บทที่ 2 ความทรงจำ
“ไม่เป็นไรก็ได้ค่ะ ให้คุณพ่อสอนก็ได้ แต่วันนี้พี่กานมีขนมปังเจ้าอร่อยเลยนะ น้องไอริณอยากทานไหมคะ” เด็กหญิงไอริณยิ้มกว้าง พลางพยักหน้าตอบรับ ด้วยเพราะกำลังหิว เด็กหญิงหยิบขนมปังชิ้นน้อยใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจีน่าจะนั่งลงด้านข้างแล้วหันไปหากานติมา
“จะว่าไปน้องไอริณก็น่ารักดีนะ แกว่าไหม”
“อื้ม” เพื่อนสาวพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าคุณอารัณย์ มีภรรยาใหม่ มีลูกใหม่หล่อนว่าสมบัติมากมายพวกนี้จะเป็นปัญหาสำหรับเด็กไหม” เด็กหญิงไอริณหยุดเคี้ยวขนมแล้วนั่งนิ่งฟังบทสนทนาของผู้ใหญ่อย่างเงียบๆ
“มันก็เป็นเรื่องปกติ คุณอารัณย์ยังหนุ่มยังแน่น ไม่แปลกหรอกถ้าจะมีภรรยาและลูกใหม่ ส่วนเด็กจะมีปัญหาภายหลังไหม มันก็ขึ้นอยู่กับคุณอารัณย์ว่าจะจัดการอย่างไร”
“อิ่มแล้วเหรอคะ” จีน่าหันมายังเด็กหญิง สังเกตเห็นว่าเธอไม่ยอมหยิบขนมเข้าปากอีก ได้แต่นั่งนิ่ง
“อิ่มแล้วค่ะ” ไอริณตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่ความรู้สึกภายในพยายามเก็บซ่อนบางอย่างไว้ ทุกครั้งที่มายังบริษัทแห่งนี้ ไอริณมักจะได้ยิน เรื่องการมีภรรยาและลูกใหม่ของคุณพ่อเสมอ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำ ว่าต่อไปภายหน้าคุณพ่ออารัณย์อาจจะไม่รักเธอเหมือนเช่นวันนี้ ดวงตากลมเล็กฉายแววสับสนออกมาเป็นระยะ ๆ เก็บซ่อนความรู้สึกมากมายเอาไว้ภายใน ความหิวโหยเมื่อครู่หายวับไปในพริบตา
“น้องไอริณอยู่บ้านกับใครคะ” เสียงพี่กานถามด้วยน้ำคำอ่อนหวาน ก่อนที่เด็กหญิงจะตอบช้า ๆ
“ที่บ้านมีคุณพ่อ แล้วก็ป้าสุดาค่ะ ป้าสุดาเป็นคนทำอาหารและงานบ้านทุกอย่าง” กานติมาได้ยินดังนั้นจึงหันซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่าเป็นโอกาส จึงแอบถามบางอย่างด้วยน้ำเสียงที่เบาลง
“คุณพ่อเคยพาใครไปบ้านไหมคะ” ไอริณชะงัก มองตาแป๋ว
“ตุบ” จีน่าตีไปที่ไหล่เพื่อนแล้วยกมือขึ้นกล่าวห้าม เพราะบทสนทนาที่กานติมากำลังหลอกถามเด็กนั้น เป็นสิ่งไม่ควรและเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก
“ฉันเจ็บนะ ทุบฉันทำไม” หญิงสาวหันไปกัดฟันกระซิบถามอย่างไม่พอใจ
“ฉันว่า คำถามเธอมันเกินไปแล้วนะ”
“อ๊ะ! เดี๋ยวนะ เกินไปตรงไหน ฉันยังไม่ถามก้าวล่วงอะไรเลย หล่อนอยู่เฉย ๆ จะดีกว่า” ก่อนที่กานติมาจะปั้นหน้ายิ้ม แล้วหันมาหาไอริณอีกครั้ง
“คุณพ่อเคยพาใครไปบ้านไหมคะ อย่างเช่น คุณลุง คุณป้า คุณอา หรือพี่สาวสาว ๆ คนไหน” ไอริณมองตรงไปยังนัยน์ตาของกานติมา พลางเม้มปากแน่น แล้วส่ายศีรษะไปมาเป็นการปฏิเสธ
“มีแต่คุณอาเจนภพค่ะ คุณอามาที่บ้านบ่อย ๆ”
“ชื่อเจนภพ นี่ชื่อผู้ชายใช่ไหม ฉันจะได้เบาใจ” กานติมาหันไปกระซิบกับจีน่า ก่อนปั้นหน้ายิ้มกลับมายังเด็กหญิงตัวเล็กอีกครั้ง
“แล้วคุณพ่อเคยพาน้องไอริณ ไปทานข้าวกับพี่สาวที่ไหนไหมคะ” ไอริณยังคงส่ายศีรษะไปมาเช่นเดิม
“ฉันว่านะ ท่านประธานน่าจะโสดสนิท แบบนี้แล้วยังไงพวกเราก็มีหวัง” กานติมายังคงหันมากระซิบกับจีน่าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ที่โต๊ะของพี่กานมีดินสอและสีไม้ด้วย น้องไอริณอยากวาดรูปเล่นรอคุณพ่อไหมคะ”
“ค่ะ” เด็กหญิงหันมองไปยังโต๊ะทำงาน ที่มีกล่องสีไม้จำนวนหนึ่งวางหราอยู่ ด้วยความเป็นเด็กจึงเดินตามกานติมามายังโต๊ะนั้น แล้วนั่งเก้าอี้รออย่างเรียบร้อย ก่อนที่กานติมาจะหยิบอุปกรณ์วาดรูปส่งให้
อารัณย์ยังคงทำงานอยู่ในห้องผู้บริหารด้วยความตั้งมั่น หวังว่าธุรกิจของเขาจะเติบโตขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าภาพความทรงจำอันแสนเจ็บปวด กลับเข้ามาแทรกให้เขาได้ทรมานหัวใจอยู่เป็นระลอก
“รัณย์คะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ” รอยยิ้มของดาริกาแฟนสาวที่คบหากันตั้งแต่มัธยมต้น จวบจนปัจจุบันเขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย เป็นระยะเวลายาวนานจนความรักที่เขามีให้เธอก่อกำเนิดมากขึ้นทุกวัน อารัณย์คว้าตัวเธอเข้ามานั่งบนตัก พลางรับกล่องของขวัญจากแฟนสาว
“เปิดสิคะ”
“ไม่อะ”
“ทำไมคะ เปิดสิ ดาตั้งใจเก็บเงินซื้อให้รัณย์เลยนะคะ” สายตาหวานฉ่ำของแฟนสาว ที่นั่งอยู่บนตักทำให้อารัณย์ใจอ่อน ยอมเปิดกล่องเล็กสีแดงแต่โดยดี
“นาฬิกา” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“สวยไหมคะ เดี๋ยวดาใส่ให้นะ” อารัณย์ปล่อยให้หญิงสาวทำตามใจ ก่อนสายตาคมกำลังจ้องมองใบหน้าสวยคมของเธอ ในยามเผลอเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงมีเสน่ห์มากที่สุด และเป็นจังหวะที่เขาชอบมองมากที่สุดด้วยเช่นกัน
“เห็นไหมคะ เหมาะกับรัณย์เลย” ดาริกายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่านาฬิกาที่เธอเก็บเงินซื้อนั้น เหมาะกับเขาเป็นอย่างมาก ก่อนอารัณย์จะก้มหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“ขอบคุณนะดา รัณย์อยากให้ดารู้ไว้ ว่ารัณย์รักดามากที่สุด”
“ดาก็รักรัณย์เหมือนกัน”
“รัณย์จะตั้งใจเก็บเงิน แล้วไปสู่ขอดากับคุณแม่ ดาจะสู้กับไปกับรัณย์ไหม” ชายหนุ่มถามด้วยแววตาตั้งมั่น ในขณะที่หญิงสาวพยักหน้าแล้วหอมไปที่ใบหน้าของเขาแทนคำตอบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับใบหน้าเธอเข้ามาจูบอย่างดูดดื่ม เรียวปากหวานของดาริกาเป็นรสชาติที่เขาไม่เคยลืม นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้อารัณย์ชะงักได้สติกลับมาในทันที
“ท่านประธานคะ น้องไอริณหลับอยู่ที่โซฟา ส่วนดิฉันกับกานติมาขอตัวกลับก่อนนะคะ ดึกมากแล้วที่บ้านรอทานข้าวอยู่ค่ะ” คำพูดของพนักงานทำให้อารัณย์ลุกขึ้นเดินตรงไป ชะเง้อคอมองลูกสาวที่นอนหลับคาชุดนักเรียน
