บทที่2 โสดแล้ว (2)
สัปดาห์ต่อมา
ว่ากันว่าอยากทำให้ใครเสียดายก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น ยิ่งถ้าอยากให้แฟนเก่า สามีเก่า หรือคนสิ้นคิดเสียดายเล่นเพื่อความสะใจเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องทำให้ตัวเองสวยขึ้น ดูดีขึ้นซะก่อน คริษฐาเองก็เริ่มต้นทุกอย่างด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองเช่นกัน
แม่ม่ายหมาด ๆ ที่วันนี้แตกต่างไปจากเดิมเดินตรงเข้ามาภายในร้านอาหารเจ้าประจำที่มักเป็นที่นัดเจอกันระหว่างเธอและเพื่อนสนิทก่อนจะมองหาเพื่อนที่นัดกันไว้ ทันทีที่รู้พิกัดของเพื่อนที่นัดไว้หญิงสาวก็ก้าวเข้าไปหาพร้อมกับส่งเสียงทักทันที
“ไฮ”
“อุแม่!!! เกิดอะไรขึ้นคะชะนี ผมยาวสลวยจนตุ๊ดอิจฉาของหล่อนทำไมเหลือแค่นี้ แล้วดูซินี่ แต่งหน้าด้วย ปกติเบาๆ ไม่ใช่เหรอลูกสาว ทำไมตอนนี้หล่อนสวยเบอร์นี้ได้ล่ะ” เสียงที่ดัดให้ดูอ่อนกว่าน้ำเสียงจริงของชายหนุ่มหัวใจสาวเอ่ยทัก พร้อมกับมองคนที่ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าอย่างพิจารณา
วันนี้คริษฐาแตกต่างไปจากคริษฐาคนเดิมมาก ผมยาวสลวยที่หญิงสาวมักจะมัดเป็นทรงดังโงะครึ่งหัวถูกซอยสั้นเหลือแค่เลยติ่งหูมาเล็กน้อย
ใบหน้าที่ไม่ค่อยจะเติมแต่งมากนักวันนี้ถูกแต่งแต้มเสียจนแปลกตา ไม่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก็มองออกว่าคริษฐาคนนี้แตกต่างไปจากปกติ จากลุคหวานซ่อนเปรี้ยวกลายเป็นลุคสาวเท่ๆ ลุยๆ จนสังเกตได้...เกิดอะไรขึ้นกับคริษฐาเพื่อนรักของเขา
“เกิดอะไรขึ้นกับหล่อนคะชะนี ตอบ!!!”
“จะเอาตรงๆ?” คริษฐาถามกลับพร้อมกับแสดงสีหน้าขบขันเมื่อเห็นว่าเพื่อนหนุ่มใจสาวคนสนิทของตนอย่างกรินยกรหรือเกรซมีสีหน้าตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงของตนขนาดไหน
“ก็ตรงๆ สิยะ เดี๋ยวแม่ฟาดซะนี่”
“ตรงๆ ก็คือ...ผัว-ทิ้ง” คริษฐาเอ่ยช้าๆ ชัดๆ ก่อนจะพูดย้ำอีกครั้ง “อ่านปากคริษฐานะคะนังตุ๊ด ผัว-ทิ้ง-ค่ะ”
“ยัยเคท! อย่ามาล้อเล่นนะแก มันไม่ขำนะเว้ย”
“ก็ไม่ได้พูดให้ขำ พูดความจริงชัดๆ เลยอีเจ๊” หญิงสาวบอกแล้วก็ยักไหล่ “แต่ฉันไม่แคร์ แกไม่ต้องตกใจ”
“จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงวะ เล่ามายัยเคท แกต้องเล่ามาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะอกแตกตาย เดี๋ยวนี้!!!”
“ไม่เล่า...รอยัยเจี๊ยบ กับไอ้ปรานมาก่อนจะได้ไม่ต้องเล่าหลายที โอเค้?”
“ย่ะ แล้วแต่หล่อนเลยย่ะ” กรินยกรตอบรับอย่างประชดประชันแต่ก็ไม่เซ้าซี้ต่อ ด้วยรู้ว่าเซ้าซี้แค่ไหนคริษฐาก็จะไม่ตอบจนกว่าเพื่อนอีกสองคนจะมาถึง คริษฐาเป็นอย่างนี้เสมอ
“แล้วนี่ไอ้ปรานกับนังลูกเจี๊ยบไปไหนเนี่ย นัดกันซะดิบดี ออกจากบริษัทมาก็พร้อมกัน แต่ทำไมมันยังไม่พากันมาเนี่ย”
“อย่าบ่นเยอะนาเกรซซี่”
“ก็ฉันอยากจะรีบๆ ฟังให้เคลียร์ไง ถ้าสองตัวนั้นยังไม่มาแกก็ไม่บอก ฉันจะทำอะไรได้นอกจากบ่น น้องพลอยจ๋า เจ้ขอขนมหวาน ๆ มากินแก้หิวเผือกหน่อย” กรินยกรว่าแล้วก็สั่งของหวานมาเพิ่มเพื่อปิดปากจนกว่าเพื่อนอีกสองคนจะมาถึง ส่วนคนต้นเรื่องอย่างคริษฐานั้นได้แต่ส่ายหน้าและชวนคุยเรื่องอื่นระหว่างรอเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ยังมาไม่ถึง
แต่เล็กจนโตคริษฐามีเพื่อนที่สนิทกันมากเกาะกลุ่มกันมาด้วยกันสามคน คือกรินยกร สถาปนิกหนุ่มใจสาวที่มีฝีมือการออกแบบไม่เป็นสองรองใคร จีรชาหรือลูกเจี๊ยบ สถาปนิกสาวห้าวที่หลายคนหลงเข้าใจว่าเป็นสาวหล่อ และปวินหรือปราน สถาปนิกเพื่อนหนุ่มแท้หนึ่งเดียวในกลุ่ม
หญิงสาวและเพื่อนทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งจบปริญญาตรี แม้แต่ตอนนี้เอง กรินยกร ปวิน และจีรชาก็ยังคงเกาะกลุ่มทำงานอยู่ที่บริษัทเดียวกัน จะมีก็แต่คริษฐาที่ลาออกจากบริษัทมาเพื่อทำหน้าที่ดูแลเด็กชายคีรกรเต็มตัวหลังจากที่เพิ่งทำงานที่บริษัทได้เพียงแค่ครึ่งปี
สำหรับคริษฐาแล้วเพื่อนทั้งสามคือเพื่อนที่เธอไว้ใจที่สุด ไม่ว่ามีเรื่องอะไรเธอก็กล้าที่จะพูดให้อีกสามคนฟังโดยไม่ต้องกลัวว่าทั้งสามคนจะปากโป้งไปบอกใคร ในเวลาที่มีเรื่องให้คิด หรืออัดอั้นไม่รู้จะพูดกับใครคริษฐาจึงคิดถึงทั้งสามคนก่อนใคร...ดังเช่นวันนี้ที่เธอมีเรื่องให้คิดจนต้องเรียกเพื่อนๆ มารับประทานข้าวเย็นด้วยกัน
รอไม่นานปวินและจีรชาก็มาถึง กรินยกรรีบเปิดประเด็นทันทีก่อนที่คริษฐาจะยอมเล่าให้เพื่อนสนิททั้งสามคนได้ฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น กรินยกรซักไซ้อยู่หลายข้อ ก่อนจะมีสีหน้าหมองลงราวกับว่าตนเป็นคนที่ต้องเป็นม่ายเสียเอง
“ไม่ต้องตีหน้าเศร้า ฉันไม่ได้เป็นอะไร และที่เล่าให้ฟังเนี่ยไม่ได้จะมาปรึกษาว่าทำยังไงถึงจะมูฟออน หรือทำยังไงสามีถึงจะกลับมา ฉันเรียกพวกแกมาช่วยคิดว่าฉันควรทำยังไง บอสถึงจะรับฉันกลับเข้าไปทำงานต่างหาก”
“อ้าว แกไม่ได้เรียกพวกฉันมาปลอบหรอกเหรอ”
“ก็ไม่น่ะสิ” คริษฐาตอบรับโดยไม่แสดงออกว่าโกหกแต่อย่างใด ก่อนจะยักไหล่ “ฉันไม่ได้เศร้า ฉันมูฟออนได้แล้วย่ะ เรื่องหลัวน่ะฉันจัดการได้ พวกแกไม่ต้องยุ่ง เรื่องที่พวกแกต้องทำคือคิด คิด คิด ว่าฉันต้องทำยังไงเรื่องบอส”
“แกจะไปคิดมากอะไร ไอ้ปรานมันคุยได้” กรินยกรเสนอแนะพลางกระทุ้งศอกใส่ปวินที่เป็นน้องชายภรรยาเจ้าของบริษัท
“เดี๋ยวฉันลองคุยกับพี่นิคให้ แต่อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากนะ ตอนนี้บริษัทกำลังจะเปลี่ยนมือ พี่นิคจะให้น้องชายต่างแม่ที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกามารับช่วงต่อ” ปวินไม่ปฏิเสธที่จะช่วยพูดให้ แต่ก็บอกให้หญิงสาวเผื่อใจไว้ด้วยเนื่องจากบริษัทที่พวกเขาสามคนทำงานอยู่นั้นกำลังจะเปลี่ยนมือผู้บริหาร
“ขอบใจแกนะปราน แต่ที่ฉันกังวลคือบอสจะรับเหรอ ฉันเคยฉีกสัญญากับเขาเลยนะ”
“พี่นิคไม่คิดมากหรอก เจ๊ก็รักแกอย่างกับน้อง ถ้าพี่นิคไม่โอเคฉันจะให้เจ๊ปริมช่วยพูด เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล กังวลเรื่องแกจะได้เซ็นสัญญากับบริษัทก่อนที่บริษัทจะเปลี่ยนผู้บริหารมั้ยเถอะ ฉันไม่สนิทกับน้องชายพี่นิคคนนี้เลย” เพื่อนหนุ่มคนเดียวในกลุ่มบอกก่อนจะมีสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นไม่นานจึงเอ่ยต่อ “เออ ระหว่างนี้แกก็มาช่วยฉันคุมงานก็แล้วกัน มีผลงานฉันจะได้พูดกับพี่นิคได้ง่ายขึ้น”
“โอเค ไม่มีปัญหา เริ่มงานพรุ่งนี้เลยก็ได้”
“เรื่องงานไม่น่ามีปัญหาแล้วนะ วนกลับมาเรื่องผัวอีกทีดิเคท ตกลงเลิกจริง เลิกขาดมั้ย” จีรชาแทรกถามหลังจากที่เห็นวี่แววว่าเรื่องงานคงไม่มีปัญหาอะไร
คำถามนี้พุ่งตรงจนคริษฐาแทบจะสำลักน้ำที่ยกขึ้นมาจิบแก้กระหาย หญิงสาวถอนใจก่อนจะยักไหล่ “ตอนนี้เลิก อนาคตอาจจะรีเทิร์น ตอบได้แค่นี้”
“แล้วตอนนี้แกกำลังทำอะไรอยู่ หางานทำ ทำตัวสวย คือจะเรียกร้องความสนใจ? หรือว่ามูฟออนจริงๆ จังๆ”
“ฉันหางานทำก็เพื่อหาเงินเพราะคีย์คงไม่ได้ส่งให้แล้ว ส่วนที่ทำตัวสวยเปลี่ยนลุคเนี่ยก็แค่...สวยให้คนเสียดายเล่น ขำๆ เท่านั้น”
“สวยให้คนเสียดายเล่น?” ไม่เพียงแค่จีรชาที่ไม่เข้าใจ ปวินและกรินยกรเองก็ถามขึ้นมาพร้อมเพรียงกันด้วยไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคริษฐากำลังทำอะไร
“พวกแกเคยได้ยินคำว่า สวยให้ผู้เสียดายเล่นมั้ย ฉันก็กำลังทำอยู่ ฉันจะสวย จะเท่ เสน่ห์แรงให้ไอ้คนที่มันกล้าขอหย่าฉันรู้สึกเสียดายและหึงจนเลือดขึ้นหน้าให้ได้”
“เฮียคีย์น่าจะมีเหตุผลของเขา เดี๋ยวจบเรื่องเขาก็มา แกจะมาสวยให้เขาเสียดายให้เขาหึงทำไมวะ ในเมื่อโน้ตก็น่าจะสื่ออยู่แล้วว่าเขาจะกลับมา” ปวินที่ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเพื่อนสาวจะทำแบบนี้ไปทำไมถามบ้างอย่างเอือมระอา
“เขาอาจมีเหตุผล มีภารกิจ หรือมีอะไรที่สำคัญสักอย่างทำให้ต้องไป อันนั้นเข้าใจ แต่เขาควรบอกเหตุผลฉันสิ นี่เขาไม่บอก เขาขอหย่าเลย แล้วสื่อว่าให้ฉันรอ...แกไม่คิดว่าเขามองฉันเป็นของตายเหรอ รักมั้ยก็ไม่เคยพูด แล้วจะมาให้รอ เหอะ มันไม่ง่ายหรอก ฉันไม่ใช่ของตาย ฉันมีหัวใจ”
คริษฐาตอบกลับตามความคิดของตัวเองก่อนจะชี้หน้าห้ามปวินที่อ้าปากจะพูดต่อ “หยุดเลยปราน แกไม่ต้องเข้าข้างเฮียคีย์ของแก ถ้าคราวนี้จะกลับมาเริ่มต้นใหม่กัน ฉันต้องกำราบเฮียคีย์ของแกให้อยู่หมัด แกไม่ต้องมาเปลี่ยนความคิดฉัน ถ้าฉันไม่ให้บทเรียนเขาซะบ้าง กลับมาเริ่มกันใหม่ฉันก็เสียเปรียบอีกสิ”
ปวินฟังจนจบก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ “เออ จะทำอะไรแล้วแต่แกเลยคุณนาย แต่ก็อย่าเยอะเกินไป ฝากไว้แค่นี้”
“ช่างไอ้ปรานมันเถอะแก แต่ฉันเชียร์แกเต็มที่ เฮียคีย์ทำไม่ถูกที่อยู่ดีๆ ก็ขอหย่าแบบนี้ มันต้องสอนให้สำนึก”
“ใช่แล้วชะนี ฉันก็จะช่วย” กรินยกรและจีรชาที่เห็นด้วยกับความคิดของคริษฐาพากันสนับสนุน ก่อนที่จะช่วยคิดวิธีทำให้ข่าวคราวเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเองของคริษฐาไปถึงหูคีรินทร์
ขณะที่ปวินที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของคีรินทร์ได้แต่นั่งถอนหายใจกับความคิดของเพื่อนสาว...ดูท่าไอ้ที่คีรินทร์คิดจะผิดไปโขเลยละ
‘งานหนักแล้วละเฮียคีย์’
