ตอนที่ 11 อาการสาหัส
EP11
.
.
.
เชียงใหม่…
Line!!!…
“ชะเอม เสียงโทรศัพท์ดังลูก”
“กระถินไลน์มาหรอคะ”
“ยายก็ไม่รู้ หนูมาดูเองเถอะ” ชะเอมวางผ้าพันคอในมือลง แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ เธอเดินออกไปยังนอกบ้านที่ผู้เป็นยายกำลังเก็บของอยู่ มือเรียวเล็กอย่างคนไร้เรี่ยวแรงหยิบขึ้นแล้วเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมา…
XXX : ส่งวิดิโอ
ชะเอมกดเข้าไปดูคลิปที่ถูกส่งมาพร้อมกับเดินกลับเข้ามาในห้อง ดวงตาสั่นระริกมองไปยังวิดีโอที่กำลังฉายบนหน้าจอ เป็นคลิปของน้องสาวสุดที่รักกำลังถูกทารุณอย่างโหดเหี้ยม
“กระถิน…” มือบางยกขึ้นปิดหน้าแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ไม่มีใครได้รับรู้ว่าสีหน้าที่กำลังแสดงออกตอนนี้เป็นแบบไหน พลันนํ้าตาก็ไหลออกจากหางตา…
-กระถิน-
แรงจากการเคลื่อนไหวที่หลังมือทำให้ฉันรู้สึกตัวขึ้น ดวงตากวาดมองบริเวณรอบๆก็พบว่าร่างของตัวเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล มีคุณหมอคอยเขียนอาการลงในสมุดและพยาบาลกำลังเปลี่ยนสายนํ้าเกลือให้…
“เป็นยังไงบ้างครับ ยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่า”
“…” ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะกำลังงๆกับเหตุการณ์ตอนนี้อยู่ เท่าที่จำได้ฉันหมดสติอยู่ในห้องบ้าๆนั้น หรือว่าเขาจะเป็นคนพาฉันมาส่ง ทั้งที่เป็นฝ่ายทำร้ายฉันเองนี้นะ?
“คนไข้พอจะจำเหตุการณ์ได้มั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เอ่อ…อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ”
“คุณพยาบาลช่วยออกไปก่อนนะครับ ผมขอคุยกับคนไข้เป็นการส่วนตัว”
“ค่ะ คุณหมอ” พยาบาลวัยกลางคนหน้าตาสะอาดสะอ้านพยักหน้าตอบแล้วเธอก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับอุปกรณ์เปลี่ยนนํ้าเกลือ ทำให้ภายในห้องเหลือเพียงแค่เราสองคน ฉันจึงได้แต่หลุบตาหนีเพราะไม่รู้จะตอบยังไง…
“หมอคิดว่าไม่น่าจะใช่อุบัติเหตุนะครับ แผลตามเนื้อตัวของคนไข้เป็นรอยที่ถูกจี้จากก้นบุหรี่ ตรงอวัยเพศฉีกขาด หมอขอโทษนะครับที่ต้องพูดออกมาแบบนี้ หมอแค่อยากรู้ว่าเจ้าของการกระทำเขาคือใคร…” คำพูดของคุณหมอ ทำให้ฉันรู้สึกอับอายมากกว่าเดิม แสดงว่าฉันหมดสติจนไม่รับรู้อะไรแม้กระทั่งตอนที่คุณหมอตรวจ…
“หนู บอกไม่ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ พอดีหมอไม่ใช่คุณหมอเฉพาะด้านนี้แต่เป็นคุณหมอจิตเวชที่ดูแลผู้ป่วยจิต การที่คนเราจะทารุณใครได้ถึงขนาดนี้โดยที่ไม่รู้สึกอะไร อาจจะมีอาการทางจิตชนิดใดชนิดหนึ่ง ยกเว้นซะแต่จะมีปัญหาส่วนตัวกันและจงใจทำแบบนี้กับคนไข้เพียงคนเดียว…”
“อาการทางจิตหรอคะ?”
“ใช่ครับ คุณไข้พอจะให้ข้อมูลหมอได้มั้ยเผื่อจะได้พาเขามารักษา”
“หนูไม่มั่นใจว่าเขาใช่หรือเปล่า เรามีปัญหากันค่ะ”
“แล้วทำไมต้องปล่อยให้เขาทำร้ายขนาดนั้นด้วยล่ะครับ” คุณหมอพูดด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยนแล้วเดินไปวางสมุดเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินมาหยุดที่ข้างกาย แล้วกดปุ่มเอนเตียงขึ้นให้ฉัน หน้าตาคุณหมอจะออกทางจีนหน่อยๆ เขาสวมแมสทำให้เห็นเพียงดวงตาเจ้าเสน่ห์คู่นั้น…
“หนูมีเหตุผลค่ะ”
“บอกหมอได้มั้ย หมออยากช่วยคนไข้นะครับ โดนทารุณแบบนี้บ่อยๆถ้าคนไข้ทำพลาดโดนเส้นประสาทหรือเส้นเลือดสำคัญอาจจะพลาดถึงชีวิตได้เลย…”
“ขอบคุณนะคะที่อยากช่วย แต่หนูไม่อยากให้คุณหมอมาเสี่ยงด้วย” ฉันตอบออกไปแบบนั้นร่างหนาจึงเลื่อนเก้าอี้มาแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้างกาย ปลายนิ้วโป้งขาวเนียนลูบลอยแผลจากก้นบุหรี่ที่ถูกจี้เบาๆสายตามองด้วยความรู้สึกเห็นใจ…
“หมอชื่อหลิวจางนะ เรียกหมอจางเฉยๆก็ได้…คนไข้ชื่ออะไรหรอครับ?”
“กระถินค่ะ หมอจางไม่ใช่เจ้าของคนไข้หนูหรอคะ”
“เปล่าครับ แค่ถนัดหลายทางส่วนหมอเจ้าของคนไข้ของหนู เขาไปผักผ่อนที่ต่างประเทศอีกหนึ่งสัปดาห์กว่าจะกลับมา หมอเลยต้องดูแลหนูก่อน…”
“อ่อค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบเบาๆ เขาคงเป็นคนรู้จักกับหมอที่เป็นเจ้าของคนไข้ฉัน แต่พอจ้องมองเข้าไปที่สายตาของคุณหมอ ดูเหมือนว่าเขาเต็มใจอยากช่วยฉันจริงๆ คงเป็นหน้าที่ของหมอทุกคนที่อยากดูแลผู้ป่วยให้หายเป็นปกติและเขาก็คงเป็นหนึ่งในนั้น…
“หมอต้องไปแล้ว เดี๋ยวแวะมาตรวจใหม่นะครับ”
“…”
“ส่วนนี้นามบัตรของหมอ พร้อมอยากให้หมอช่วยเมื่อไหร่ก็ทักมาได้ตลอดนะ…”
“ขอบคุณค่ะ” คุณหมอหยิบนามบัตรออกมาจากเสื้อกาวน์ฉันจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปรับไว้ บางทีฉันอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคนให้ได้ และคุณหมอคนนี้แหละเขาอาจจะช่วยฉันได้…
ครืด… ครืด…
‘พี่เอม’
ในขณะที่ฉันกำลังจะเอนตัวลงนอนพี่เอมก็ต่อสายมาหาพอดี ฉันจึงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดรับสาย พร้อมกับกรอกเสียงลงไป ป่านนี้พี่เอมกับยายจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้…
“ว่าไงคะ พี่เอม”
( กระถิน…ทำไมไม่บอกพี่ )
“บอกอะไรคะ…” นํ้าเสียงพี่เอมดูผิดหวังและเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ฉันเองก็รู้สึกผิดแต่ยังไงฉันก็ไม่ยอมปล่อยให้พี่เอมมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้หรอก…
( เรื่องที่กระถินถูกผู้ชายคนนั้นจับตัวไป พี่รู้แล้วนะ… )
“พี่เอมรู้ได้ยังไง ใครบอกพี่เอมหรอคะ”
( เขาบอกพี่เอง กลับมาเถอะกระถิน อย่าทำแบบนี้เลยนะ พี่เป็นห่วง )
“หนูไหวค่ะพี่เอม หนูโอเคจริงๆ ใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะนะคะ”
( พี่รู้ว่าเธอเองก็ทรมาน ไม่ต้องทำเพื่อพี่ขนาดนั้นก็ได้นะกระถิน ถ้ายายรู้ขึ้นมา… )
“อย่าบอกยายนะคะพี่เอม หนูสัญญาหนูจะรีบทำทุกอย่างให้พี่เอมรอด แล้วรีบกลับไป…”
ปัง! ปัง! ปัง!…
“แค่นี้ก่อนนะคะ…”
ตี้ด!…
“จะทำอะไรให้พี่รอด ตัวเองยังไม่มีปัญญาเลย” นํ้าเสียงเย้ยหยันพูดขึ้น ฉันจึงหันกลับไปมองแล้วบีบโทรศัพท์แน่น สิ่งที่โดนเมื่อคืนทำให้ฉันไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขา แค่หายใจยังไม่อยากใช้อากาศร่วมด้วย…
“คุณมาทำไมคะ”
“แค่มาดูว่าตายรึยัง”
“ถ้าอยากให้หนูตาย แล้วพาหนูมาส่งโรงพยาบาลทำไมคะ?”
“ยังชดใช้ไม่พอไง คิดว่าที่ฉันพามาส่งเพราะพิศวาสเธองั้นหรอ”
“…” คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าหันขวับกลับไปมองอย่างอัตโนมัติ ยังไม่ได้พูดเลยสักคำคิดเองเออเองทั้งนั้น เราสองคนจ้องหน้ากันสักพักฉันก็ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาไม่อยากมองใบหน้ายียวนกวนประสาทที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับสิ่งที่ตัวเองทำ…
“ลุกขึ้นแล้วไปเปลี่ยนชุด เธอต้องกลับบ้านวันนี้”
“คุณหมอยังไม่ได้บอกว่าให้กลับนิคะ ทำไมหนูต้องกลับด้วย?”
“จ่ายเงิน รับยาเสร็จก็กลับดิ จะอยู่ทำไมนานนักหนา”
“คุณถามพยาบาลแล้วหรอคะ…”
“เออ ไปเปลี่ยนชุด” ฉันจิกมือลงบนผ้าปูที่นอนแน่น ไม่อยากกลับไปตอนนี้ ภาพเมื่อเช้ายังสอดแทรกเข้ามาในหัวไม่หยุด เขาเหมือนถูกปีศาจความแค้นเข้าครอบงำยังไงยังงั้น…
“หนู…เจ็บแผลอยู่”
“ฉันสั่งให้กลับก็ต้องกลับ ไม่เข้าใจ?”
หมับ!…
“คุณ!”
แกร๊ก!…
“ญาติช่วยใจเย็นๆก่อนนะครับ คนไข้ยังกลับบ้านวันนี้ไม่ได้ อย่างน้อยๆต้องพักดูอาการเป็นระยะหนึ่งสัปดาห์…” คนใจร้ายคว้าข้อมือฉันขึ้นจะถอดสายน้ำเกลือออกอย่างเดียว โชคดีที่คุณหมอจางเข้ามาเจอซะก่อน เขาเดินเข้ามาแล้วแตะลงที่ไหล่หนาเพื่อเรียกสติ ใบหน้าไม่สบอารมณ์จึงหันกลับไปมองอย่างไม่ชอบใจนัก…
“ทำไมต้องอยู่นานขนาดนั้นด้วย?”
“อวัยเพศฉีกขาดรุนแรง ขยับตัวมากไม่ได้ต้องอยู่ในความดูแลจากหมออย่างใกล้ชิด กรุณาให้ความร่วมมือด้วยนะครับ…”
“…ฉันจะย้ายยัยนี้ไปที่อื่น คุณก็ช่วยเข้าใจด้วยนะ”
“หมอพึ่งบอกไปเมื่อกี้เองนะครับ เคลื่อนตัวแรงไม่ได้ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นี้ก่อน ไว้อาการดีขึ้นสักระยะค่อยย้ายดีกว่านะครับ”
“…” สายตาคมกริบไล่มองคุณหมอจางตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วกระตุกยิ้มปาก ก่อนจะเบือนสายตากลับมามองฉัน ที่กำลังคาดหวังว่าคุณหมอว่าจะช่วยได้สลับกัน ในวินาทีต่อมามือหนาก็ยอมคลายข้อมือฉันลง…
“ช่วยหลีกทางให้หมอด้วยนะครับจะติดแผลใหม่”
“โอเค” ใบหน้าหล่อพยักตอบเบาๆแล้วเม้มปากแน่น ร่างหนาเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาไม่ไกลจากกันนักอย่างส่งๆ สายตาเพ่งมองมาที่เราสองคน…
“หมอจางกลับเข้ามาอีกทำไมคะ…”
“หมอลืมของหน่ะ เลยแวะกลับมาเอา”
“อ่อค่ะ”
“มีอะไรให้หมอช่วยก็กดกริ่งเรียกได้ตลอดเลยนะ ช่วงนี้เคสว่างๆ” คุณหมอส่งรอยยิ้มให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเยอะกว่าเดิม อย่างน้อยๆถ้าถูกคนป่าเถื่อนคิดจะทำร้ายจะได้กดกริ่งเรียกคุณหมอได้…
“ค่ะ”
“เสร็จแล้วครับ หนูเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า”
“ไม่เจ็บค่ะ”
“งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ” ฉันฉีกยิ้มให้คุณหมอ แล้วมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดิมไปหยิบสมุดขึ้นมา เขาลืมไว้ก่อนจะเดินออกไปคงนึกไว้แล้วกลับมาเอา นับว่าเป็นโชคดีของฉันไม่น้อยที่ไม่ถูกลากกลับบ้านวันนี้…
“ญาติครับ ทางโรงพยาบาลไม่ให้เคี้ยวหมากฝรั่งนะครับ กรุณาทิ้งด้วย…”
ถุ้ย!…
“ทิ้งแล้ว พอใจยัง?” เขาคายหมากฝรั่งทิ้งไปที่ปลายรองเท้าของหมอจางราวกับจะหาเรื่อง คุณหมอก้มมองของเหลวสีขาวที่ติดบนรองเท้าหนังมันวาวแล้วส่ายหัวเอือมระอาก่อนจะเดินออกไปจากห้องไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป เห็นแบบนั้นฉันจึงนอนหันหลังให้เขาแทนแล้วหลับตาลง…
“แบบนี้เองหรอ ถึงอยากอยู่โรงพยาบาลนักหนา”
“…”
“สนิทสนมกันเร็วจริง ขัดหูขัดตาไปหมด” เขาพูดจาประชดประชันแล้วเดินมาทิ้งตัวเบียดฉันบนเตียง ตัวโน้มลงมากระซิบพูดใกล้ๆจนฉันต้องขยับตัวหนี… “อยากเล่นหนังสดที่โรงพยาบาลมั้ย ไอ้หมอนั้นคงอยากดูนะ…”
.
.
.
Next ....
“มีแค่นี้แหละค่ะ ถ้าคุณรู้ทุกอย่างแล้วก็ช่วยลงไปด้วย”
“ยัง รู้แล้วใช่ไหมว่าพี่สาวเธอได้ของขวัญชิ้นพิเศษจากฉัน”
“ไหนบอกจะไม่ให้พี่เอมรู้เรื่องนี้ยังไงละคะ”
“แล้วถ้าฉันไม่บอก พี่เธอจะได้รับความเจ็บปวดหรอ เป้าหมายของฉันคือพี่เธอในเมื่อเล่นงานเป้าหมายไม่ได้ ก็เล่นงานที่ของรักมันแทน นี้คือสิ่งที่เธอควรรู้…” ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้คางมนเบาๆ แล้วเปลี่ยนเป็นออกแรงบดขยี้ในวินาทีต่อมา ใบหน้าหวานเบ้ด้วยความเจ็บ มือเรียวยกขึ้นพยายามปัดป้องความรุนแรงออก…
“ปล่อยหนู…”
“ฉันไม่ได้รักษาคำพูดกับเธอตั้งแต่แรกแล้ว กระถิน”
