บท
ตั้งค่า

18 ผมหึงนะครับ

“ผมไม่แกล้งแล้วสัญญาว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจะคุยธุระอะไรกับใคร ถ้าทำได้จะไปยืนคุยกลางสี่แยกเลย ดีมั้ย ?”

“นี่คุณประชดฉันเหรอคะ”

“ไม่ได้ประชดสักหน่อย ก็จะได้เปิดเผยไปเลยไง เดี๋ยวจะมีคนเข้าใจผิดอีก” หญิงสาวตีเขาด้วยความหมั่นไส้

“ไม่โกรธแล้วใช่มั้ย เราดีกันนะ” เขาถามเบา ๆ หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมามองหน้าเขาพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ ให้แทนคำตอบ

“ไม่ได้ยินเลยครับ”

“ไม่ได้โกรธแล้วค่ะ” ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ชอบแกล้งเธอนักนะ

ชายหนุ่มสวมกอดราชาวดีเอาไว้กับอกกว้างอีกครั้ง ใช้จมูกโด่งกดลงไป หนัก ๆ กับเรือนผมงามก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อย่างผ่อนคลาย

“แต่จะว่าไปผมก็หึงคุณเหมือนกันนะ” ชายหนุ่มดันตัวเองออกมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้างามในอ้อมกอดชัด ๆ

“เรื่องอะไรคะ”

“ก็ไอ้หนุ่มแว่นคนนั้นไง”

“อ๋อ เขาชื่อคุณแอมเมอร์สันค่ะ รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่อังกฤษ เป็นเพื่อนรุ่นพี่น่ะค่ะ”

“ผมว่าคุณเลิกคบไปเลยก็ดีนะ หมอนั่นมองคุณตาเป็นประกายยังไงไม่รู้ ผมไม่ชอบเลย”

“เขามีแฟนเยอะจะตายไป เขาจะมาสนฉันทำไมกันคะ”

“แต่ผมหึงนี่ครับ” แม้คำพูดจะแฝงด้วยคำล้อเล่น แต่ชายหนุ่มก้มลงมามองหน้าหญิงสาวอย่างต้องการจะสื่อถึงความจริงที่อยู่ในใจ และเมื่อดวงตาทั้งสองคู่สบประสานกัน ดวงตาคมมองเห็นดวงตาคู่งามสีน้ำตาลที่มองมายังเขาส่องประกายอ่อนหวาน ใบหน้างามเนียนช่างดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก เห็นดังนั้นชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะค่อย ๆก้มลงมาจุมพิตเบา ๆ ที่พวงแก้มเนียนนุ่มของหญิงสาว ก่อนจะไล้เบา ๆ ไปจุมพิตอย่างนุ่มนวล แผ่วเบาและอ่อนโยนที่ริมฝีปากบางสวยได้รูป มันช่างให้ความรู้สึกราวกับถูกสัมผัสด้วยปีกผีเสื้อที่ไล้ผ่านริมฝีปากอย่างแผ่วเบาก็ไม่ปาน

“ผมรักคุณ..ราเชล” ชายค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง สำหรับราชาวดีถึงแม้เขาจะกล่าวคำพูดนั้นออกมาเพียงแผ่วเบา แต่มันช่างดังและฟังดูหนักแน่นกว่าเสียงใด ๆ รอบตัวในขณะนี้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมของชายร่างสูงก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา

“ฉันก็รักคุณค่ะ..แพท” แม้จะไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ แต่ที่เธอรู้คือหัวใจของเธอมีแต่ชายผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น

พระอาทิตย์ดวงโตโผล่ขึ้นพ้นขอบน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แสงสีทองส่องสว่างเจิดจ้าท้าทายและสวยงามที่ทอดตะการอยู่เบื้องหน้าช่างน่าอัศจรรย์นัก หากแต่ความงดงามใด ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ก็ไม่อาจสู้ความงดงามที่เกิดจากความรักที่เบ่งบานในหัวใจของคนทั้งสองได้เลยแม้แต่น้อย

หญิงสาวก้มหน้าน้อย ๆ ทำทีเป็นให้ความสนใจกับเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้าและพยายามจะดึงหมวกที่เธอสวมอยู่ให้ลงมาปิดหน้าเท่าที่ทำจะได้เพื่ออำพรางตัว

เธอแอบมองไปยังกลุ่มชายที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟร้านเดียวกันอย่างระแวดระวัง ภาพชายร่างสูงใหญ่สี่คน สวมชุดสูทสีดำดูน่าเกรงขามที่นั่งรวมกันอยู่นั้นแม้จะแผ่รังสีดูน่ากลัว แต่ก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบข้างอยู่ไม่น้อย พลันความคิดก็นึกถึงคำพูดของแพทริคที่บอกเธอเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

“ราเชล ผมมีงานต้องขึ้นไปแอริโซนา คุณอยู่ที่นี่เป็นเด็กดีนะรู้มั้ย”

“แอริโซนา ? ไปทำไมกันคะ”

“ผมไปทำงาน ไม่เอาสิ อย่าทำหน้าแบบนั้น ไปไม่กี่วันก็กลับแล้วล่ะ” ชายหนุ่มพยายามจะปลอบหลังจากเห็นหญิงสาวถอนหายใจออกมาพร้อมกับทำหน้ายู่

“ฉันไปด้วยได้มั้ยคะ”

“ได้ยังไงกัน ผมไปทำงานนะครับ เอาแบบนี้ พอกลับมาแล้วเดี๋ยวผมพาไปเที่ยวชดเชยดีมั้ย”

“แล้วจะไปวันไหนคะ” หญิงสาวถามขึ้น และรับรู้วันที่ชายหนุ่มจะออกเดินทางอย่างเซ็ง ๆ

“กะจะแวะไปที่บ้านคุณป้าสักหน่อย แล้วพอสะสางเรื่องงานเสร็จก็กลับแล้วครับผม”

หลังจากได้คุยกับแพทริคเพียงไม่กี่วัน ราชาวดีก็ได้ทราบกำหนดการเดินทางไปญี่ปุ่นของบิดาในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ชายหนุ่มต้องเดินทางไปแอริโซนาพอดี แผนการบางอย่างจึงผุดขึ้นมาในความคิด และเป็นเพราะแผนการนั้นเองทำให้เธอแอบมานั่งมองชายหนุ่มคนดังกล่าวอยู่ในตอนนี้

‘ถ้าไม่ยอมให้ไปด้วยดี ๆ แบบนั้นก็คงต้องแอบตามไปด้วยนั่นล่ะ’

ราชาวดีหลอกถามวันและเวลาการเดินทางที่แน่นอนจากชาย และแอบไปซื้อตั๋วเครื่องบินในเที่ยวบินเดียวกันเอาไว้ จากนั้นเมื่อถึงวันเดินทางเธอจึงแอบสะกดรอยตามเขามา และในขณะที่กำลังแอบสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ นั้น ชายหนุ่มร่างสูงที่คุ้นตาก็ลุกขึ้นและเดินออกจากร้านไปเพียงคนเดียว

“จะไปไหนของเขานะ” หญิงสาววางเงินค่าเครื่องดื่มเอาไว้ที่โต๊ะ แล้วคว้ากระเป๋าใบและเดินตามชายออกไป

หลังจากที่แอบเดินลัดเลาะตามชายออกมาห่าง ๆ เพียงไม่นานชายหนุ่มก็เดินหายไปจากสายตา ราชาวดียืนคว้างอย่างที่ไม่รู้ว่าจะเลือกเดินตามไปทางไหนดี แล้วทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีมือหนาใหญ่เอื้อมเข้ามาปิดปากเธอจากทางด้านหลัง และดึงเธอเข้ามุมให้พ้นจากสายตาคน หญิงสาวตกใจแทบสิ้นสติ เธอต่อสู้ดิ้นรน พยายามจะขัดขืนจากการเกาะกุมนั้น พยายามจะร้องตะโกนอย่างสุดเสียง แต่มือใหญ่ที่ปิดปากอยู่นั้นทำให้ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาได้ แต่เมื่อเธอมองเห็นใบหน้าของคนที่กำลังจับเธอเอาไว้อย่างเต็มตา หญิงสาวจึงหยุดดิ้นทันที

“ราเชล...คุณตามผมมาทำไม” แพทริคถามเสียงเครียดหลังจากที่ลดมือลงและปล่อยราชาวดีให้เป็นอิสระ แต่ก็ยังยืนขวางเธอเอาไว้ในซอกลับตา และใช้ตัวเองบังไม่ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นได้

“เออ!...ฉัน” ราชาวดีอึกอักไปเล็กน้อยอย่างพยายามจะหาคำตอบที่ฟังขึ้นมากที่สุด

“ใครบอกว่าฉันตามคุณมาคะ ฉันกำลังจะไปเที่ยวกับเพื่อน บังเอิญจังเลยนะค่ะ” พูดไปแล้วก็แอบกังวลว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ แต่สมองก็คิดเหตุผลที่ดีออกมาได้เพียงแค่นี้เท่านั้น

“ราเชล !” นั่นล่ะ เขาไม่เชื่อจริง ๆ เพราะเขาเรียกเธอเสียงดุอย่างรู้ทัน

“ก็ได้ค่ะ ฉันตามคุณมา พอใจรึยัง ฉันอยากไปด้วย ให้ฉันไปด้วยนะคะ” ราชาวดีออดอ้อน พยายามจะเขย่าแขนของชายเบา ๆ ในเมื่อหลอกไม่ได้ผล ถ้าแบบนั้นก็คงต้องยอมรับความจริง

“ผมไปทำงานนะครับ แล้วคุณหนีมาแบบนี้พ่อคุณไม่ต้องให้คนออกตามหาวุ่นวายเหรอครับ”

“คุณพ่อไม่อยู่ ไปญี่ปุ่นกับลูกน้องที่ชื่ออลันค่ะ กว่าจะกลับก็อีกตั้งหลายวัน น่าจะหลังจากที่คุณกลับมาถึงแล้วโน่นแหละ แล้วฉันก็บอกป้าเฮเลนไปแล้วว่าฉันจะไปค้างบ้านเพื่อนสนิท แพทริคให้ฉันไปด้วยนะคะ”

“ไม่ได้ราเชล คุณต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

“แพท!!!”

“ราเชล คุณไม่กลัวเหรอ ถ้ามีใครที่รู้จักคุณมาเห็นผมกับคุณเข้าแล้วเราจะทำยังไง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel