7. หนีกันไม่พ้น
นรา ไม่แน่ใจกับความคิดของตัวเองที่จินตนาการไปได้เป็นตุเป็นตะอย่างน่ากลัว หรือว่าเขาจะตาฝาดจึงมองเห็นผู้หญิงที่มีน้ำเสียงวางอำนาจเช่นนี้เป็นผู้หญิงคู่อริของเขาไปเสียหมด
พอตั้งสติได้แล้ว นรา ก็ค่อย ๆ หันไปมองเจ้าของเสียงนั้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เขาใช้มือขยี้ตาเพื่อความมั่นใจ แต่ภาพตรงหน้าก็หาได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไม่
สีหน้าผู้หญิงคนนั้นเหมือนคนท้องอืด ถ่ายไม่ออกมาหลายวัน แววตาของเจ้าหล่อนก็ช่างไร้ความเป็นมิตรสิ้นดี เหมือนกับผู้หญิงคนที่เขาเคยปะทะคารมมาก่อนไม่มีผิด
ใช่แล้ว หล่อนนั่นเอง… คนที่มีเรื่องบนรถเมล์ และที่เขาขี่จักรยานไปล้มจนได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า เขาเห็นทีจะต้องทำอะไรสักอย่างในตอนนี้เสียแล้ว
นรา รีบเอี้ยวตัวหันหลังให้หล่อนทันที พร้อมกับลนลานยกหนังสือบังใบหน้าอย่างอัตโนมัติ แม้ว่าจะบังไม่มิดจนนึกไปถึงสุภาษิตที่ว่า “ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด” แต่ก็ยังพออุ่นใจ ไม่ให้รู้สึกว่าหายใจไม่ทั่วท้อง
“ทำไมซีเรียสจัง หงุดหงิดรถติดเหรอ…”
ดวงเดือน ถามเพื่อนสาวเสียงอ่อน เมื่อเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของวนาลีที่เข้ามาภายในร้าน
“นั่งเป็นนางกวักให้เปรตขอส่วนบุญแถวนี้มองอยู่ได้ ไป..ลุกขึ้น !”
วนาลี ตั้งใจพูดแขวะนราเต็มประตู เพราะหล่อนมองเห็นเขานั่งหัวโด่อยู่ตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว ถึงเขาจะปกปิดตัวเองอย่างไร คนที่มีจุดเด่นในรูปร่างลักษณะที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างเขา ก็ไม่สามารถที่จะหลบเลี่ยงสายตาอันปราดเปรียวประดุจนางเหยี่ยวเช่นวนาลีไปได้หรอกน่า หล่อนทันได้เห็นเขาพยักหน้าส่งสายตาให้ดวงเดือน จึงต้องรีบเรียกชื่อเพื่อน
“ลี..เป็นอะไรจ๊ะ ทำไมดูแปลกจัง..กินยาผิดมารึเปล่าเนี่ย..ไหนตัวร้อนหรือเปล่า”
ดวงเดือนลุกขึ้น เดินไปยกมือขึ้นแตะศีรษะวนาลี แต่อีกฝ่ายเบี่ยงตัวหน้างอ
“คนที่แปลกน่ะ ไม่ใช่ฉันหรอกย่ะ แต่เป็น..คนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้พวกบ้าหื่นกามชอบจ้องผู้หญิงน่ะ อย่างพวกโรคจิต ที่ชอบลวนลามผู้หญิงบนรถเมล์ไง…”
วนาลี พูดจบก็คว้าแขนดวงเดือนพาเดินไปอีกมุมหนึ่ง แต่มิวายเอี้ยวตัวมายิ้มเยาะนราก่อนจะเดินสะบัดหน้าทิ้งหางตาจิกนราให้เจ็บ ๆ คัน ๆ ที่ใจเล่น
“ร้ายกาจนักนะแม่ปากมีดโกนอาบยาพิษ…น้องเดือนก็ไม่น่าหัวอ่อนเล้ย นี่ถ้าได้เป็นแฟนกับน้องเดือน จะยุให้เลิกคบกับยัยนี่ให้เด็ดขาดไปเลย..ผู้หญิงอะไรวะไร้เสน่ห์สิ้นดี”
นรากัดฟันกรอด ๆ อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาทันใด
“มาแล้วค้า…ชุดของคุณวิภา…”
เจ้าของร้านเดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้ามายื่นถุงส่งให้นราพร้อมส่งสายตาปิ๊งปั๊งแถมท้ายมาด้วย
“ทำไมช้าจัง ผมรอจนรากงอกแล้ว”
พูดจบนรา ก็รับถุงเดินผละไปอย่างหัวเสีย…ทำให้เจ้าของร้านเบิกตาอึ้งด้วยความมึนงงเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา นรามีสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมที่จะรอและบอกว่าไม่รีบ แค่เพียงไม่กี่นาทีผู้ชายตรงหน้าคนนี้กลับหน้าบึ้งพูดจาให้หล่อนไม่สบายใจไปได้
“เฮ้อ..อารมณ์คนหล่อ…”
เจ้าของร้านพึมพำเมื่อเห็นว่านราเดินออกไปแล้ว
.....
“ผู้หญิงที่เอ็งเล่ามาให้ข้าฟังนี่มันแม่มด หรือ คน วะ”
บัญชา ถามเพื่อนด้วยความไม่แน่ใจ เมื่อนรากลับเข้ามาที่สำนักงานแล้วก็บรรยายว่าไปเจอผู้หญิงหน้าตาขมึงเหมือนโกรธใครมาสักสิบชาติ จมูกของเจ้าหล่อนก็งองุ้มปากบิดเบี้ยวยาวยื่นออกมาอย่างน่ากลัว
“หล่อนน่ากลัวเหมือนปีศาจไง.. ยัยนี่นะหน้าตาไม่ดีแล้วยังปากไม่ดีอีกด้วย”
“รู้สึกเอ็งจะไม่ชอบขี้หน้ายัยคนนี้เอาเสียเลย…เอ็งไปทำอะไรให้เขาเกลียดขี้หน้ารึเปล่าวะ หรือว่านายไปหลีกับเธอเข้า” บัญชาตั้งข้อสังเกต
“โอ้ย! แค่คิดว่าจะหลีกับยัยนี่ ข้าก็หมดอารมณ์ทางเพศแล้วโว้ย..” นราทำหน้าพะอืดพะอม
“หล่อนแย่ถึงขนาดนั้นเชียวหรือวะ..”
“ก็เออสิวะ..” นรายืนยันขันแข็ง
“แล้วทำไมถึงได้มีเรื่องกับหล่อนล่ะ..” บัญชาอยากรู้
นราจึงได้โอกาสเล่าตั้งแต่พบกับคู่อริครั้งแรกบนรถเมล์ และที่หมู่บ้านจนมาถึงครั้งล่าสุดที่ร้านรับชุดให้พี่สาว เป็นการเล่าที่เต็มไปด้วยอคติไม่ชอบหน้าคนที่พูดถึง แต่บัญชาฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ทำให้นรารู้สึกว่าเพื่อนไม่ขัดคอก็เลยสบายใจที่ได้ระบายความอึดอัดออกไป
“แต่วันนี้ข้าปิ๊งสาวน้อยอยู่คนหนึ่งว่ะ”
นราเริ่มอารมณ์ดีขึ้น หลังจากที่ได้ระบายให้เพื่อนฟังหมดแล้ว
“เธอชื่อเดือน…ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเจออีกหรือเปล่านะ..แต่..มันน่าเสียดาย ไม่น่าเป็นเพื่อนกับยัยเฉิ่มเบ๊อะนั่นเล้ย…หมดมู้ดจริง ๆ พับผ่า…พูดเรื่องยัยนี่แล้วคอแห้งว่ะ”
นราพูดจบก็เดินไปหาน้ำดื่มแก้คอแห้ง
“ระวังเกลียดสิ่งไหนจะได้สิ่งนั้นก็แล้วกันเพื่อน”
บัญชาพูดทิ้งท้ายให้เพื่อนสะดุ้งโหยง แล้วก็เตรียมตัวออกไปทำงานข้างนอก
ทั้งสองหนุ่มทำงานเป็นผู้สื่อข่าวอยู่หนังสือพิมพ์แห่งเดียวกัน และกำลังจะลาออกพร้อมกันเพื่อไปทำงานกับหนังสือพิมพ์”สู่มวลชน” ของโชคชัยที่จะเปิดตัวในเดือนหน้า
..............
งานเลี้ยงฉลองสมรสระหว่างกิตติกับกัลยา จัดขึ้นที่โรงแรมระดับห้าดาวในตอนค่ำ หลังจากที่จัดพิธีตอนเช้าที่บ้านฝ่ายหญิงไปแล้ว
กิตติ อยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่เป็นสูทสากลสีเข้ม ในขณะที่กัลยาอยู่ในชุดเจ้าสาวแบบเกาะอกสีขาวสะอาดตา เปลือยไหล่เผยผิวที่ขาวนวลเนียนอยู่แล้วให้ดูผุดผาดมากขึ้นเมื่อต้องแสงไฟ ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเกาะกุมมือกันไม่ยอมห่าง ซึ่งทั้งคู่ก็ต้องยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน และยังต้องยิ้มให้กับกล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอ ที่บันทึกภาพแห่งความสุขอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งกิตติต้องแอบไปหลบทำหน้าบึ้งในห้องน้ำ เขาบอกกัลยาว่า เพื่อให้ใบหน้าเกิดความสมดุล
ส่วนของประตูทางเข้าของงาน ถูกจัดตกแต่งประดับประดาด้วยซุ้มดอกไม้สวยงาม มีรูปถ่ายของเจ้าบ่าวเจ้าสาวยิ้มคู่กันอย่างมีความสุขอยู่หน้างาน และมีโต๊ะที่วางกล่องของขวัญ ซึ่งมีเกวลิน กับ นับพร เป็นคนคอยดูแลอยู่ ส่วนโต๊ะถัดมาใช้วางสมุดที่ให้แขกเขียนอวยพรคู่บ่าวสาวพร้อมกับมีพานวางของชำร่วย ซึ่งมีวนาลี กับ ดวงเดือน เป็นคนคอยเชิญแขกเขียนคำอวยพรและแจกของชำร่วยให้กับแขกที่มาในงาน
