ตอนที่ 5
“ถึงผมจะจน..แต่ผมก็ไม่ใช่ขอทาน”
นั่นสิ..นี่เราว่าเขาดูถูกสูตรก๋วยเตี๋ยวของเหล่ากง แต่ ตอนนี้ที่ฉันทำก็เหมือนว่าดูถูกเขาอยู่เหมือนกัน..
“โอเค..งั้นรอเดี๋ยวนะ..”
หลังจากที่เขาทำอย่างนั้น ฉันก็พูดออกมาพร้อมกับหยิบมือถือและกดโทรหา..น้องชายของฉันทันที..
“ฮัลโหล..เจ พาป๊าม๊ากลับก่อนเลย..เดี๋ยวเจ๊กลับเอง..”
“[ฮะ เกิดอะไรขึ้น! ใครทำอะไรเจ๊..เดี๋ยวผมไปหา..]”
“ไม่ต้องๆ ไม่มีอะไร..เจ๊ไม่ได้มีปัญหากับใครทั้งนั้น”
“[อ่าว..แล้วทำไมเจ๊ไม่กลับด้วยกัน]”
“เดี๋ยวกลับไป เจ๊ค่อยไปเล่าให้ฟัง..ฝากดูแลป๊าม๊าด้วย..อย่าลืมเอายาให้ป๊ากินด้วยนะ..”
“[เคๆ แต่ถ้าเจ๊มีเรื่องอะไร รีบโทรบอกผมเลยนะ]”
“เออๆ..”
กรึก..
และทันทีที่ฉันวางสายกับน้องชายของฉันเสร็จ ฉันก็หันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะกวักมือ เพื่อบ่งบอกให้เขาเดินตามฉันมา...แม้ว่าเขาจะทำหน้างุนงงเล็กน้อย แต่เขาก็เดินตามฉันมาแต่โดยดี ตามมายังร้านข้าวมันไก่เจ้าเด็ดแถวนี้..และเมื่อถึงร้าน ฉันก็หันไปถามผู้ชายตัวโตข้างๆทันที
“นอกจากถั่วงอกมีแพ้อะไรอีกมั้ย”
“ไม่มี..”
หลังจากที่เขาตอบแบบนั้น ฉันก็พยักหน้า และเดินไปสั่งอาหารกับคุณลุง ก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะอาหารภายในร้าน ที่ฉันเลือกทำเลที่เหมาะกับสิ่งที่ฉันต้องการ และพูดบอกเขาออกไปอย่างตั้งใจที่ไม่ได้คิดจะดูถูก..
“มื้อนี้ถือว่าฉันเลี้ยงขอโทษที่คราวที่แล้วคิดราคาขูดเลือดขูดเนื้อนายไปแบบนั้นแล้วกันนะ..อ้อ..แล้ว นี่ ฉันไม่ได้มองว่านายเป็นขอทานนะ..เพราะฉันไม่ได้ให้เงิน แต่นี่มันคือน้ำใจไมตรีของเพื่อนร่วมโลก..ที่พึงกระทำต่อกันเท่านั้น”
ทันทีที่ฉันพูดแบบนั้น เขาก็เอาแต่มองหน้าฉันนิ่ง ก่อนที่ไม่นานเขาก็ค่อยๆยิ้มและพูดออกมา
“งั้น..ขอเบิ้ลสองจานนะ..หมวย”
บางทีฉันก็เริ่มเหนื่อยใจกับคำว่า ยัยหมวยของเขานะ..
ฉันจะเลิกสงสารเขา ก็เพราะความกวนของเขานี่ล่ะ..
“ไม่ได้! ไมตรีของฉันมีงบจำกัด..”
“หึหึ”
หลังจากที่ฉันพูดแบบนั้น..ฉันก็เอากระเป๋าของฉัน..ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะจัดแจงหยิบของที่มันอยู่ในกระเป๋าของฉันออกมา...อุปกรณ์ล้างหน้า
ปกติฉันไม่มีหรอก..แต่ว่าฉันเพิ่งซื้อมาเมื่อวานแล้วมันยังอยู่ในกระเป๋า เพราะรู้ว่าวันนี้ฉันต้องแต่งหน้าหนาแบบนี้ยังไงล่ะ..
พรึ่บ..
“ทำอะไร?”
“ล้างหน้าไง.. ไม่กลัวเหรอ นั่งกินข้าวกับคนแต่งหน้าหนาเหมือนสัตว์ประหลาดอย่างนี้อะฮะ..”
“ไม่แต่งหน้า หน้าเธอก็เหมือนสัตว์ประหลาดอยู่แล้วนะหมวย..”
หึ๋ยยย มันน่าเลี้ยงข้าวมั้ยเนี่ย!
เอาเถอะ ฉันจิตใจดีงาม..จะปล่อยเขาไปละกัน
นั่นเลยทำให้ฉันมองหน้าค้อนเขาเล็กน้อย พร้อมกับหยิบขวดน้ำใสๆ ที่มันมี..น้ำอะไรบางอย่างที่ราคาแพงแสนแพงออกมาอ่านฉลากวิธีใช้มัน..ก่อนที่แกะพลาสติกหุ้มขวดนั้น แล้วเทน้ำลงไปบนสำลีหนึ่งในแผ่นที่ฉันเอาขึ้นมากองไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็..ยกปาดใบหน้าช้าๆ
พรึ่บ!
“ข้าวมันไก่หนึ่งจานมาแล้วครับ...”
และระหว่างนั้นเอง ข้าวมันไก่ก็มาเสิร์ฟลงบนโต๊ะ พร้อมกับเสียงลุงเจ้าของร้านที่เอ่ยทักฉัน
“เห็นหนูแล้วลุงก็นึกถึงเมีย.. ตอนจีบกันใหม่ๆ ไม่เค้ยไม่เคยให้เห็นหน้าสด แถมยังรักษาภาพพจน์สุดๆ พวกเอ็งคงคบกันมานานแล้วล่ะสิ..ถึงได้มาเช็ดหน้าสดให้แฟนดูได้แบบนี้ ฮ่าๆ แต่ว่านะ.. หนูไม่เหมือนเมียลุงหรอก เพราะ หนูสวยกว่าเยอะ..อืมๆ หล่อสวยสมกันๆ”
“ตาแก่..ทำอะไรอยู่ มาช่วยทางนี้ได้แล้ว ลูกค้ารออยู่!”
“เรื่องที่ลุงพูดอย่าให้เมียลุงได้ยินเชียวนะ.....เออๆ มาแล้วๆ.. $%^$%”
นั่นล่ะ..ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เถียงอะไร ลุงก็พูดแบบนั้นแล้วก็เดินจากไปเลย...ทิ้งให้ฉันถือสำลีที่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเนื้อค้างไว้ พร้อมกับหันไปมองหน้าผู้ชายตรงข้ามนิ่ง..ในขณะที่เขาก็มองหน้าฉันนิ่งเหมือนกัน..จนกระทั่งในที่สุด ฉันก็อดที่จะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆ คุณลุงนี่ตลกเนอะ..คบเคิบอะไร แล้วนายนี่นะแฟนฉัน..ฮ่าๆ ตลกชะมัด”
หลังจากที่ฉันหัวเราะกับคำพูดของลุงก่อนหน้าฉันก็เริ่มหยิบ..น้ำในขวดเทใส่สำลีเช่นเดิม..และก็ปาดลงบนใบหน้าฉันเช่นเดิม..พร้อมกับรอยยิ้มที่ยังนึกขันกับคำพูดของคุณลุงเมื่อครู่.... จนกระทั่งเสียงอีกฝั่งดังออกมา เลยทำให้ฉันชะงักการเช็ดหน้าชั่วคราวของฉันอีกครั้ง..
“นี่หมวย เป็นแฟนกับฉัน มันตลกขนาดนั้นเลย? หรือเพราะว่าฉันจน?”
“จะบ้าเหรอไง จนรวยเกี่ยวอะไร ที่ฉันตลกก็เพราะว่า..เราเพิ่งเจอกันสองครั้งเองมั้ย ..เนี่ย ขนาดชื่อฉัน นายก็ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ เรียกแต่หมวยๆๆ ..ส่วนฉันก็รู้แค่ว่านายชื่อคิน..แค่นี้.. จะให้เป็นแฟนกันได้ไง จริงม่ะ...”
หลังจากที่ฉันพูดอย่างไม่ใส่ใจ ฉันก็จัดการยกสำลีเช็ดใบหน้าฉันต่อ ก่อนที่จะหยิบสำลีแผ่นใหม่ เทน้ำ และปาดลงบนใบหน้าที่หนาเหมือนโดนฉาบปูนแบบเดิมซ้ำๆ...และก็เป็นอีกครั้งที่อยู่ๆคนตรงหน้าก็เอ่ยปากพูดออกมา..
“แล้วทำไมมีจานเดียว..”
“ก็ของนายไง ฉันไม่กิน..ฉันกินข้าวมาแล้ว..”
ฉันพูดไปพร้อมกับเช็ดใบหน้าไปด้วย..บอกเลยแค่ปาดครั้งเดียว สำลีก็เปลี่ยนสีแล้ว ไม่รู้ช่างจะแต่งหน้าให้หนาอะไรเบอร์นี้
และฉันก็รับรู้ว่า..อีกฝ่ายเอาแต่มองจานนั้นนิ่งๆ พร้อมกับมองหน้าฉันตลอดเวลา..
เขาคงเขินสินะที่ต้องกินคนเดียว นั่นเลยทำให้ฉันพูดออกมา
“นายกินไปเถอะ..ฉันไม่มองหรอกหน่าา.. ก็เห็นอยู่ว่าฉันเช็ดหน้าอยู่..ไม่ต้องเขินๆ”
“หึ..”
และฉันก็ทำอย่างที่ว่าจริงๆ นั่นก็คือ หันไปมองกระจกตรงผนังข้างๆ ของร้านแห่งนี้ที่มันติดกับฉัน ทำเลโต๊ะนี้ที่ฉันเล็งไว้แต่แรก และส่องมัน พร้อมกับเช็ดใบหน้าฉันไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้หันไปมองเขาตอนกินข้าวเลยซักนิด.. ก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับเสียงลากจาน..ที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายคงเลื่อนจานไปกินแล้ว
ฝรืดดด..
ส่วนฉันก็ถูไถๆใบหน้าฉันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งได้ยินเขาพูดขึ้นมา
“ผม..ชื่อคิน ปัจจุบันได้ทุนเรียนอยู่ที่มหาลัยPition คณะการโรงแรมและการท่องเที่ยว กำลังจะขึ้นปี 3 มีพี่ชายสองคน พ่อหนึ่ง แม่หนึ่ง สถานะทางการเงินค่อนข้างแย่..แต่ก็ยังมีข้าวกิน..เหมือนวันนี้”
หื้ม..
และคำพูดของเขา..ก็ทำให้ฉันเลิกเช็ดหน้าแล้วหันไปมองหน้าเขาแทน..
“เมื่อกี้บอกเองไม่ใช่เหรอ..ว่ารู้จักแค่ชื่อ..นี่ไงรู้จักมากขึ้นแล้ว..”
อืม..ว่าแต่ เขาเรียนมหาลัยPition เลยเหรอ มหาลัยนั่น ฉันเคยได้ยินมาว่า แพงหู่ฉี่เลยนี่นา ..อ่อ แต่เมื่อกี้เขาก็บอกอยู่นี่นาว่าเขาเป็นเด็กทุน... โชคดีชะมัดเลย ที่ได้ทุน..ได้เรียนในมหาลัยดีๆแบบนั้น ต่างกันกับฉันที่เรียนในมหาลัยรัฐธรรมดาๆ ค่าเทอมน่ารัก..แต่ว่ามหาลัยฉันก็ไม่แย่นะ..เพื่อนๆฉันเก่งกันเพียบ!
แต่แล้วระหว่างที่ฉันกำลังวิเคราะห์เรื่องนี้ เสียงของเขาก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง ที่ทำให้ฉันตอบสวนทันควันไปในทันที
“..อ่ะ ต่อไปตาเธอแนะนำแล้ว..ยัยหมวย..”
“ฉันชื่อเหมยลี่ย่ะ ไม่ใช่ชื่อหมวย..”
“เหมยลี่ หมวย..มันก็เหมือนๆกันนั่นล่ะ..”
“นี่! นายก็หน้าจีนเหมือนกันม่ะ..งั้นฉันเรียกไอ้ตี๋ๆๆ แบบนี้ นายโอเคมั้ยล่ะ ฮะ”
“หึหึ..สรุปว่าไง ตอนนี้หมวยเรียนที่ไหน ชั้นไหน ครอบครัวมีใครบ้าง ”
หึ๋ยย..กวนจริงๆ สรุปจะไม่ยอมเลิกเรียกฉันว่าหมวยใช่มั้ยเนี่ย..
ส่วนเรื่องของฉัน เห็นแก่ว่าอนาคตเขาต้องมาเป็นลูกน้อง แล้วก็คนที่ต้องมารำแก้บนกับฉันหรอกนะ..ฉันจะตอบก็ได้
“ปัจจุบันใช้ทุนพ่อแม่เรียนที่มหาลัยตุฬา อยู่ปีหนึ่ง คณะโภชนาการ มีน้องชายนึงคน พ่อหนึ่งคน แม่หนึ่งคน..ทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขดี ไม่ได้เดือนร้อนอะไร ที่บ้านขายก๋วยเตี๋ยว และลูกค้าส่วนใหญ่ก็น่ารัก ยกเว้นนาย!!..หึ!”
“นายเนยอะไรกัน..หมวยเป็นน้อง ก็ต้องเรียกเฮียว่าเฮียสิ..เฮียคิน..ไหนน้องหมวยลองเรียกสิครับ..เฮียคิน..”
เรื่องกวนให้เขาที่หนึ่งเลยจริงๆ! ถึงแม้ว่าดูแล้วเขาก็น่าจะมีเชื้อจีน แต่ว่า..สำหรับการเรียกชื่อแบบนี้..
“ไว้นายไม่เรียกฉัน ว่าหมวยให้ได้ก่อนเถอะ วันนั้นฉันถึงจะยอมเรียกนายแบบนั้น”
เขาเองยังไม่เรียกชื่อฉันเลย..ทำไมฉันต้องเรียกเขาดีๆด้วย..
และหลังจากที่ฉันพูดแบบนั้น เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง ที่ฉันว่า ชาตินี้ฉันก็ไม่ได้เรียกเขาว่าเฮียหรอก..
“หึหึ..แล้วหมวยอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเฮียอีกมั้ย..”
เอิ่ม..อะไรของเขาล่ะนั่น อยู่ๆก็เรียกตัวเองว่าเฮียเฉย..อย่างนี้ก็ได้เหรอ..
ส่วนฉันก็ได้แต่หน้านิ่งมองเขาพร้อมกับมองบนเล็กน้อย โดยเฉพาะคำพูดถัดไปของเขา
“เช่น สถานะโสดมั้ย ซิงหรือเปล่าอะไรแบบนี้ ไม่อยากรู้เหรอ? หึหึ”
“ไม่อยากรู้.. แล้วก็รีบๆกินได้แล้ว..นี่ฉันกำลังเลี้ยงอาหารคนประเภทไหนอยู่เนี่ย!!”
“หึหึ....อืม แต่ถ้าให้เดาของหมวยนะ..นิสัยแบบนี้ ขี้งกแบบนี้ ไม่ต้องบอก...ไม่มีใครเอา ชัวร์!”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็จัดการเอาอาหารเข้าปากด้วยความกวนในทันที..และมันก็ทำให้ฉันหมั่นไส้..
“นี่! ให้มันน้อยๆหน่อยนะ คนอย่างฉัน ไม่ใช่ไม่มีใครเอา ต้องเรียกว่าฉันไม่เอาใครต่างหากย่ะ!! นี่ไม่อยากจะโม้นะ ขนาดว่าวันก่อน ยังมีคนมาทาบทามฉันให้เป็นลูกสะใภ้คนรวย ฉันยังไม่เอาเลย! หึ!!”
แค่กๆๆ
