บทที่4 เสือเริ่มออกลาย
แน่นอนว่านาราเธอไม่ได้ตอบพัสกรแต่ดันส่งยิ้มเป็นการตอบแทน ทำให้ชายหนุ่มมุ่นคิ้วลงแม้ว่าอยากจะคะยั้นคะยอถามแต่ก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี
นั่งทานอยู่ที่ร้านอาหารนานพอสมควร เมื่ออิ่มแล้วพัสกรก็อาสาที่จะอยู่ช่วยหิ้วของ แม้ว่านาราเธอจะบอกไปแล้วว่าไม่เป็นไรแต่ชายหนุ่มร่างสูงก็ยังเซ้าซี้จนได้
นาราเดินช็อปปิ้งต่อ เสื้อผ้าที่เธอแวะดูแต่ละร้านมันล้วนแล้วแต่ขัดตาพัสกรเต็มทน หากจะถามหาเหตุผลก็คงเพราะเสื้อผ้าเหล่านั้นมันเปิดนิดเปิดหน่อยพอล่อตาเสือตาจระเข้ ในสายตาของพัสกรนาราเธอก็ยังเป็นเด็กที่ต้องดูแลอยู่
"นาราอาว่าตัวนี้กระโปรงมันสั้นไปนะ"
"สั้นที่ไหนกันคะ อาอ่ะ แก่แล้วจะไปรู้อะไรกับวัยรุ่น"
"คำก็แก่สองคำก็แก่ อาชักจะน้อยใจแล้วนะ" พอเขาพูดแบบนั้นนาราก็ฉุกคิดได้ว่าตัวเองก็คงจะพูดแรงไปก็เลยหันมาขอโทษพัสกรที่ยืนถือถุงพะรุงพะรังอยู่ด้านหลัง
"หนูขอโทษค่ะ ก็อาชอบขัดหนูตลอดอีกอย่างนะเสื้อผ้าพวกนี้ สไตล์แบบนี้หนูใส่เที่ยวทุกคืนไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ"
"อะไรนะ ใส่เที่ยวทุกคืน?"
"ก็ใช่ไงคะ"
"นี่พ่อไม่ห้ามอะไรเราเลยเหรอ ถึงปล่อยให้เที่ยวทุกคืนแบบนี้"
"อาพัสหนูโตแล้วนะคะ ตอนนี้ยี่สิบสองแล้วหนูต้องบอกอากี่รอบอาถึงจะเข้าใจสักที" ถึงอย่างนั้นพัสกรก็ยังชักสีหน้าพร้อมทั้งพ่นลมหายใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อได้ ระหว่างนั้นเสียงมือถือของวาดดาวก็ดังขึ้น เธอกดรับสายคุยไม่กี่คำก็ว่าง พร้อมทั้งหันมาพูดกับนาราอีกด้วย
"นาราฉันต้องกลับก่อนนะ พ่อโทรตามแล้วสงสัยมีงาน"
"ได้ งั้นไว้เจอกันวันเดินทางแล้วกัน"
"โอเค...หนูขอตัวกลับแล้วนะคะอาพัส ขอบคุณมากค่ะสำหรับอาหาร" วาดดาวยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนโยน หลังจากนั้นก็หมุนตัวออกจากร้านปล่อยให้สองอาหลานเลือกเสื้อผ้าในร้านต่อ
นาราทำหน้าเซ็งเล็กน้อยเพราะคนที่รู้ใจเธออย่างวาดดาวก็กลับไปแล้ว อารมณ์ที่จะช็อปต่อก็ไม่มี
"งั้นหนูกลับด้วยดีกว่า เราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้ค่ะ"
"เดี๋ยวอาไปส่ง"
"ไม่เอาค่ะ หนูขับรถมาอีกอย่างอาจะได้ไม่ต้องลำบากไปกลับ"
"ลำบากที่ไหน ดีเสียอีกจะได้เข้าไปคุยธุระกับพ่อหนูด้วย ส่วนรถเดี๋ยวอาให้คนมาขับกลับไปให้ที่บ้าน"
"แต่..."
"ไม่มีแต่หรอก หรือว่าตอนนี้โตแล้วไม่อยากไปไหนกับอา"
"ใครบอกละคะ ไปก็ได้"
พัสกรเดินนำนารามาที่ลานจอดรถ เมื่อมาถึงเขาก็เดินเอาถุงของไปเก็บไว้ที่ด้านหลัง ส่วนนาราเธอก็เดินไปทางฝั่งคนนั่งเมื่อเปิดประตูแทรกร่างขึ้นไปนั่งก็มองตามชายหนุ่มที่กำลังจัดแจงกับสิ่งของของเธอ แม้ว่าพัสกรจะอายุเลยวัยเลขสี่แต่เขาไม่ได้แก่อย่างที่นาราพูด รูปร่างหน้าตายังดูหล่อการแต่งกายก็ดูภูมิฐานใบหน้าเกลี้ยงเกลาขาวสะอาดหากจะมองดูผิวเผินคงคิดว่าเขาพึ่งจะสามสิบต้น ๆ เท่านั้น
พัสกรขึ้นมานั่งฝั่งคนขับเขาหันมายิ้มให้นาราแว็บเดียว เมื่อรถติดเครื่องและเคลื่อนตัวออกคำแรกที่ถามขึ้นมันดันทำเอานาราชะงักไปเล็กน้อย
"สรุปมีแฟนหรือยัง"
"หือ...อายังไม่เลิกสนใจเรื่องนี้อีกหรือคะ"
"ก็อาอยากรู้ พ่อเราก็มัวแต่ทำงานไม่สนใจอะไร อากลับมาแล้วก็น่าจะเล่าให้อาฟังหน่อย"
"อืมม มีหรือไม่มีดีนะ หรือว่าจะมีดี"
"นาราอย่าปั้นหัวอาได้ไหม"
"ทำไมอาถึงอยากรู้ละคะ ป๊าไม่เห็นอยากรู้เหมือนอาเลย" เป็นคำถามที่ทำเอาพัสกรชะงัก นั้นนะสิเขาอยากรู้เพราะอะไร แต่ก็ไม่สามารถตอบคำถามของนาราได้ พัสกรเงียบแต่สายตาก็ตวัดมามองหน้าหลานสาว นาราเองก็ทำหน้าทะเล้นใส่แต่เธอก็ยังไม่ให้คำตอบนั้น
ความเงียบก่อตัวขึ้นท่ามกลางระหว่างคนทั้งสองนาราเธอไม่ได้พูดอะไรต่อแต่เลือกที่จะหยิบมือถือขึ้นมีเขี่ยไปมาอยู่อย่างนั้น กิริยานี้มันทำเอาพัสกรรู้สึกว้าวุ่นใจแปลก ๆ แต่มันบอกไม่ได้เลยว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันแน่
รถวิ่งมาถึงตัวบ้านหลังใหญ่ เมื่อวิ่งเข้ามาที่ลานจอดกว้างขวางนาราเธอก็เปิดประตูย่างเท้าลงไป พร้อมเรียกแม่บ้านให้มาช่วยยกถุงของที่พึ่งไปช็อปมากับเพื่อน
พัสกรยังใช้แววตาขุ่นเคืองมองอยู่อย่างนั้น เขาเองก็รู้สึกว่านารากำลังปั่นหัวตัวเองอยู่ หลานสาวตัวน้อยเมื่อครั้งอดีตที่ว่านอนสอนง่ายถามอะไรก็ตอบหมดในคราวนั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว
"น้าดุจดวงป๊ามาหรือยังค่ะ"
"วันนี้น่าจะกลับค่ำหน่อยค่ะ ได้ยินว่ามีประชุมต่อ" สิ้นเสียงตอบของดุจดวง นาราก็สาวเท้าขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน เธอรู้สึกอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ ส่วนพัสกรเขานิ่งมากเดินตามเข้ามาแต่ก็เลือกที่จะหลบไปที่ห้องรับรองแขกแทน
ไม่รู้ว่าพี่ชายนอกสายเลือดจะกลับมาเมื่อไหร่ พัสกรถือโอกาสนี้นั่งเล่นนั่งรออยู่อย่างนั้น จนเวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง นาราก็เดินลงมาจากชั้นบนของบ้านพร้อมทั้งเสื้อผ้าชุดใหม่ ทว่ามันเป็นชุดที่เธอต้องออกไปเที่ยวอีกแล้วนะสิ
สายตาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวนอนหลับอยู่ที่โซฟาในห้อง เธอมองซ้ายมองขวาตอนนี้ทุกคนน่าจะง่วนอยู่ในครัวกันหมด นาราพ่นลมออกมาช้า ๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้โซฟาตัวนั้น เธอโค้งตัวก้มหน้าตำจ้องมองอาพัสที่นอนหลับตานิ่ง
"บ้านช่องก็ไม่รู้จักกลับ มาหลับเฝ้าบ้านคนอื่นเฉยเลย"
กำลังจะหมุนตัวกลับไปแล้วแท้ ๆ แต่พัสกรกลับเอื้อมมือมาจับที่ข้อแขนของนาราเอาไว้แถมเขายังดึงเธอจนเซถลาล้มลงบนตัก ดวงตาของสาวน้อยเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
"อาพัส"
พัสกรลุกขึ้นมานั่งแต่บนตักเขามีสาวน้อยวัยยี่สิบสองนั่งอยู่ การนั่งบนตักอามันก็คงไม่แปลกหากตอนนี้เธออายุแค่เก้าขวบ แต่นี่เธอโตเป็นสาวแล้วต่างหาก
"อาทำอะไรเนี่ย"
"เมื่อก่อนก็นั่งตักอาแบบนี้ไม่เห็นเป็นอะไรเลย"
"ตอนนั้นหนูยังเด็กนี่คะ แต่ตอนนี้..."
"ก็อาเห็นนาราเด็กมาตลอดนะ"
"อาพัสปล่อยได้แล้วค่ะ น้าดุจดวงมาเห็นเดี๋ยวโดนดุ"
"เมื่อก่อนไม่เห็นดุจดวงดุเลยนี่"
"อาพัส...." นาราใช้แรงที่มีทั้งหมดสลัดตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา เมื่อหลุดออกมาแล้วก็ยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก
"อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ หนูโตแล้วมันไม่เหมาะ"
ดูเหมือนว่าพัสกรจะทำหน้ายียวนเสียด้วยซ้ำ เมื่อหลุดสายตาออกจากใบหน้าสวยของนาราก็พึ่งจับสังเกตได้ว่าชุดที่หลานใส่ ไม่ใช่ชุดที่เตรียมเข้านอน
"แล้วนี่จะไปไหน แต่งตัวซะสวยเลย"
"นารามีนัดกับเพื่อน"
"อะไรกันวันนี้ก็พึ่งออกไปกับเพื่อนไม่ใช่หรือไง"
"เพื่อนคนละคน งั้นนาราฝากอาบอกป๊าด้วยว่านาราออกไปข้างนอก ไม่กลับดึกแน่" พัสกรมองตามร่างของนาราที่เดินฉับ ๆ ออกไปเมื่อครู่ สายตาเขาส่อประกายขึ้นอย่างไม่ชอบใจเท่าไรนัก ไม่รู้ว่าพี่ชัยเลี้ยงลูกตามใจมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
