12 ความจริงที่แสนเจ็บปวด
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะแสงที่แยงตา ราชาวดีค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงสีทองส่องทักทายกับการเริ่มต้นวันใหม่อีกครั้ง
‘เช้าแล้วเหรอเนี่ย’ หญิงสาวคิด เธอหันไปมองรอบ ๆ ห้องก่อนจะค่อย ๆ ใช้มือบางลูบใบหน้าเพื่อไล่ความง่วงงุน มือบางค่อย ๆ เลื่อนไปเสยผมยาวสลวยให้เข้าที่รวมกันไปทางด้านหลัง
ราชาวดีค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องนอนช้า ๆ บ้านดูเงียบผิดปกติ สงสัยเขาจะยังไม่กลับแน่ ๆ มัวแต่ไปทำอะไรของเขากันนะ หญิงสาวถอนหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เธอคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นมาถือไว้ ยังไงวันนี้ก็ตื่นเช้าแล้ว งั้นอาบน้ำเลยดีกว่า พอเขากลับมาอย่างน้อยก็ไม่ต้องมารอเธอแต่งตัว
อาบน้ำเสร็จราชาวดีเดินออกมาจากห้องนอน มือข้างหนึ่งที่ถือหวี ค่อย ๆ หวีช้า ๆ ไปบนเรือนผมของตัวเองอย่างไม่เร่งรีบ บ้านยังคงเงียบวังเวงอยู่เช่นเดิม และขณะที่เธอกำลังเดินไปเรื่อย ๆ และคิดถึงชายหนุ่มที่ไม่รู้อยู่ที่ไหนในตอนนี้ จู่ ๆ หวีในมือก็หล่นลงบนพื้น หญิงสาวค่อย ๆ ก้มลงไปเพื่อที่จะเก็บหวี แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นลิ้นชักชั้นล่างสุดของตู้สีดำที่ตั้งอยู่หน้าห้องเปิดเผยออยู่เล็กน้อย ด้วยความหวังดีหรืออะไรก็แล้วแต่ เธอใช้มือพยายามจะดันลิ้นชักนั้นให้เข้าที่ แต่ราวกับว่าลิ้นชักเล็ก ๆ นั้นเก็บของเอาไว้จนล้นจึงทำให้ไม่สามารถปิดลงได้สนิท เพียงชั่วความคิด เธอค่อย ๆ ดึงลิ้นชักเล็ก ๆ ออกมาเพื่อสำรวจของที่อยู่ภายใน
‘อัลบั้มรูป’ นั่นเอง สาเหตุที่ทำให้ลิ้นชักไม่สามารถปิดลงได้ ราชาวดีค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ ภายในลิ้นชักมีอัลบั้มรูปอัดกันอยู่หลายอัลบั้มเลยทีเดียว และเมื่อค่อย ๆ เปิดไล่ดูไปทีละรูปอย่างช้า ๆ ภาพเด็กชายรูปร่างผอมเกร็ง ตัวสูงเก้งก้างยิ้มตอบกลับมาอย่างร่าเริงเรียงกันอยู่ จึงทำให้เธออดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ไหนบอกไม่มีรูปยังไงกัน สงสัยว่าชายหนุ่มคงจะอาย เลยไม่อยากให้เธอเห็นรูปตอนเป็นเด็ก ๆ แน่ ๆ
หญิงสาวเปิดไล่ดูรูปไปเรื่อย ๆ ภาพความทรงจำครั้งเก่าที่ถูกนำเสนอออกมาทางรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือ ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปหาอดีตของคนในรูปก็ไม่ปาน อัลบั้มภาพเล่มแล้วเล่มเล่าค่อย ๆ ถูกหยิบขึ้นมาจากลิ้นชักเล็ก ๆ อย่างช้า ๆ และแล้วเมื่อมือพลิกหน้าอัลบั้มในมือไปจบลงยังหน้าหนึ่งของอัลบั้มรูป ภาพที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าทำให้หญิงสาวชาราวกับถูกสะกด เธอรู้สึกราวกับถูกก้อนหินที่มองไม่เห็นทุบลงมาอย่างรุนแรงที่ศีรษะ ภายในอกรู้สึกเหมือนกับถูกใครบางคนกระชากหัวใจออกจากตัวมาอย่างรวดเร็ว มันไม่เจ็บ แต่มันปวดและทำให้ชาไปทั้งร่าง มือบางสั่นน้อย ๆ เมื่อเอื้อมไปหยิบรูปใบใหญ่ที่ถูกใส่กรอบเอาไว้เป็นอย่างดี และวางอยู่ข้างใต้อัลบั้มรูปในลิ้นชักเล็ก ๆ นั่นขึ้นมาดู
‘ไม่จริง เธอกำลังเข้าใจผิด’
ชายหนุ่มก้าวเท้าขึ้นบันไดมาบนบ้านอย่างรวดเร็ว ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ และจังหวะการเดินนั้น ทำให้บ้านไม้สนเกิดเสียงดังลั่นแสดงถึงการมาของเขาได้เป็นอย่างดี แต่หญิงสาวตรงหน้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกไม้บนบ้านในขณะนี้หาได้หันมามองเขาไม่ เธอนั่งนิ่งประหนึ่งเป็นรูปปั้นชิ้นงามราวกับไม่รับรู้ถึงการมาของเขาเลยก็ว่าได้
“ราเชล คุณตื่นแล้วเหรอ ผมออกไปหาซื้อข้าวเช้ามาให้ คุณหิวมั้ย มากินก่อนดีกว่า” แพทริคเอ่ยทักขึ้นอย่างร่าเริง ละเอาไว้ในใจคนเดียวว่าจริง ๆ แล้วเช้านี้เขาตื่นสายกว่าปกติ เพราะเมื่อคืนการได้นอนกอดหญิงสาวที่นั่งตรงหน้าเขาอยู่ในขณะนี้มันช่างแสนสบายและมีความสุขเสียจนทำให้เขาไม่อยากที่จะตื่นเลยด้วยซ้ำ แต่แล้วเขาก็แปลกใจไม่น้อยที่เธอกลับใช้ความเงียบแทนคำตอบที่น่าจะมีให้กับเขา
“ราเชลมีอะไร...” คำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมาถูกกลืนลงไปในคอทันที เมื่อชายหนุ่มก้าวเดินเข้าไปหาราชาวดีแล้วพบอัลบั้มรูปมากมายวางอยู่บนโต๊ะรับแขกเบื้องหน้า อัลบั้มรูปเล่มหนึ่งวางเปิดอยู่ เขามองเห็นรูปของเด็กหนุ่มที่คุ้นตา ยืนยิ้มอย่างร่าเริงและมีความสุข ใส่ชุดเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ รายล้อมด้วยเพื่อน ๆ มากมายรอบตัวที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันงานรับเหรียญกล้าหาญจากกรมตำรวจแอลเอ
“ฉันอยากจะฟังคำตอบจากปากของคุณ”
“คุณบอกราเชลมาสิคะว่าราเชลกำลังเข้าใจคุณผิด” หญิงสาวเอ่ยขึ้น หลังจากดันรูปใบใหญ่ที่เธอกอดอยู่ออกมาและวางมันลงไปบนโต๊ะรวมกับอัลบั้มรูปต่าง ๆ รูปชายหนุ่มผิวสีแทน หน้าตาคมเข้ม ใส่ชุดตำรวจเต็มยศมองตอบกลับมาจากในรูปอย่างดุดัน
“มันไม่จริงใช่มั้ยคะ ได้โปรดตอบราเชลมาว่ามันไม่จริง”
“ราเชล” แพทริคเรียกเธออย่างแผ่วเบา เจ็บปวดอย่างที่สุดเมื่อรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของหญิงสาวตรงหน้า
“บอกราเชลสิคะว่าคุณไม่ใช่ตำรวจ ตอบราเชลมา” และเมื่อได้พูดมันออกไปแล้ว คำถามต่าง ๆ ที่เธออยากได้ยินคำตอบจากชายหนุ่มในขณะนี้ก็ระเบิดออกมาอย่างไม่สามารถระงับมันเอาไว้ได้อีกต่อไป ข้อแก้ตัวต่าง ๆ ที่เธอสรรหามาเพื่อใช้ปลอบใจตัวเองจากความจริงที่เธอเพิ่งได้พบเจออย่างบังเอิญตรงหน้า คือสิ่งที่เธออยากได้ยินจากปากเขามากที่สุด
“บอกราเชลสิคะ ว่าราเชลกำลังเข้าใจผิด มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ราชาวดีเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา และชายรู้ดีว่าขณะนี้เธอเจ็บปวดและร้าวรานมากเพียงใด
“ราเชล” มันยากเย็นเหลือเกินที่จะตอบคำถามของราชาวดีในขณะนี้ ชายหลับตาลงเล็กน้อยเรียกความพยายามทั้งหมดที่มีก่อนจะเอ่ยอย่างช้า ๆ
“ใช่ ผมเป็นตำรวจ...” และคำตอบที่ได้รับ ก็เปรียบเสมือนการดึงเชือกแห่งความหวังเส้นบาง ๆ ที่ยังเหลืออยู่ในใจของราชาวดีให้ขาดสะบั้นลงในทันที น้ำตาใส ๆ ไหลรินออกมาจากสองตาคู่งามอย่างไม่รอช้า ร่างบางยังคงนั่งนิ่ง เธอไม่ได้สะอื้นไห้ ไหล่บางไม่ได้สั่นไหว แต่น้ำตาก็ยังคงไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
‘เป็นตำรวจ’ ราวกับว่าคำพูดนี้จะดังก้องอยู่ในหูของเธอซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ตอกย้ำความเจ็บปวดให้ยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีก ทั้ง ๆ ที่ยังคงเป็นตำรวจ แต่การเข้ามาเป็นบอดี้การ์ดให้กับคุณพ่อมันจะหมายความไปได้อย่างไรอีก จะให้เธอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาแอบเข้ามาทำงาน ปกปิดฐานะที่แท้จริงของตัวเองเพียงเพื่อต้องการจะมาสืบเรื่องของบิดาเธอ แม้จะเจ็บปวด แต่ใจไม่รักดีกลับอยากจะเชื่อเหลือเกินว่าเขาทำไปทั้งหมดเพราะเหตุผลนี้
