่ามื้อเที่ยงจะได้กินอะไร…”
“งั้นมาเริ่มทานเลยดีกว่าจะได้ทานยา” หมอจางพูดพร้อมกับถอดเสื้อกาวน์ไว้บนโซฟา ก่อนจะเดินหายเข้าไปในโซนครัวแล้วออกมาพร้อมกับข้าวผัดทะเลที่ส่งกลิ่นหอมลอยอบอวลไปทั่วบริเวณห้อง…
“ว่าแต่ทำไมคุณหมอถึงได้ว่างขนาดนี้ละคะ”
“หมอจิตเวชงานไม่ได้หนักเท่าคุณหมอแผนกอื่นๆ หน่ะครับ จะรักษาไปเรื่อยๆ ค่อนข้างละเอียดอ่อน ในแต่ละวันก็ซึมซับให้เขาทีละนิด บางทีก็แล้วแต่เคส…”
“อ่อ แบบนี้นี่เอง กินเลยนะคะ” กระถินพยักหน้าเข้าใจ เธอหยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักข้าวเข้าปากพอดีคำ ร่างหนาจึงเดินมาหย่อนตัวนั่งลงข้างกายแล้วรินนํ้าใส่แก้วไว้รอ สายตาจับจ้องมองเด็กสาวที่ใจจดใจจ่ออยู่กับการกิน…
“ตอนหมอเดินเข้ามา มีคนเฝ้าอยู่หน้าห้องหนูด้วย คนของผู้ชายคนนั้นหรอครับ”
“คงใช่มั้งค่ะ คนพวกนั้นคงถูกส่งให้มาเฝ้าหนู”
“แล้วแบบนี้หมอจะแวะเข้ามาเยี่ยมหนูได้หรอ”
“ได้สิคะ หนูมาอยู่ที่นี้ก็เหมือนโตคนเดียวการที่มีใครคอยมาเยี่ยมมันก็รู้สึกอุ่นใจเหมือนกัน…”
“งั้นหมอจะมาเยี่ยมหนูบ่อยๆ นะ” ใบหน้าหวานพยักหน้าตอบแล้วอมยิ้มออกมาทั้งที่ข้าวยังอัดอยู่เต็มกระพุ้งแก้ม ภาพตรงหน้าทำให้หมอจางอดเอ็นดูไม่ไหวยื่นมือไปลูบเรือนผมสลวยเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม ทำเอาเด็กสาวหยุดชะงักกับการกระทำของเขา…
“ขอโทษครับ…”
“หนูยังไม่ได้ว่าอะไรนิคะ แค่จะบอกว่าข้าวผัดอร่อยมาก~”
“อยากกินอะไรก็บอกหมอ เดี๋ยวจะซื้อมาให้กิน”
“คุณหมอรับดูแลแค่เคสหนูแทนคนเดียวหรอคะ ไม่ได้ไปดูแลคนอื่นด้วยหรอ…”
“เพื่อนหมอเขาแบ่งคนไข้ให้หมอทั่วแผนกแล้ว หมอเลยต้องมาช่วยนี้ไง แต่ละคนก็ได้ดูแลไม่กี่เคสอย่างเช่นหมอมีแค่เคสของหนูคนเดียว…” หมอจางอธิบายใหฟังอย่างละเอียด ที่นี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนด้วยคนไข้เลยไม่ค่อยเยอะนัก ทั้งสองนั่งอยู่ในห้องด้วยกันคุยอะไรไปเรี่อยเปื่อยจนกระถินกินข้าวหมดจาน หมอจางก็เดินเอาไปเก็บแล้วเดินกลับมาหากระถิน…
“เดี๋ยวไว้ออกจากโรงบาลเมื่อไหร่หนูจะชดใช้ให้ครบเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร หมอเต็มใจ”
“จะกลับแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ…” ชายหนุ่มตอบ ก่อนจะก้มหน้าเข้าไปหากระถิน สายตาเพ่งมองที่ริมฝีปากบาง ซึ่งมีเม็ดข้าวติดอยู่โดยที่เด็กสาวไม่รู้ตัวหมอจ้างกลั้วขำเล็กน้อย ปลายนิ้วโป้งแกร่งค่อยๆ ปาดเม็ดข้าวออกด้วยความอ่อนโยน… “มันเลอะ กินระวังหน่อยสิครับ โตแล้วนะ"
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นคนตัวโตก็หยิบเสื้อกาวน์ขึ้นมาพาดไว้บนท่อนแขน ปลายท้าวก้าวเดินออกไปจากห้องจนลับสายตาของคนที่นอนอยู่บนเตียง กระถินจึงทิ้งตัวนอนลงด้วยความรู้สึกดีที่มีคนคอยมาคุยเล่นและซื้อกับข้าวมาให้กินแบบนี้…
หลังจากวันนั้นหมอจางก็แวะเข้ามาคุยเล่นกับกระถินในช่วงเที่ยงของทุกวัน จนทั้งสองเริ่มสนิทกันมากขึ้น มักหยอกล้อกันนิดๆ หน่อยๆ ให้เกิดเสียงหัวเราะ ซึ่งภาพทุกอย่างถูกบันทึกจากการ์ดหน้าห้องส่งให้ใครบางคนดูอยู่ในสายตาตลอดเวลา…
ปัจจุบัน...
“ฉันรู้ตัวของฉันดี ว่าเป็นอะไร หรือไม่เป็นอะไร คนอื่นไม่ต้อง…” ชายหนุ่มพูดกรอกหูเด็กสาวราวกับข่มขู่ ก่อนจะเลื่อนท่อนแขนมารั้งเอวขอดขึ้นเหนือจากโต๊ะเดินมายังเตียงนอน เขาทุ่มร่างเล็กลงบนเตียงใบหน้าซุกเข้าที่หน้าท้องแบนราบ ฝ่ามือกดแขนเล็กเอาไว้…
“ค่ะ หนูจะบอกหมอจาง คุณรับปากหนูด้วยว่าจะไม่ทำอะไรเขา”
“ได้สิ…ขอมาขนาดนี้แล้ว”
“…คะ คุณ หมอบอกให้หนูพักก่อน” ดวงตากลมโตหลุบมองการกระทำของชายหนุ่มที่ไล่ปลายลิ้นร้อนตามหน้าท้องแบนราบ ทำเอาขนอ่อนทั่วร่างกายมันลุกชันขึ้นพร้อมกันแอบหวาดหวั่นกับการกระทำของคนตัวโต…
“อย่าขัดใจฉัน”
“คุณก็อย่าเอาแต่ใจสิ”
“…ฉันยอมไว้ชีวิตไอ้หมอนั้นมันก็บุญหัวเธอแล้ว ยังมาหวงตัวอีก?” เพิร์ธถอนหายใจออกมาจากปลายจมูกคมสันเมื่อถูกขัดใจ ปลายนิ้วแกร่งเกี่ยวกางเกงซับในรูดลงตามเรียวขาคู่สวย สายตาเพ่งมองสองกรีบที่ยังคงบวมเป่งอยู่นิดหน่อย ก่อนที่เขาจะดึงขึ้นไว้เหมือนเดิม… “เชี้ยไรว่ะ…”
“ถ้าคุณอยากมากก็ให้ผู้หญิงคนอื่นทำให้สิคะ คงจะมีเยอะ…”
“เธอกล้าดียังไงไล่ฉันไปหาคนอื่น?”
“ก็คุณมีอารมณ์…”
“แล้วถ้าฉันเอากับคนอื่นได้ จะรอเธอทำห่าไรตั้งหลายวันว่ะ?!” เขาตวาดออกมาเสียงดัง มือหนายกขึ้นสากผมหน้าขึ้นด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก สายตาคมกริบตวัดมองคนตัวเล็กบนเตียงที่นั่งกะพริบตาปริบๆ ประมวลผลคำพูดของเขา…
“ทำไมเอากับคนอื่นไม่ได้ละคะ…
“เธอต้องรับผิดชอบ”
“ให้หนูรับผิดชอบอะไร ตอบคำถามหนูมาก่อนสิ” กระถินยังคงรอเอาคำตอบหน้าตาย ทำเอาชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม เขาจัดการรูดซิปกางเกงแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี ร่างกายเปลือยเปล่าเดินย่างกรายเข้ามาหาเด็กสาว กระถินจึงขยับตัวไปชิดกับขอบเตียงอย่างอัตโนมัติ…
“อมควxให้ฉันไง ช่วงล่างใช้งานไม่ได้ งั้นก็ต้องใช้ช่วงบนแทน…”
“หนู…”
“เร็วดิ…มองทำไม อยากโดนจับเย็x?” เพิร์ธเร่งเร้าคนตัวเล็ก มือหนาจับแก่นกายใหญ่ที่พร้อมใช้งานถูหัวหยักเข้ากับพวงแก้มเนียนใสเอวสอบควงหมุนเบาๆ สายตาข่มขู่จ้องมองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีซับเลือด…
“อึก…” กระถินลอบกลืนนํ้าลงคออย่างยากลำบาก ก่อนที่ร่างกายจะถูกช้อนลงจากเตียงไปนั่งบนพื้นแทน เพิร์ธดันศีรษะทุยเข้าที่หว่างขาตัวเอง มือหนาออกแรงเคล้าคลึงเรือนผมสลวยให้รีบเร่งมือ…
ปลายลิ้นร้อนละเลงเลียตามลำขนาดใหญ่อย่างอ้อยอิ่ง กระถินมีท่าทีเงอะงะเธอหลับตาแน่นนึกภายในใจว่ามันคงไม่ต่างอะไรจากไอติม เพียงมีนํ้าเยอะกว่าแค่นั้นเอง…
“อมไปด้วยเลียไปด้วยอย่าให้โดนฟันก็พอ…อื้มส์”
“อึก…”
“ถ้าฉันบอกให้ยัดเข้าปากก็ทำตาม เข้าใจมั้ย…” มีเพียงความเงียบตอบกลับมา กระถินไล่ปลายลิ้นลงมาจนถึงสองก้อนกลมริมฝีปากบางขบเม้มเบาๆ ทั้งที่ยังหลับตาอยู่เธอหยอกล้อกับก้อนนุ่มนิ่มอย่างชอบใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำใครอีกคนให้คลั่ง…
“อ๊า~ ตรงนั้นเบาๆ กระถิน…”
“…”
“เธอแม่ง…” นํ้าเสียงแหบพร่าครวญครางออกมาพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างเหลืออด เด็กสาวทำให้เขาลืมผู้หญิงทุกคนที่เคยเอาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทุกทีมันต้องการแต่คนตรงหน้าเพียงคนเดียว มองหน้าใครก็มีใบหน้าจิ้มลิ้มของกระถินเข้ามาตลอด…
“อื้อ!” กระถินถูกช้อนใต้แขนขึ้นมานั่งบนตักทำให้ริมฝีปากหลุดจากแก่นกายใหญ่ ดวงตากลมโตลืมขึ้นมองใบหน้าคมคาย ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกกดจูบหนักหน่วงลงอีกครั้ง…
ชายหนุ่มดันแผ่นหลังเนียนเข้าหาร่างตนเอง มอบรสจูบดุเดือดให้จนพอใจก็ผละออก ไล่ลงมาที่ลำคอระหงขบเม้มความเป็นเจ้าของเอาไว้ทั่วทุกบริเวณแล้วมาหยุดที่ใบหู…
“ทำไมต้องเป็นเธอก็ไม่รู้ ที่ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้”
“…”
“กลายเป็นคนที่…คลั่งใครได้มากจนเสียสติ ไม่ควรเลย…”
.
.
.
พี่มันเริ่มคลั่งแล้วววว
เกียมใจไว้ให้ดี
Next...
“ผมจำเป็นต้องเล่าให้พี่ฟังด้วยหรอ?”
“เรามาทำความรู้จักกันไว้ดีกว่านะ บางทีเราอาจจะมีอะไรคล้ายๆกัน อย่างเช่นเป้าหมาย…”
“กำลังหว่านล้อมให้ผมร่วมมือด้วยงั้นสิ”
“ไม่อ่ะ เสียเวลาชอบพูดตรงๆ สนใจไหมล่ะ”
“พี่เล่าเรื่องของพี่มาก่อนดิ…” ล็อตเต้ไม่ได้หันมาสบตาฉัน เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากถุงกางเกงขาสั้นโทรมๆแล้วจุดสูบ สายตาเหม่อมองไปยังบนท้องถนนเหมือนมีอะไรให้คิดอยู่ในหัว
“ตกลงก่อนสิ ค่อยมาแลกเปลี่ยนกัน”
“ขอเวลาคิดหน่อยแล้วกัน ว่าควรเอาชีวิตไปเสี่ยงรึเปล่า” นายนั้นพูด แล้วหยิบหมึกดำออกมาจากที่เดิมปากยังคงคาบมวลบุหรี่ มือหนาจับแขนฉันขึ้นแล้วเขียนเบอร์โทรตัวเองลงไป “นี้เบอร์ผม ไว้เจอกันนะเจ๊…”
