บทที่ 4: แขกรับเชิญพิเศษ【1】
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน!”
คนหัวเสียที่สุดก็คงหนีไม่พ้นนายใหญ่แห่งบริษัท Cool-Korea Entertainment ที่ถูกตราหน้าไปเรียบร้อยแล้วว่าเป็นประธานใจยักษ์ ใช้งานศิลปินเยี่ยงทาส ตามคำพูดจากปากลีแทจินที่ใส่ไฟเขาไม่เหลือชิ้นดี ที่น่าตลกกว่านั้นคือการใส่ไฟของลีแทจินนั้นดันเป็นเรื่องจริงที่เขาปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย ทั้งเรื่องสัญญา ทั้งเรื่องจ้างนัชฌานให้มาเป็นผู้จัดการใหม่เพื่อคอยจับตาดูเขาและยังให้ย้ายไปอยู่ใกล้ๆ กันอีก ถึงแม้ว่ามันจะมีเรื่องโกหกแทรกอยู่ก็เถอะ
“แล้วท่านประธานจะเอายังไงต่อครับ ยกเลิกสัญญาหมอนั่นเลยดีมั้ย”
หนึ่งในโปรดิวเซอร์ของลีแทจินที่ถูกเรียกเข้ามาประชุมลับๆ โดยด่วนโพล่งถามขึ้นหลังจากที่เขาเห็นคิมแฮซูเดินวนไปมาอยู่นาน
คิมแฮซูชะงักกึก “ไม่มีทาง ทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าฉันยอมรับว่าสิ่งที่ไอ้แทจินพูดคือความจริง พวกนักข่าวคงได้เขียนข่าวกันมันส์มือแน่”
จริงอย่างที่เขาว่า แค่นี้บรรดาสื่อมวลชนก็เชื่อกันไปไหนต่อไหนแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริงเมื่อคิมแฮซูไม่มีหลักฐานมายืนยันเพื่อโต้แย้ง การพูดอะไรไปตอนนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงของบริษัทอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งที่ยืนยันได้ดีที่สุดก็หนีไม่พ้นข่าวบนหน้าอินเทอร์เน็ตที่ทีมงานคนหนึ่งยื่นอุปกรณ์สื่อสารที่เรียกว่าแท็บเล็ต[แท็บเล็ต (Tablet computer) มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่าแท็บเล็ตพีซีหรือแท็บเล็ต เป็นคอมพิวเตอร์ที่รวมการทำงานทุกอย่างไว้ในจอสัมผัสโดยใช้ปากกาสไตลัส ปากกาดิจิตอล หรือปลายนิ้ว เป็นอุปกรณ์อินพุตพื้นฐานแทนการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ แต่มีอยู่หรือไม่มีก็ได้ มีอุปกรณ์ไร้สายสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน]มาให้ดู
“ท่านประธานดูนี่สิครับ ข่าวของไลเกอร์ขึ้นเป็นข่าวที่ถูกค้นหาอันดับหนึ่งของเว็บไซต์ดังๆ ทุกเว็บเลย”
‘ฉาวระลอกใหญ่! ไลเกอร์แฉแหลก ต้นสังกัดใช้งานเยี่ยงทาสกลางงานแถลงข่าว!’
‘นักร้องหนุ่มแบดบอยประกาศกร้าว ‘ไม่ใช่สินค้า!’ ประธานใหญ่ Cool-Korea ร้อน แก้ตัวพัลวัน’
‘หนุ่มแบดบอยสิ้นลาย อ้างที่ร้ายไม่ใช่เพราะนิสัย แต่ทำไปเพราะประท้วงต้นสังกัด’
เห็นหัวข้อข่าวจากสารพัดเว็บไซต์ก็ไม่อยากปรายตาไปอ่านให้เสียเวลาแล้ว แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ข่าวต่อยตีอย่างที่ควรจะเป็น
“เอาไปไกลๆ เลย เห็นแล้วปวดกบาล” คิมแฮซูแทบจะขว้างแท็บเล็ตทิ้งลงพื้น ดีที่เจ้าของมันรีบมาแย่งไปจากมือก่อน
จังหวะเดียวกันกับที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับการมาถึงของอดีตผู้จัดการส่วนตัวที่ยังคงรับจัดการตารางงานให้ลีแทจินอยู่ตามคำสั่งของคิมแฮซูเพราะนัชฌานยังไม่สะดวกจัดการเองจนกว่าผู้จัดการควอนจะเคลียร์ตารางงานเก่าๆ ได้หมด
“ว่าไงผู้จัดการควอน”
พอเห็นหน้าเท่านั้น คิมแฮซูก็ทักทายเสียงเรียบ
“เรื่องใหญ่แล้วครับท่านประธาน” เสียงของผู้จัดการควอนยังคงเจือเสียงหอบจากการวิ่งพาร่างตุ๊ต๊ะมายังห้องประธานใหญ่
คิมแฮซูเหลือบมองเขาพลางย่นคิ้ว “วันนี้ผมเจอเรื่องใหญ่ๆ มาทั้งวันแล้ว หวังว่าเรื่องใหญ่ของคุณคงจะเป็นเรื่องดีนะ”
“เรื่องดีแน่นอนครับ” ผู้จัดการควอนว่าพลันชูโทรศัพท์ในมือขึ้น “ตั้งแต่ข่าวการแถลงข่าวของไลเกอร์ออกไป มีรายการติดต่อมาเชิญหมอนั่นไปสัมภาษณ์ไม่หยุดเลยครับ ผมรับโทรศัพท์จนมือหงิกไปหมดแล้วเนี่ย”
คิมแฮซูเบิกตาโพลง ดูเหมือนว่าสิ่งร้ายๆ กำลังจะเริ่มกลับกลายเป็นโอกาสที่ดีแล้ว
“แล้วคุณตอบรับไปบ้างหรือยัง”
“ยังครับ”
“แล้วรออะไรอยู่ ตอบรับไปเลยสิ!”
“ผมรอมาปรึกษาท่านประธานก่อน แล้วจะเอาเรื่องให้ผู้จัดการนัชฌานดูแลต่อนี่แหละครับ”
ผู้จัดการควอนโบ้ยหน้าที่หลวงมาให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างรวดเร็ว นัชฌานรับเอกสารตารางงานมาถือในมือก่อนเสียงของคิมแฮซูจะดังสำทับ
“เลือกรายการที่ใหญ่และดังที่สุด เอาที่มีคนดูติดตามมากที่สุดนะคุณผู้จัดการ งานนี้เอาให้หมอนั่นดังเป็นพลุแตกเลย เราจะเปิดตัวหมอนั่นใหม่ในภาพลักษณ์หนุ่มแบดบอยผู้น่าสงสาร”
เกือบทุกคนในห้องอ้าปากค้าง ไม่รู้ความคิดนี้หลุดออกมาจากปากประธานใหญ่ได้อย่างไรเพราะดูแล้วลีแทจินต้องการจะเล่นงานคิมแฮซู ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องให้สัมภาษณ์บริษัทไปในทางลบแน่ การเสี่ยงให้ศิลปินทำอย่างนี้ เท่ากับการฆ่าตัวตายชัดๆ
“ผมว่าเราทำเงียบๆ ไปแล้วปล่อยให้เรื่องซาไปเองไม่ดีกว่าเหรอครับ”
ใครคนหนึ่งเสนอความเห็นขึ้นมา ทว่าถูกปฏิเสธพลัน
“ไม่มีทาง โอกาสมาแล้วต้องรีบคว้าไว้ รับรองยอดขายของหมอนั่นปีนี้ทะลุเป้าแน่ๆ”
“แล้วเราจะทำให้เขาเป็นแบดบอยน่าสงสารได้ยังไงก็ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น” เสียงหนึ่งร้องท้วงขึ้นมา
ความหรรษาในการมองอนาคตมลายหายไปทันที คิมแฮซูรู้อยู่แล้วว่าประเดี๋ยวก็ต้องมีคนพูดขึ้นมาอย่างนี้ซึ่งเขาได้เตรียมคำตอบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“ก็ทำให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการสิ ใช่มั้ยคุณผู้จัดการ” ว่าพลางหันมามองนัชฌาน
สุดท้ายทุกอย่างก็ถูกโบ้ยมาที่ชายหนุ่มจนได้ นัชฌานลอบถอนหายใจ พยักหน้ารับน้อยๆ
“เอาล่ะ ในเมื่อได้ข้อสรุป การประชุมก็จบลงแล้ว แยกย้ายกันได้ ส่วนที่เหลือ ผมฝากดูแลด้วยนะครับ”
ไม่มีใครกล้าทักท้วงอะไรขึ้นมาอีกเพราะต่างคนก็ต่างไว้ใจฝีมือผู้จัดการมือฉมังคนนี้ไม่ต่างจากประธานใหญ่ เว้นเสียแต่คนที่ถูกฝากความหวังนี่แหละที่ต้องกลับมาคิดหนักว่าจะหามาตรการใดๆ มารับมือนักร้องวายร้ายรายนี้
ความสนุกของเกมก็คือการที่ได้เป็นผู้คุมเกม ลีแทจินดูข่าวสัญญาทาสที่ประโคมกันออกทางจอโทรทัศน์อย่างเพลิดเพลินหลังจากที่เขาวางระเบิดลูกใหญ่ให้คิมแฮซูเป็นที่เรียบร้อย แถมการให้ข่าวแบบนั้นก็เหมือนกับว่าภาพลักษณ์แย่ๆ ของเขาเริ่มมีคนสนใจและเข้าใจไปในทางที่ดีขึ้นอีกด้วย
งานนี้ต้องขอบคุณประธานคิมที่มาแหย่หนวดเสือเขาเสียจริงๆ!
ชายหนุ่มทรุดตัวนั่ง คว้าถ้วยไอศกรีมมาตักเข้าปาก กินไปหัวเราะไปอย่างเพลิดเพลินเมื่อเห็นบรรดาสถานีโทรทัศน์ต่างหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุย
ทว่าความรื่นรมย์ของเขามาแวะทักทายประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นเพราะจู่ๆ ประตูห้องก็เปิดพรวดเข้ามาด้วยฝีมือของใครบางคน
