Chapter 2 เก็บอาการไม่เก่ง
สวบ~
"ลิฟต์เสียเหรอเนี่ย?"
ฉันหยุดยืนอยู่ที่หน้าลิฟต์พลางพึมพำเมื่ออ่านป้ายที่แปะอยู่ตรงประตูลิฟต์ บอกว่าลิฟต์เสียกำลังซ่อมแซม
ควับ~
ฉันหันกลับไปเพื่อจะเดินไปทางบันได ลิฟต์เสียแบบนี้ก็คงต้องเดินลงบันไดแล้วล่ะ
ตอนนี้เลิกงานแล้วฉันเปลี่ยนชุดมาใส่ชุดเดิมของตัวเองซึ่งเป็นเสื้อเอวลอยสายเดี่ยวสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีขาวและสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวสียีนส์แล้วแยกกับพี่รินทันทีเพราะพี่รินต้องไปรับลูกสาวที่โรงเรียน พวกทีมงานก็กำลังพากันกลับ ตอนแรกฉันก็จะกลับแต่มาคิดได้อีกที ยังไม่กลับดีกว่า...
ฉันยืนหลบมุมอยู่แถวๆนั้น เห็นคนหลายคนทยอยกันเดินลงบันไดเพราะลิฟต์เสียนั่นแหละ ฉันหยิบโทรศัพท์มากดเล่นไปพลางๆจนได้ยินเสียงของใครบางคนจึงหันไปมอง
"กลับก่อนนะพี่"
"เออ ขอบใจมากไอ้น้อง"
ฉันเห็นตากล้องคนนั้นกับคนที่น่าจะเป็นรุ่นพี่เขาที่ทำงานนี้เหมือนกัน
"ไว้จะเลี้ยงแบบจัดหนัก แต่ตอนนี้ขอเข้าไปเคลียร์อะไรอีกนิดหน่อยก่อน เอ้อ ลิฟต์เสียนะมึง ต้องลงบันได"
"อืม ไม่เป็นไร สบายมาก"
"โอเคๆ งั้นกูไปก่อน"
แล้วรุ่นพี่ของเขาก็โบกมือลาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องสตูดิโออีกครั้ง ฉันเห็นตากล้องคนนั้นหันหลังกลับแล้วเดินไปทางบันไดจึงได้เดินออกมาจากมุม
ตึก ตึก ตึก~
ฉันเดินเข้าไปตามหลังเขา แสร้งทำเป็นเพิ่งเดินมาถึงและต้องลงบันไดไปเหมือนกัน
"..."
เขาเหลือบมองฉันที่เดินมาที่บันได ฉันก็เงยหน้ามองเขาก่อนจะผูกมิตรด้วยการยิ้มให้
เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มให้ฉันนิดหน่อยตามมารยาทก่อนจะเดินลงบันไดไป ฉันก็เดินตามหลังเขาไปหนึ่งขั้น มองแผ่นหลังของเขาในระยะใกล้
กึก~
พรึ่บ~
"อ๊ะ"
ฉันอุทานออกมาพลางทรุดลงนั่งบนขั้นบันไดซึ่งเป็นผลให้เขาหยุดเดินพลางหันกลับมาหาฉัน
"โอ้ย!"
ฉันก้มลงบีบข้อเท้าตัวเองพลางร้องออกมาด้วยความเจ็บ จนเขาที่หยุดยืนมองอยู่ต้องถามขึ้นตามมารยาทอีกครั้ง
"เอ่อ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"
"อ๋อ พอดีข้าวขาพลิกนะค่ะ"
ฉันเงยหน้าไปตอบเขา
"เกือบตกบันไดแล้วดีนะมือเหนียวเกาะราวบันไดไว้ก่อน แหะๆ"
ฉันหัวเราะแหะพลางก้มลงมองสำรวจข้อเท้าตัวเอง
"อ่า ลุกไหวมั้ยครับ?"
เขาถามฉัน ฉันเงยหน้ามองเขาก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักและดึงตัวเองให้ลุกขึ้นโดยการดึงราวบันไดไว้
"โอ้ย!"
พรึ่บ~
แต่ก็ทรุดกลับลงมานั่งที่เดิม
"แย่จังเลย ลิฟต์ก็เสียดันมาขาพลิกอีก"
ฉันบ่นอุบพลางทำท่าทางงอแงออกมาเล็กๆ ได้ยินเสียงลอบถอนหายใจก่อนที่จะมีมือหนายื่นมาตรงหน้า เขาคงคิดอยากจะปล่อยฉันไว้ตรงนี้แต่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้สินะ
"ผมช่วยครับ"
หมับ~
ฉันยื่นมือไปจับมือเขาไว้พลางลุกขึ้นยืนอีกครั้งโดยมีเขาช่วยพยุงไว้ จนสุดท้ายก็ลุกยืนได้สำเร็จ
"ขอบคุณนะคะพี่..."
ฉันยิ้มให้เขา
"พี่เหนือ...ใช่มั้ยคะ"
กึก~
เขาชะงักไปนิดหน่อยที่ฉันเรียกชื่อเขา ก็แหม ฉันอยากรู้ชื่อเขานิ ก็ต้องสนใจเขาหน่อยสิ
"พอดีว่าข้าวได้ยินพี่โจเรียกพี่น่ะค่ะ"
"อ้อ ครับ"
เขาพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหันหน้าหนีฉัน
"เดินไหวนะครับ"
"ก็...น่าจะไหวค่ะ"
"อ่า งั้นเราลงไปกัน เดี๋ยวผมช่วยพยุงลงไปล่ะกัน"
"ใจดีจัง^^"
รอยยิ้มโลกสดใสแบบนี้ฉันไม่ค่อยยิ้มให้ใครน่ะ เขาน่าจะดีใจที่ฉันยิ้มให้เขาเห็นน่ะ
สวบ~
จากนั้นเราสองคนก็เดินลงบันไดไปพร้อมกัน ฉันเดินกระเพลกขาโดยมีเขาช่วยพยุงไปด้วย ดีที่วันนี้ฉันไม่ได้ใส่ส้นสูงแต่ใส่แค่รองเท้าหุ้มส้นเพราะฉันรู้สึกเมื่อยเท้าเวลาใส่ส้นสูงบ่อยๆก็เลยอยากจะใส่แบบสบายๆบ้างมันเลยดูสมเหตุสมผลถ้าข้อเท้าจะเจ็บแล้วเดินแบบนี้ คิดดูสิ ถ้าฉันใส่ส้นสูงแล้วขาเจ็บก็ต้องถอดรองเท้าเดินแหละถึงจะดูจริง
จากนั้นเราสองคนก็เงียบ ไม่มีเสียงอะไรออกจากปากเรา เงียบจนได้ยินเสียงรองเท้าย่ำกับพื้นบันไดเลยอ่ะ
ดูเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิงเท่าไหร่ คงไม่ใช่เกย์จริงๆหรอกนะ
"พี่เป็นช่างภาพอิสระเหรอคะ"
ในที่สุดฉันก็เป็นฝ่ายเริ่มชวนคุย
"ไม่ครับ แค่มือสมัครเล่น"
"จริงเหรอคะ แต่พี่เหนือถ่ายรูปสวยมากเลยนะคะ"
"อ่า ขอบคุณครับ"
พอฉันยิ้มให้เขาก็เกาต้นคอตัวเองก่อนจะพยักหน้ารับคำชมแล้วเดินต่อ
"ข้าวเองก็เป็นนางแบบมือสมัครเล่นเหมือนกันค่ะ บางทีก็ยังไม่เก่งเท่าไหร่เลย พี่ถ่ายรูปข้าวยากมั้ยคะ"
"อ่า ก็ไม่นะครับ น้องเอง...ก็เก่งนะ"
"แหม พี่เข้าใจพูดปลอบน๊า"
"ฮ่ะๆ"
โอ๊ะ เขาหัวเราะออกมา มีเขี้ยวด้วยแหละ แต่ถ้าเขาจะหัวเราะจากใจจริงมากกว่านี้ เขาก็คงดูสดใสทีเดียวเลยแหละ
"แต่ถ้าข้าวเทียบกับพี่จีน่า..."
กึก~
หืม? ถึงกับหยุดชะงักเลยเหรอ แค่พูดชื่อเองนะ
"นางแบบอีกคนน่ะคะ ที่สวยๆ สูงๆ หุ่นดีแล้วก็ดูอินเตอร์ คนนั้นน่ะมืออาชีพแล้ว ถ่ายยังไงก็สวยใช่มั้ยคะ?"
ฉันเอียงคอถามพลางพูดต่อพร้อมกับลอบสังเกตุท่าทีของเขาไปด้วย
เก็บอาการไม่เก่งเท่าไหร่...
"อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครเลยครับ"
จากที่เขาดูชะงักไป เขาก็พูดขึ้นอีกคราวนี้เขาไม่สนใจจะคุยกับฉันเท่าไหร่แล้ว เขาตั้งหน้าตั้งตาเดินเหมือนอยากจะให้ถึงชั้นแรกของสตูดิโอเร็วๆ แต่เพราะฉันเดินกระเพลกอยู่ไง มันก็เลยถ่วงเขา
สวบ~
ในที่สุดเราก็มาถึงชั้นล่าง ตรงนี้ไม่มีคนอยู่เลยสักคน เขาปล่อยให้ฉันนั่งลงบนเก้าอี้นวมที่จัดไว้สำหรับให้นั่งพักแล้วเขาก็เดินออกไป เขาบอกฉันว่าจะไปเรียกแท็กซี่ให้
ไม่นานเขาก็กลับเข้ามา
"เรียกแท็กซี่ไว้แล้วครับ"
เขาพูดพร้อมกับช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินไปที่หน้าสตูที่มีรถแท็กซี่จอดอยู่
ฟลุ่บ~
เขาเปิดประตูให้ฉันพร้อมกับช่วยให้ฉันเข้าไปนั่งบนเบาะหลังคนขับ คนขับแท็กซี่เป็นผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ เธอเหลือบมองเราสองคนผ่านกระจกรถ
"พี่ไปไหนเหรอคะ ติดรถไปกับข้าวได้นะ"
"อ๋อ ผมขับรถมาครับ"
เขาตอบ ฉันพยักหน้า เขาก็ถอยหลังออกห่างจากแท็กซี่เพื่อจะปิดประตูรถแต่ฉันคว้าแขนเขาไว้ก่อน
หมับ~
"..."
เขาหลุบตาลงมองมือของฉันที่จับแขนเขาไว้
"ขอบคุณนะคะ พี่เหนือ"
ฉันยิ้มให้เขาพลางปล่อยมือออกจากแขน เขามองหน้าฉันก่อนจะพยักหน้ารับแล้วยกยิ้มบางๆให้
ปึ้ง~
จากนั้นก็ปิดประตูรถให้ฉัน และแท็กซี่ก็ขับเคลื่อนออกไป
พรึ่บ~
ฉันบอกเส้นทางที่จะไปห้องพักกับแท็กซี่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าพลางกดเข้าโปรแกรมเฟซบุ๊กเพื่อเล่นไปพลางๆ
"เอ่อ ขอโทษนะคะ เมื่อกี้เห็นว่าขาเจ็บจะไปโรงพยาบาลก่อนหรือเปล่าคะ"
จู่ๆคนขับแท็กซี่ก็พูดขึ้น ฉันเงยหน้ามองเธอผ่านกระจกหน้ารถพลางส่งยิ้มให้
"อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะพี่"
ฉันบอกพลางหลุบตาลงมองข้อเท้าตัวเอง ไม่ใช่ว่ามันหายได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้น แต่มันไม่ได้เจ็บแต่แรกแล้วต่างหากล่ะ
ผู้หญิงน่ะ มีมารยาร้อยแปดเล่มเกวียน ฉันเองก็เหมือนกัน อยู่ที่ว่าฉันจะขุดมันมาใช้เมื่อไหร่และกับใครเท่านั้นเอง
