ตอนที่ 12 สนิทจนเกินเหตุ
EP12
.
.
.
คำพูดร้ายกาจหลุดจากริมฝีปากหยัก ทำเอาคนฟังร่างกายขนลุก กระถินขยับตัวห่างออกมาเล็กน้อย สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายที่ฉายแววไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน…
“ลงจากเตียงด้วยค่ะ แล้วก็เลิกคิดอะไรสกปรกๆ ด้วย มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
“…แต่สายตาหมอนั้นมันบอกว่าต้องมีอะไรมากกว่านี้ คุยอะไรกันก่อนที่ฉันจะมางั้นหรอ?” ปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนขึ้นเป็นเชิงข่มขู่ ดวงตากลมโตจึงหันกลับไปมองด้วยท่าทางเลี่ยงไม่ได้
“เราก็แค่คุยกันเรื่องอาการ…”
“แล้วมันได้ถามรึเปล่าว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องนอนโรงบาล”
“เขาจะถามทำไมคะ เขาเป็นหมอมีหน้าที่แค่รักษานิ” สิ้นเสียงดวงตาคู่สวยก็หลุบตาลงมองเรียวนิ้วตัวเองที่สอดประสานเข้าหากัน เธอเลือกที่จะโกหก หากบอกความจริงออกไปว่าคุยเรื่องเขาก่อนหน้านี้จะทำให้เธอเองเสียผลประโยชน์…
“อย่างงั้นหรอ”
“ค่ะ”
“มันถามอะไรอีกไหม นอกจากอาการ?” ชายหนุ่มกัดริมฝีปากจ้องมองเอาคำตอบ ทำให้กระถินเกิดอาการประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย เธอจิกปลายเล็บลงบนกางเกงแน่น…
“มีแค่นี้แหละค่ะ ถ้าคุณรู้ทุกอย่างแล้วก็ช่วยลงไปด้วย”
“ยัง รู้แล้วใช่ไหมว่าพี่สาวเธอได้ของขวัญชิ้นพิเศษจากฉัน”
“ไหนบอกจะไม่ให้พี่เอมรู้เรื่องนี้ยังไงละคะ”
“แล้วถ้าฉันไม่บอก พี่เธอจะได้รับความเจ็บปวดหรอ เป้าหมายของฉันคือพี่เธอในเมื่อเล่นงานเป้าหมายไม่ได้ ก็เล่นงานที่ของรักมันแทน นี้คือสิ่งที่เธอควรรู้…” ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้คางมนเบาๆ แล้วเปลี่ยนเป็นออกแรงบดขยี้ในวินาทีต่อมา ใบหน้าหวานเบ้ด้วยความเจ็บ มือเรียวยกขึ้นพยายามปัดป้องความรุนแรงออก…
“ปล่อยหนู…”
“ฉันไม่ได้รักษาคำพูดกับเธอตั้งแต่แรกแล้ว กระถิน”
“…” แววตาเกลียดชังมองคนตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด เธอโดนหลอกให้หลงเชื่อว่ายอมชดใช้แทนชะเอมแล้วเขาจะจบ ทุกอย่างกลับไม่ใช่ ชายหนุ่มยังคงเอาคืนชะเอมด้วยวิธีของเขาเหมือนความตั้งใจตอนแรก…
“แค่คำพูด เธอไม่น่าโง่เชื่อฉันเลยนะ รีบหายก็แล้วกันจะได้ไปเล่นอะไรสนุกๆ ต่อ…” เพิร์ธทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ผละมือออกจากปลายคางมน ร่างหนากระโดดลงจากเตียง แล้วจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องพักฟื้นไป…
.
.
.
@ GK KUS (บริษัทนำเข้าสินค้า)
“ผมนึกว่านายจะเข้ามาที่บริษัทแล้วซะอีก ดีใจนะครับที่ยอมรับตำแหน่งสักที…” เชษเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนเมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าของร่างกายกำยำเดินเข้ามาในห้องของรองประธาน ซึ่งเขาเองได้รับตำแหน่งนี้โดยปฏิกิริยาและทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่ดำรงเสียชีวิต…
“ที่ฉันมา ไม่ได้แปลว่าจะรับตำแหน่ง เข้าใจใหม่ด้วยนะ”
“นายยังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกหรอครับ”
“แล้วมันยุติธรรมด้วยหรอ กับการที่ฉันควรลืม”
“คุณดำรงคงไม่อยากเห็นนายทำร้ายใคร…”
“นายไม่ใช่พ่อ อย่าคิดแทนสิ” ไม่ทันที่เชษจะได้พูดจบ เขาก็พูดตัดบทขึ้นมาอย่างนึกรำคาญ สายตายังคงเหม่อมองออกไปยังข้างนอกที่เป็นกระจกใส สามารถมองเห็นบรรยากาศมุมสูงถนัด ร่างกายเอนพิงกับผนังโซฟาหันหลังให้เชษที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก…
“แต่ถ้าตำรวจรู้ว่านายทำแบบนี้คงไม่ดีสักเท่าไหร่นะครับ”
“แล้วคิดว่าผู้หญิงที่ไม่มีอะไรจะกล้าบอกตำรวจงั้นหรอ นายอย่าลืมสิว่าฉันมีอะไรอยู่ในมือ…”
“…” เชษเงียบลมหายใจหนักๆ ถูกถอนออกมาจากปลายจมูก สายตามองแผ่นหลังกว้างเหนื่อยที่จะตักเตือน เพิร์ธที่ไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาล้วงถุงกางเกงหยิบบุหรี่ซองบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ แล้วพ้นควันลอยคละคลุ้งออกไปทั่วบริเวณ…
“ที่ฉันมาที่นี้ เพราะมีเรื่องให้นายจัดการ”
“เรื่องอะไรหรอครับ”
“ส่งคนไปยืนเฝ้าหน้าห้องยัยนั้นด้วย จัดการค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“ได้ครับ”
“ส่วนเรื่องรับตำแหน่ง ไว้ฉันสะสางทุกอย่างเสร็จจะพิจารณาดูก็แล้วกัน…” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นชายหนุ่มก็พลิกกายกลับมาพร้อมกับอัดควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินผ่านร่างของเชษเขาก็ยัดมันใส่มือของคนที่ยืนนิ่งแบบไม่ใส่ใจนัก…
“ฝากทิ้งด้วย”
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…
“ขออนุญาตตรวจนะครับ…” คุณหมอร่างท้วมสวมแว่นตาหนาเตอะพูดขึ้น แล้วตรวจอาการของกระถินอีกครั้งหลังจากที่พาเธอไปตรวจภายใน ที่ห้องตรวจมา
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ คุณหมอจางไปไหนหรอคะ…”
“หมอจางกลับแผนกแล้วครับ เพื่อนหมอเอง”
“อ่อค่ะ”
“มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หมอจางอยู่ตึกข้างๆ นี้เองไปหาเขาได้นะ”
“ปะ…เปล่าค่ะ” กระถินตอบเสียงติดขัด เธอเจอหมอจางครั้งล่าสุดเมื่อคืน ส่วนเรื่องที่ยังค้างคาใจอยู่เด็กสาวก็ใช้เวลานอนคิดมาตลอดว่าต้องพบหลิวจางอีกสักครั้ง ส่วนเพิร์ธตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาลก็ไม่เห็นเงาเขาอีกเลยก็นับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย…
“เสร็จแล้วครับ…เดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดแล้วออกไปรับยาก็กลับบ้านได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ”
“หมอขอตัวก่อนนะครับ”
“ชุดจากญาติค่ะคนไข้ ค่าใช้จ่ายญาติของคนไข้จัดการเรียบร้อยแล้วนะคะ…” พยาบาลวัยกลางคนเอ่ยแล้วยื่นถุงเสื้อผ้าให้กระถินด้วยรอยยิ้ม เธอจึงรับมาแล้วก้มหน้าขอบคุณ ไม่นานภายในห้องก็เหลือเธอเพียงคนเดียว ดวงตากลมมองออกไปด้านนอกก็เห็นการ์ดชุดดำสองคนยืนคุมอยู่ กระถินจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย…
“พวกนายกลับกันเลยก็ได้นะ เดี๋ยวฉันกลับเอง”
“ไม่ได้ พวกเราฟังคำสั่งจากนายคนเดียว”
“ทำแบบนี้ฉันรู้สึกไม่เป็นอิสระเลยนะ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก ถึงหนีก็หนีไม่พ้น ฉันจะหนีทำไม…”
“…” ไร้ถ้อยคำตอบกลับใดๆ กระถินมองหน้าการ์ดสองคนสลับกันด้วยท่าทีรู้สึกแปลกๆ การที่มีคนคอยยืมประกบข้างแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ ทุกการเคลื่อนไหวมีสายตาสองคู่จับจ้องมองตลอด…
“ไม่เบื่อบ้างเลยหรอ คอยตามฉันอยู่ได้…”
“อย่าพูดมากเลย รีบไปคนรถ” การ์ดส่งสายตาข่มขู่เด็กสาวกระถินจึงรีบสับขากึ่งเดินกึ่งวิ่ง กลัวจะโดนตวาดลั่นโรงพยาบาล ผ่านไปไม่นานก็มาหยุดตรงทางเข้า ร่างกายแน่นิ่งอัตโนมัติเมื่อเจอเข้ากับใครบางคนพอดี…
“หมอจาง…”
“อ้าว…กระถิน” หลิวจางมองสองคนข้างกายคนตัวเล็กอย่างไม่เข้าใจนัก พอเห็นสายตาของกระถินก็เดาเหตุการณ์ออกว่าเธอรู้สึกอึดอัดที่มีคนคอยเฝ้า…
“ขึ้นรถ…นายรอเธออยู่”
“หนู กลับก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวครับ…”
“คะ?”
“หมอกำลังจะแวะเข้าไปเยี่ยมพอดี เห็นบ่นอยากกิน” มือหนาชูถุงเต้าหู้ขึ้นแล้วยื่นไปตรงหน้ากระถิน เมื่อคืนเธอเผลอบ่นให้เขาฟัง วันถัดมาชายหนุ่มเลยซื้อมาให้แบบที่เธอไม่ได้เอ่ยปากขอ…
“ขอบคุณค่ะ…”
“…” หลิวจางฉีกยิ้มให้เธอแล้วเดินผ่านพร้อมกับยัดอะไรบางอย่างใส่มือเด็กสาว กระถินงุนงงเล็กน้อยแต่ก็รับมันเอาไว้แล้วบีบแน่น เธอมองตามแผ่นหลังกว้างเพียงครู่เดียวสายตาจึงละมองไปที่รถตู้ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลนัก…
-กระถิน-
“ลงมา”
"ทำไมมาส่งหนูที่นี้ละคะ…”
“บอกให้ลงมาก็อย่าถามมาก” ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทางหงุดหงิดเขากำลังเปิดประตูอ้าออกรอให้ฉันลงไป ฉันจึงเดินลงมาอย่างว่าง่าย พวกเขาควรไปส่งฉันที่บ้านติดป่าหลังนั้นไม่ใช่หรอ ไม่ใช่คอนโดสุดหรูนี้สิ…
ติ้ง~
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
“เข้ามา”
“…” นั้นมันเสียงของเขานิ…
“เข้าไป” ไม่ทันที่ฉันจะได้นึกอะไรต่อ ร่างกายก็ถูกผลักเข้ามาในห้อง ตามด้วยประตูห้องที่ปิดลง พอได้เข้ามาอยู่ข้างในฉันก็กวาดสายตามองบริเวณภายในไปทั่วจนหยุดที่ร่างหนา เขากำลังกระดกเบียร์เข้าปากอยู่…
“จะยืนทำหน้าโง่ๆ แบบนั้นอีกนานไหม?”
“คุณให้คนมาส่งหนูที่นี้ทำไมคะ”
“แล้วคิดว่าฉันมีเหตุผลอะไรล่ะ”
เคล้ง!
หมับ!
“คุณ?” ร่างหนาพุ่งเข้ามาหาฉันแล้วดึงร่างกายเข้าไปกดจูบหนักๆ แรงจากคนตัวโตทำให้ปลายท้าวลอยเหนือพื้น ร่างกายถูกกอดรัดแน่นจนฉันต้องเกาะลำคอใหญ่เอาไว้ เปลือกตาปิดลงแบบไม่ทันตั้งตัว…
“อื้อ!” ลิ้นสากสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก สัมผัสจากกลิ่นบุหรี่อ่อนเจือปนกลิ่นเบียร์ทำให้ฉันเผลออ้าปากรับความป่าเถื่อน ริมฝีปากร้อนดูดเม้มราวกับกระหายมันนักหนา…
“อึก…” ดวงตาลืมขึ้นด้วยอาการตกใจ เมื่อร่างกายถูกอุ้มมานั่งบนเก้าอี้ เอวสอบแทรกเข้ามาอยู่ระหว่างเรียวขา เขายังคงมอบความรุนแรงให้โพรงปากฉันไม่หยุด มือหนาเลื่อนเข้าใต้ชายเสื้อลูบไล้ตามแผ่นหลัง…
เขาลุกลานร่างกายฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันจึงเลื่อนกำปั้นลงมายังอกแกร่งแล้วออกแรงทุบเบาๆ เป็นสัญญาณให้เขาหยุด ร่างกายเอนตามแรงของคนตัวโตที่กำลังกดจูบ…
“…” ในวินาทีต่อมา ใบหน้าหล่อก็ยอมผละออกเล็กน้อย ลมหายใจทั้งหมดจึงถูกสูดเข้าปอดเฮือกใหญ่ ริมฝีปากฉันถูกเคลือบด้วยนํ้าลายเขา
“คุณ…เป็นอะไร อื้อ!” ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถามต่อ คนตรงหน้าก็พุ่งเข้าหาฉันอีกครั้ง ฝ่ามือหนาเลื่อนมาอังศีรษะแล้วกดลงรับเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามา ฉันได้แต่บีบคอเสื้อเขาเอาไว้แน่นๆ ไม่ให้ร่างกายถลาล้มลงบนโต๊ะ…
“อื้อ!?” นํ้าเสียงครางประท้วงออกไปให้เขาหยุด ร่างกายดิ้นต่อต้าน แต่ดูเหมือนว่ายิ่งห้าม คนตรงหน้าก็ยิ่งเข้าหาฉันไม่หยุด ฝ่ามือร้อนยังคงลูบตามแผ่นหลังวนอยู่แบบนั้น ผ่านไปเกือบนาทีริมฝีปากก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ…
“ทำไมมาถึงช้า?”
“…” ทันใดที่เป็นอิสระคำถามก็ถูกยิงเข้ามาทันที…
“รถติดค่ะ ตกลงคุณให้คนพาหนูมาที่นี้ทำไม”
“ไม่ใช่เพราะไอ้เจ้าของนํ้าเต้าหู้ถุงนี้เองหรอ? ” มือหนาดึงถุงนํ้าเต้าหู้ออกจากมือฉันแล้วชูขึ้นหมุนดูอย่างพิจารณา แล้วเขารู้ได้ยังไงกันว่าฉันบังเอิญเจอหมอจางก่อนจะขึ้นรถ…
"เราแค่บังเอิญเจอกัน”
“คนของฉันบอกมันมาเฝ้าเธอทุกคืนเลยนิ พึ่งรู้ว่าหมอเขาว่างกันขนาดนั้น”
“คุณกำลังจะพูดอะไรกันแน่คะ…”
“คิดว่าฉันไม่รู้หรอ ว่าเธอคิดจะทำอะไร” เขากลั้วขำออกมา แล้วโยนถุงนํ้าเต้าหู้ทิ้งถังขยะอย่างไม่ไยดี เขากำลังจะสื่ออะไรกันแน่นะ รู้แล้วงั้นหรอว่าฉันกำลังจะขอให้หมอจางช่วยเรื่องนี้ ผู้ชายโรคจิตนี้มันฉลาดแบบนี้นี่เอง…
“พูดออกมาเถอะค่ะ คุณรู้อะไรกันแน่”
“คิดเอาแล้วกัน…”
“…” พูดจบมือหนาก็ยื่นมาตกแก้มฉันเบาๆ …
“…สนิทกันมากๆ ระวังจะกลายเป็นศพไม่รู้ตัว ช่วยไม่ได้นะ”
.
.
.
กลัวแทนน้องไปแล้วนะตอนนี้...
Next....
“หนูเคยโกหกก็จริงว่าไม่เคยเล่าเรื่องคุณให้หมอจางฟัง แต่คุณก็ไม่ควรคิดจะทำอะไรกับหมอจางไม่ใช่หรอคะ…”
“ควรสิ ควรมากด้วย มันต้องอยู่ในที่ตัวเองสิ ไม่ใช่เสือกมายุ่งวุ่นวายกับที่ของฉัน…”
“เขามาวุ่นวายที่อะไรของคุณ…” ฉันใช้ฝ่ามือดันอกแกร่งเอาไว้ไม่ให้เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม สภาพร่างกายตอนนี้เริ่มล่อแหลมมากขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะสายตาของคนตรงหน้าที่มองมา มันซ่อนไปด้วยความอันตราย…
“คิดว่าฉันไม่รู้สินะ ว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา มันมาหาเธอบ่อยขนาดไหน…”
“…”
“ฉันรู้ ฉันเห็นทุกอย่างกระถิน ฝากบอกมันด้วยอย่ามาหวังดีอะไรกับฉันให้มันมาก ไม่ต้องการ…”
