14 อยากจะลืม..
สภาพรถติดแออัดทอดตัวยาวอยู่บนถนนเบื้องหน้าสร้างความหงุดหงิดให้หญิงสาวไม่น้อย ขณะเดียวกันในใจของเธอกลับคิดถึงชายร่างสูงอีกคน วันนี้เป็นเวลากลางวันซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องมาคอยติดตามเธอ ส่วนเธอนั้นก็เบื่อไม่อยากให้คนของบิดามาตามคอยดูแลเธอแทนเขา เธอจึงเลือกที่จะออกมาเองคนเดียวในวันนี้
‘ถึงยังไงวันนี้ก็คงไม่ออกไปไหนข้างนอกตอนกลางคืนอยู่แล้วล่ะ’ ราชาวดีคิดในใจ และแล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์
“ว่าไงยัยเจสซี่” ราชาวดีกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“แหม เสียงขุ่นเชียวคุณหนูราเชล” เสียงปลายสายหยอกอย่างอารมณ์ดี
“ว่าจะชวนไปกระจายรายได้สู่ระบบเศรษฐกิจซะหน่อย สนใจรึป่าว พักหลัง ๆ เจ้าแม่ปาร์ตีหายหน้าหายตาไปเลยนะ ออกมาเจอกันหน่อยสิราเชล คิดถึงน่ะ” หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่อย่างใช้ความคิด มันก็จริงนั่นล่ะ ตั้งแต่เธอได้รู้ว่านายแพทริค จริง ๆ แล้วคือใคร เธอก็เลิกเที่ยวกลางคืนไปโดยปริยาย เพราะความเหงา ความว้าเหว่ที่ทำให้ต้องออกไปไขว้คว้าหาความสุขชั่วคราวจากแสงสีนอกบ้านมันก็ไม่จำเป็นสำหรับเธออีกแล้ว
“ก็ได้ แล้วอยู่ไหนล่ะเนี่ย” ราชาวดีถาม
“ซีแอตเทิล” และเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเริ่มหงุดหงิดเล็ก ๆ จากคนปลายสาย คนตอบเลยตัดสินใจเลิกเล่น ด้วยกลัวเพื่อนสาวจะเปลี่ยนใจไม่ไปเอาได้
“อยู่บ้านสิคะ แล้วราเชลอยู่ไหนล่ะ”
“งั้นเจสซี่รออยู่ที่บ้านนะ เดี๋ยวเราแวะไป ตอนนี้อยู่ข้างนอกแล้ว” ราชาวดีวางหูโทรศัพท์แล้วตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายการเดินทางทันที และเมื่อเดินทางไปถึงบ้านของเจทสิกาในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา เพื่อนสาวคนสนิทก็เสนอให้ใช้รถของเธอขับไปแทนรถสปอร์ตคันโปรดคู่ใจของราชาวดีแทน ด้วยเหตุผลว่า
“รถจิ๋ว ๆ น่ะ ซื้อของนิดหน่อยก็เต็มรถแล้ว เอาคันใหญ่ ๆ ไปดีกว่า” และหลังจากเดินทางออกจากบ้านเจทสิกา หญิงสาวทั้งคู่ก็จำต้องมานั่งติดแหง๊กอยู่บนถนนอีกรอบ
“น่าเบื่อจริง ๆ รถติดเนี่ย” ราชาวดีพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
“แล้วนี่ตกลงจะชวนมาชอปปิงหรือจริง ๆ อยากได้คนขับรถให้กันแน่เนี่ย” พาลลงเอากับเพื่อนสาวซะแบบนั้น หลังจากเห็นเจ้าตัวยังนั่งแต่งหน้าแต่งตาไม่เลิก
“นี่คุณหนูราเชล สรุปว่าหงุดหงิดอะไรเนี่ย คนอุตส่าห์คิดถึงเลยโทร. ชวนออกมา เห็นว่าไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาเลยหลัง ๆ เนี่ย สรุปว่าหายไปไหนมา”
“เปล่านี่ เบื่อ ๆ เลยอยู่บ้าน” ราชาวดีตอบเลี่ยง ๆ ทำเอาคนที่นั่งข้าง ๆ ชะงักแล้วหันมาหรี่ตามองอย่างสงสัย
“คุณหนูราเชลเนี่ยนะ เบื่อ ๆ เลยอยู่บ้าน เอ๊ะ หรือเธอกำลังกิ๊กกั๊กกะหนุ่มคนไหน บอกมาเลยนะ”
“ไร้สาระน่า พูดอะไรน่ะ” ราชาวดีบ่นเบา ๆ
“ก็ไม่รู้สิ คนก่อนที่เธอสะบัดทิ้งไปน่ะ เมื่อไหร่นะ สองเดือนก่อนรึเปล่า นึกว่าจะมีหนุ่มใหม่ แหม...แต่เสียดายตาคนนั้นจัง ชื่ออะไรนะ เวย์รึป่าว หรือสตีฟ แต่เขาก็ดีนะ เงียบ ๆ สุภาพ แถมใจป้ำอีกต่างหาก บ้านรวยนี่ใช่มั้ย” เจทสิกาเจื้อยแจ้ว
“ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย”
“ถามจริงเหอะราเชล กี่คนกี่คนก็เห็นพูดแบบนี้ คนนั้นก็ไม่ได้คิด คิดนี้ก็ไม่ได้คิด แล้วเป็นไง ผู้ชายหนีหายกันหมด ทั้งดี ทั้งเก่ง ทั้งรวย บางคนขี้เอาใจยังแพ้เธอไปเลย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่อังกฤษแล้วนะ เล่นตัวมากขึ้นคานไม่รู้นะจะบอกให้ สรุปว่าสเปกผู้ชายของเธอเนี่ยมันยังไงกัน”
“ก็ไม่ยังไง ขอแค่เป็นคนดี รักฉันก็พอ” แล้วหัวใจก็กลับนึกถึงใครบางคนขึ้นมาอย่างประหลาด
“แล้วไอ้ที่ผ่านมาทั้งหมดนี่เลวสุดขั้วกันทุกคนเลยรึไง ฉันก็เห็นดี ๆ กันทุกคน บางคนดีเกินไปด้วยซ้ำ ฉันล่ะสงสารเวลาเห็นเธอตัดสัมพันธ์กับพวกที่ไม่ได้มาตรฐานของเธอแต่ละคนจริง ๆ พิลึกคนจริง ๆ” พูดได้แค่นั้น สายตาก็เหลือบไปมองกระจกมองหลัง และแล้วก็บังเอิญไปเจอกับใครคนหนึ่งที่อยู่บนรถคันข้างหลังเข้า และเมื่อมองให้ชัด ๆ ร่างบางก็อึ้งไปทันที ร่างกายรู้สึกชาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ รู้สึกราวกับว่าเหมือนตรงกลางตัวจะมีช่องว่างขนาดใหญ่ เพราะมันให้ความรู้สึกโหวง ๆ อย่างประหลาด ไหนเขาบอกว่าเขาจะไปทำธุระไง นี่น่ะเหรอธุระที่เขาว่า
ภาพชายหนุ่มที่คุ้นตาขับรถคันที่อยู่ด้านหลังของเธอ นั่งเคียงข้างอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวแต่งหน้าดูจัดจ้าน ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ก็ตาม แต่ภาพหญิงสาวคนข้าง ๆ ที่กำลังเอียงหน้าเอียงตาพูดคุย หัวเราะอย่างมีความสุขและพยายามจะเอนตัวไปใกล้ ๆ กับเขากลับบอกเล่าเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ราชาวดีรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่เอ่อรื้นขึ้นมาบริเวณหัวตา แต่ก็พยายามระงับเอาไว้ด้วยกลัวเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้างจะสังเกตได้
“ราเชล รถข้างหน้าเค้าขยับกันแล้ว” เพื่อนสาวข้างตัวเอ่ยเตือนหลังจากที่จู่ ๆ ราชาวดีก็นิ่งเงียบไป และหลังจากที่รถไหลตัวไปได้สักครู่ รถคันข้างหลังก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเลนแล้วเลี้ยวเข้าไปยังโรงแรมม่านรูดข้างทาง
“โอ๊ย ! จู่ ๆ ก็เบรกทำไมเนี่ยราเชล เดี๋ยวก็โดนชนท้ายหรอก” เพื่อนสาวโวยวายขึ้น ใช้มือดันคอนโซลหน้ารถด้วยความตกใจเพราะแรงเบรก แต่เมื่อหันหน้ามายังคนขับก็ยิ่งตกใจหนักเข้าไปอีก เพราะราชาวดีนั่งกุมพวงมาลัยแน่น ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ แต่กลับมีน้ำตาไหลออกมาอาบแก้มทั้งสอง
“ราเชล เป็นอะไรรึเปล่า”
“นั่งสิ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาดีพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้อง หญิงสาวที่มาด้วยกันเดินตามมา และสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง แต่แล้วเขากลับแกะมือนั้นออก และเบี่ยงตัวเดินไปอีกมุมหนึ่งของห้อง
“นั่งลงก่อน” เขายังย้ำเช่นเดิม
“แหม เย็นชาจังเลย แต่ก็น่ารักดี” หญิงสาวพูดขึ้น พลางนั่งกระแทกตัวลงบนเตียงใหญ่กลางห้อง และนั่งไขว้ขากันด้วยท่าทางที่พยายามจะยั่วยวนอีกฝ่าย
“เริ่มกันเลยมั้ยล่ะ” เธอถาม
“ผมมีเรื่องอยากถามอะไรหน่อย คุณบอกว่าคุณรู้เรื่องที่มาของพวกผู้หญิงที่ทำงานที่ลาเดอร์ฟรองค์ให้กับนายแฟรงค์ใช่มั้ย”
“ก็ใช่ แล้วทำไม”
“งั้นช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ ก็ส่วนมากก็มากันจากต่างประเทศนั่นแหละแถบเอเชียเยอะมาก”
“แล้วพวกเขาเต็มใจมากันรึเปล่า”
“จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ บ้างก็ถูกหลอกมาขาย บ้างก็สมัครใจ จะให้ทำยังไงได้” พูดจบหญิงสาวตรงหน้าก็หยิบบุหรี่ในกระเป๋าถือใบเล็กออกมาจุดสูบอัดควันเข้าปอดอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
“แล้วทั้งหมดที่มามีประเทศไทยด้วยมั้ย”
