5. รวมเพื่อนซี้
“ต๊าย! จริงเหรอที่พี่กันจะเป็นสปอนเซอร์ค่าชุดให้พวกเราทุกคน”
วนาลี มีน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อเกวลิน โทรมาบอกให้วนาลี เตรียมตัวไปเลือกชุดที่ร้านพร้อมกัน
กาบแก้ว ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้สึกแปลกใจที่ได้ทราบว่าพี่สาวของเกวลิน จะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเรื่องชุดที่จะใส่ในงานแต่งงานของกัลยา ให้เพื่อนสนิทของน้องสาวทั้งสามคน เพราะกาบแก้วรู้ว่าครอบครัวของเกวลิน ฐานะดีมีร้านเพชรอยู่ในกรุงเทพฯหลายสาขา และนางก็เคยเห็นโฆษณาเครื่องประดับเพชรพลอยของร้านเพชรที่กัลยาเป็นเจ้าของที่ออกตามสื่อต่าง ๆ ด้วย
“ไง..หน้าบานเชียวนะ พอรู้ว่าจะได้ชุดฟรี”
กาบแก้ว กล่าวสัพยอกเมื่อวนาลีวางสาย
“แม่แอบฟังลีคุยโทรศัพท์อีกแล้วใช่ไหมคะ”
วนาลี แกล้งกระเซ้ามารดา
“โอ้ย..เสียงเราแปดหลอดลั่นบ้านแบบนั้น ไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยินชัดแล้ว”
“แหม..ก็ลีดีใจนี่คะที่ไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องชุดที่จะใส่ไปงานแต่งพี่กันแล้ว ...แม่รู้ไหมคะว่าร้านที่พี่กันให้พวกเราไปดูชุดก็เป็นร้านเดียวกับที่พี่กันตัดชุดเจ้าสาวเสียด้วย..เป็นร้านที่หรูที่สุดเลยล่ะค่ะ..ทีนี้ลีก็หายห่วงเรื่องชุดเพราะที่นี่เขามืออาชีพคงจะเลือกชุดที่เหมาะสมให้กับลีได้”
หล่อนบอกมารดาด้วยสีหน้ามีความสุข
“แบบนี้หนูพรก็ไม่ต้องห่วงเรื่องชุดเหมือนกันน่ะสิ..มีคนช่วยออกแบบชุดให้อย่างนี้แล้ว”
กาบแก้ว พูดถึงนับพร เพื่อนของวนาลี ที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์กว่าเพื่อน ๆ ในกลุ่ม จนได้รับสมญานามจากเพื่อนว่าหมูน้อย แต่กาบแก้ว ก็รู้สึกเอ็นดูนับพร ไม่น้อย เนื่องจากเป็นคนปากหวานมักจะชมกาบแก้ว ว่าทำอาหารอร่อยถูกปากไปทุกอย่าง และนับพรก็ช่างเจริญอาหารดีเหลือเกิน กาบแก้ว ทำอาหารอะไรเจ้าหล่อนก็ซัดเรียบ
“เห็นยัยพร บอกว่าจะลดน้ำหนักให้ได้สักห้ากิโล ช่วงนี้ยัยพร ถึงไม่ยอมมาบ้านเราไงคะ คงกลัวว่ามาแล้วเห็นอาหารที่แม่ทำก็อดที่จะสวาปามไม่ได้น่ะค่ะ”
“มิน่าล่ะ..แม่ก็ว่าจะทักอยู่เหมือนกันว่าทำไมหมู่นี้หนูพรไม่ค่อยตามหนูเดือนกับหนูเกมาที่บ้านเรา..เพราะอย่างนี้นี่เอง”
“แต่แม่เชื่อลีสิคะ..เดี๋ยวยัยพรก็ตะบะแตก เมื่อวานก็บ่นว่าอยากจะกินอาหารฝีมือแม่”
“งั้นก็นัดเพื่อน ๆ มาพรุ่งนี้สิ แม่กำลังได้สูตรอาหารมาจากรายการชิมไปบ่นไปทางทีวีมาพอดี”
“ก็ได้ค่ะ..พรุ่งนี้ลีนัดเพื่อน ๆ ไปดูชุดที่ร้านวีอาร์สตูดิโอ จะบอกพวกนั้นให้”
...............
“พรุ่งนี้ไม่ต้องโหนรถเมล์แล้วใช่ไหม..นรา..”
วิภา เดินเข้ามาถามน้องชายที่ห้องรับแขก
“ไม่โหนแล้วพี่ กลัวไปเจอผู้หญิงปัญญาอ่อนบนรถเมล์เหมือนวันก่อน ผมว่าจะใช้บริการรถไฟฟ้าในช่วงนี้ไปก่อน เพราะรถผมมันสาหัสมากเลยนะเที่ยวนี้ ต้องอยู่ที่อู่เป็นเดือน”
“ว้า..แล้วพรุ่งนี้จะให้ใครแวะรับชุดที่ร้านให้ดีล่ะเนี่ย..ติดนัดสำคัญเสียด้วยสิ”
“รับชุดอะไร..ที่ไหนล่ะครับ”
“ก็ชุดที่จะใส่ไปงานแต่งงานกิตติเพื่อนเราน่ะสิ ที่ร้านวีอาร์สตูดิโอ”
“ไม่เป็นไร..ผมจะยืมรถบัญชาไปรับให้ก็ได้…พี่วิจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“รถเต่าของบัญชาน่ะเหรอ…พี่ว่าเธอโหนรถเมล์ไปดีกว่ามั้ง ขนาดหมาเห่ายังดับเลย มันแย่ยิ่งกว่ารถของเธออีกนะพี่ว่า…”
วิภา พูดจบประโยค พลันก็มีเสียงรถตะกุกตะกักเหมือนคนสะอึกมาดับอยู่ที่หน้าบ้าน นราลุกพรวดจากที่นั่งเดินไปยื่นหน้าที่ประตูเพื่อดูที่มาของเสียง จากนั้นเขาก็เปิดปากหัวเราะลั่นบ้าน
“โห!พูดไม่ทันขาดคำ รถเต่าของเจ้าบัญชาก็มาสิ้นฤทธิ์อยู่หน้าบ้านเราเสียแล้วล่ะ พี่วิ…”
“รู้ได้ไงว่าเป็นเสียงรถของเพื่อนเธอ” วิภาถามขึ้น
“เสียงรถเหมือนเสียงเรือด่วนชนโป๊ะล่มแบบนี้ มีคันเดียวแหละพี่วิ…ผมนัดให้มันมาหาเอง คืนนี้กะว่าจะไปซิ่งกันซะหน่อย แต่ดูพาหนะแล้ว สงสัยจะนอนดูวิดีโอโป๊อยู่ที่บ้านดีกว่า”
นรา พูดจบก็ตะโกนเรียกแน่งน้อย ให้ไปเปิดประตูรั้วบ้าน โดยไม่รอให้ได้ยินเสียงกรดกริ่งเรียก
วิภา ส่ายหน้ายิ้ม ๆ รู้สึกไม่เข้าใจสองหนุ่มคู่ซี้ที่มีรถคู่ใจขยันทรยศให้เข็นเป็นประจำ
“หวัดดีครับพี่วิ…”
ประภาส เดินเหงื่อตกเข้ามาในบ้านเป็นคนแรก
“เป็นหวัดไม่ดีนะครับพี่วิ ส่วนผมขอสวัสดีครับ” บัญชา พูดหยอกล้อ เดินตามมาเป็นคนที่สอง
“โอย…จะเป็นลม..หวัดดีครับพี่วิ”
กิตติ ยกมือไหว้เหมือนคนไม่มีเรี่ยวมีแรง เขาเดินปาดเหงื่อเข้ามาเป็นคนสุดท้าย
“รถเสียอีกแล้วใช่ไหมจ๊ะหนุ่ม ๆ…”
วิภา เดาเมื่อเห็นสภาพสามหนุ่มเพื่อนซี้ของน้องชาย
“ถูกต้องนะคร้าบ….นี่พี่วิ..ดูกล้ามผมเสียก่อน เวลานั่งรถเต่ารุ่นสงครามโลกครั้งที่ 2 ของท่านเจ้าคุณบัญชา ชะตาชีวิตของกระผมก็จะเป็นแบบนี้แหละขอรับ”
ประภาส พูดพร้อมกับเบ่งกล้ามประกอบด้วย ทำให้วิภา หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
“ก็แล้วทำไมเราไม่ขับรถมาเองล่ะ”
วิภา สงสัยเพราะเห็นประภาส มีรถป้ายแดงเพิ่งซื้อใหม่
“บัญชาให้ผมตั้งตัวเสียที่ไหนครับ มันขับรถไปรับผมที่ทำงานบอกว่าจะเลี้ยงส่งความโสดให้กิตติ จะต้องไปรถคันประวัติศาสตร์เพื่อรำลึกถึงคืนวันที่เคยเป็นนักศึกษาร่วมทุกข์สุขด้วยกันมากับรถคันนี้”
“ขนาดนั้นเชียว” วิภาพูดกลั้วหัวเราะ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับพี่วิ ไอ้ภาสมันชอบเว่อร์เหมือนกับรายการทีวีที่มันทำนั่นแหละครับ ผมเพียงแต่อยากจะให้คนบางคนที่มันสละโสดก่อนเพื่อนได้รู้รสชาติชีวิต ว่าการที่มันมีเพื่อนจน กับกำลังจะได้เมียรวยมันแตกต่างกันยังไง..เวลาแต่งงานไปจะได้ไม่ลืมเพื่อนฝูง”
บัญชาพูดสัพยอก หวังกระทบว่าที่เจ้าบ่าวอย่างกิตติโดยตรงในตอนท้าย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ากิตตินั้นเปรียบเสมือนหนูตกถังข้าวสารจะได้แต่งงานกับสาวสังคมเจ้าของร้านเพชร แม้ว่ากัลยาจะแก่กว่ากิตติถึงสิบสามปีก็ตาม แต่กิตติก็ไม่สนใจคำครหานินทาจากเพื่อนรอบข้างที่หาว่าเขาได้ดีมีบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์เป็นของตัวเองได้ก็เพราะกัลยาเป็นคนอุปถัมภ์ค้ำชู
