13 แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม
เขาเลือกที่จะปกปิดมันเอาไว้จนความจริงมันปรากฏออกมาหมดแล้วในตอนนี้ ดังนั้นมันจะเป็นอะไรไปได้ นอกจากว่าที่เขาไม่บอกเพราะเขาไม่อยากบอก ที่เขาทำไปทั้งหมดเพราะต้องการแฝงตัวเข้ามาสืบความลับ เป้าหมายหลักก็คงจะเป็นคุณพ่อต่างหาก เขาคงแค่ต้องการจะเข้ามาสืบเรื่องของพ่อ งานของพ่อ
เธอรู้ดีว่างานของบิดากับตำรวจ พวกเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันขนาดไหน แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าผู้ที่ให้กำเนิดเธอนั้นทำงานที่ไม่ได้ใสสะอาดเท่าไหร่นัก และที่ชายหนุ่มแฝงตัวเข้ามาคงเพราะเหตุนี้นั่นเอง เธอมันบ้า บ้าไปเองที่หลงเชื่อเขาคงไม่เคยเห็นค่ามันเลยแม้แต่น้อย เธอมันโง่ โง่ที่หลงเชื่อคำว่ารักของเขา โง่ที่ดันไปแอบรักเขา แต่สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่เขาหลอกใช้ เพื่อที่จะก้าวข้ามไปให้ถึงเป้าหมาย เพื่องานของเขาเท่านั้น
ทุก ๆ อย่างที่ผ่านมา มันก็เป็นเพียงแค่คำโกหก นิทานหลอกเด็กอย่างเธอเท่านั้นเอง เขามันก็แค่คนหลอกลวง ที่พูดว่ารักเธอ ทั้ง ๆ ที่เขาคงไม่เห็นค่าคำพูดนั้นเลยแม้แต่น้อย ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ความจริงอย่างนี้ แต่หัวใจที่แหลกสลายไปกับความจริงที่รับรู้ มันก็ยังตะโกนอยู่ภายในอกว่า มันรักคนโกหกคนนี้เหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่เธอสมควรจะเกลียดเขาให้สมกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ แต่เธอกลับยังรักเขา เกลียดตัวเองนักที่อ่อนแอเช่นนี้
ราชาวดีค่อย ๆ ยกมือบางขึ้นมา และใช้นิ้วเรียวงามปาดน้ำตาช้า ๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืนในเวลาเดียวกัน
“ราเชลฟังผมก่อน” ชายเดินเข้ามาคว้าแขนราชาวดีเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินหนีไป
“ปล่อย” แต่เมื่อเขายังคงดึงดันอยู่อย่างนั้น
“บอกให้ปล่อย” ราชาวดีตวาดเขาเสียงดัง พร้อมกับจ้องหน้าเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า เธอก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้ และไม่เคยมองเขาด้วยแววตาแบบนี้สักครั้ง ความน้อยใจและความเสียใจกับสิ่งที่ได้รับรู้และสัมผัสมันได้อยู่ในตอนนี้ทำให้เขาเจ็บปวดไม่น้อย แต่มันคงจะน้อยกว่าความเจ็บปวดในใจของหญิงสาวในตอนนี้มากนัก ความรักของเธอและเขามันเป็นไปไม่ได้ บิดาเธอคงไม่ยอมรับให้ทั้งสองรักกันเป็นแน่หากรู้ความจริง
ก่อนที่จะคิดอะไรไปได้มากกว่านั้น ร่างบางที่เขายึดเอาไว้อยู่ในตอนนี้ก็สะบัดหลุดออกจากการเกาะกุม และก้าวเท้าเดินลงจากบ้านไปแล้ว
“ราเชล ฟังผมก่อนราเชล ให้ผมได้อธิบายก่อนได้มั้ย” ชายหนุ่มวิ่งตามหญิงสาวลงมาจากบนบ้าน ในขณะที่เธอเดินจ้ำอ้าวเพื่อตรงไปยังรถของตัวเอง ชายคว้าแขนของราชาวดีเอาไว้ได้
“อธิบายเหรอ ยังต้องอธิบายอะไรอีกคะ ที่ผ่านมาฉันฟังคำโกหกหลอกลวงมามากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรอีกแล้ว พอได้แล้ว”
“ไม่นะราเชล ผมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ มันไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจ”
“แล้วราเชลควรจะเข้าใจอะไรอีกคะ”
“ใช่ ผมยอมรับว่าผมปิดบังเรื่องที่ผมเป็นตำรวจ ผมยอมรับว่าที่ผมเข้ามาเป็นบอดี้การ์ดคุณเพื่อมาสืบคดี แต่นอกจากเรื่องงานแล้ว ทุกอย่างผมไม่เคยโกหกคุณเลย..ราเชล เรื่องของคุณมันคนละเรื่องกัน ความรู้สึกที่ผมมีให้กับคุณมันคือความจริง ราเชลคือคนที่สำคัญที่สุดของผม...ที่รัก”
“พอได้แล้ว หยุดพูดได้แล้ว” ราชาวดีตะโกนขึ้นอย่างร้าวรานพร้อมกับกระชากตัวออกจากชายหนุ่มอย่างสุดแรง ยิ่งฟังเขาพูดเธอก็ยิ่งเจ็บ
“ที่ผ่านมาคุณคงสนุกมากสินะ ที่ปั่นหัวฉันได้สำเร็จ สำหรับคุณฉันมันก็เป็นแค่ผู้หญิงหน้าโง่คนหนึ่งเท่านั้น เลิกเอาความรู้สึกของฉันมาล้อเล่นได้แล้ว ฉันจะไม่ยอมโง่อีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเสแสร้งอธิบายความรู้สึกอะไรทั้งนั้น เพราะทุกอย่างมันไม่มีความหมายกับคุณเลยสักนิด เลิกพูดจาแบบนั้นกับฉันได้แล้ว ไม่ต้องมาเล่นละครตบตาฉันอีกแล้ว!!!!” ราชาวดีพรั่งพรูความรู้สึกออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด เธอสะอื้นไห้จนตัวโยนอย่างน่าสงสาร
“คุณมันคนหลอกลวง!” และเมื่อมันถึงขีดสุด คำพูดที่หลุดออกมานั้นก็ทำร้ายทั้งคนพูดและคนฟังให้เจ็บปวดไม่แพ้กัน สำหรับชายหนุ่ม เขาเจ็บปวดที่เห็นคนที่เขารักต้องมาเจ็บปวดเพราะเขา แต่สำหรับหญิงสาว เธอยิ่งเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่เธอรักทำท่าเจ็บปวดไปกับเธอด้วย ถ้าเขายอมรับมาตามตรงว่าที่ผ่านมาเขาโกหก และเขาไม่เคยเห็นค่าของเธอเลย ถ้าโดนเขาทำร้ายมาตรง ๆ บางทีเธออาจจะไม่เจ็บปวดขนาดนี้ก็เป็นได้ แต่ยิ่งเห็นเขาทำท่า
สงสารเธอแบบนี้ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ ทำไมความรักมันช่างเจ็บปวดเช่นนี้ ความรักระหว่างเขาและเธอมันเกิดขึ้นและจบลงได้อย่างรวดเร็วมาก เพิ่งจะเริ่มรักกันแท้ ๆ ก็ต้องมายุติลงเพียงเท่านั้น
ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความทุกข์ทรมานของตนอยู่นั้น ราชาวดีก็หันหลังเดินขึ้นรถของตัวเองและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“ราเชล อย่าเพิ่งไป”
แพทริคได้แต่ยืนนิ่งไปกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ภาพของเธอยังคงติดอยู่ในความรู้สึก หัวใจของเขาอยากจะตามเธอไปใจแทบขาด แต่หน้าที่และความรับผิดชอบอันหนักอึ้งเป็นสิ่งที่ตรึงเขาให้ยืนอยู่จนไม่สามารถจะขยับตามเธอไปได้อย่างที่ใจคิด แม้จะมีหัวใจรักที่ยิ่งใหญ่สักขนาดไหน แต่หน้าที่จำต้องมาเหนือสิ่งอื่นใดเสมอ
แพทริคกำหมัดแน่น ขบสันกรามตัวเองจนเป็นสันนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขาหันไปชกต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ กันราวกับต้องการจะถ่ายเทและระบายความเจ็บปวดที่มีอยู่ในใจในตอนนี้ให้มันบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง แรงกระแทกทำให้ข้อนิ้วแตกในทันที และมีเลือดไหลซึมตามออกมา ถึงกระนั้นเขายังคงกดหมัดตัวเองค้างไว้กับต้นไม้อยู่แบบนั้น แขนแกร่งเกร็งแน่นราวกับต้องการจะตอกย้ำความเจ็บปวดที่ได้รับให้เพิ่มมากขึ้น แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับทางกาย กลับไม่ได้เศษเสี้ยวของความเจ็บปวดในใจเลยแม้แต่น้อย ยิ่งคิดว่าราชาวดีจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ใจของเขาก็แทบทนไม่ได้ ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่รักจนหมดหัวใจ แต่ทำไมต้องเป็นเขาที่ทำร้ายความรู้สึกของเธอด้วย
“โธ่โว้ย!!.”
