บทที่5 หวงราวกับไข่ในหิน
ผับดังย่านสีลมบรรยากาศยามนี้สอดคล้องกับอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความสุข นาราลูกคุณหนูชื่อดังในโซเชียลร่อนสะโพกโยกไปมาตามจังหวะครื้นเครงจนเรียกสายตาของหนุ่ม ๆ ที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ต้องพลอยส่งยิ้มหวานให้ตลอด ทว่าความหยิ่งยโสของเธอก็พอมีบ้างแม้นว่าจะเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืน แต่ก็ไม่เคยเหลวไหลเหลวแหลกขนาดนั้น
ระหว่างที่ส่ายสะโพกโยกย้ายตามทำนองเพลงอยู่นั้น หนุ่มหล่อโต๊ะข้าง ๆ ก็เดินเข้ามาพร้อมแก้วไวน์ราคาแพง เขายิ้มออกมาด้วยสายตาพรั่งพลายพร้อมน้ำเสียงอ่อนหวานที่โน้มลงไปกระซิบ
"ขอโทษนะครับ พี่ขอชนแก้วได้ไหม" เขาใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าพี่ คงมองแล้วว่านาราน่าจะอายุน้อยกว่าเขา หญิงสาวหยุดนิ่งแล้วหันมามองใบหน้าชายคนนั้น
"ได้สิคะ" มันแปลกมาก ตั้งแต่ที่เธอเที่ยวมาไม่เคยรับชนแก้วกับใคร และยิ่งทำให้เพื่อนที่นั่งมองที่โต๊ะต่างหันมามองหน้ากันด้วยความมึนงง
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าเรียวคม ดูดีราวเทพบุตร ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาดูคล้ายจะเป็นนักเรียนนอก
"ขอบคุณนะครับ อืม พี่ถามชื่อหน่อยได้ไหม"
"ได้สิคะ หนูชื่อ พิมนารา" และยังแนะนำตัวเองให้เขารู้จัก ทำเอาสายลมและโยชิยิ่งแปลกใจขึ้นไปใหญ่ หรือว่าเพื่อนจะถูกชะตากับชายคนนี้แล้วจริง ๆ
"ส่วนพี่ชื่อ ก้อนเมฆ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"
เขายิ้มอีกครั้งเป็นยิ้มที่กร้าวใจมากที่สุดก็ว่าได้ รอยยิ้มเสน่หานั้นมันทำเอาใบหน้าหวาน ๆ ของนาราเริ่มรู้สึกว่ามันแดงระเรื่อ
"จะเป็นอะไรไหม หากพี่จะขอไลน์เราไว้เผื่อวันข้างหน้าได้เจอกันอีก พี่จะขอเป็นเจ้ามือเอง"
และสิ่งที่โยชิและสายลมไม่คิดว่าจะเห็นคือ นารายื่นมือถือให้เขาสแกนคิวอาร์โค้ด ปกติแล้วเพื่อนสาวลูกคุณหนูอย่างเธอจะไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่มย่ามและไม่ยอมให้ใครเข้ามาเกาะแกะแต่นี่ มันผิดวิสัยของนารามาก
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ส่งยิ้มหวานให้กันไม่ขาด โต๊ะที่ชายหนุ่มร่างสูงนั่งเต็มไปด้วยผู้ชายหน้าตาดีทั้งนั้น โยชิ มองเพื่อนแล้วหันมากระซิบที่ของหูของสายลม
"กูว่านาราน่าจะชอบหนุ่มโต๊ะนั้นแน่ ปกติไม่เคยเห็นนางส่งยิ้มให้ใครง่าย ๆ " เพื่อนสาวประเภทสองพูดขึ้น ทำเอาสายลมที่เป็นชายแท้ก็พลอยมองออกมา นาราน่าจะชอบเขาไม่อย่างนั้นไม่ยอมยื่นมือถือให้เขาเพิ่มเพื่อนง่าย ๆ แบบนั้น
มันก็แค่ความคิดของทั้งสองเพราะโยชิและสายลมก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ไม่อยากก้าวก่ายชีวิตของเพื่อน อีกทั้งนาราเองก็โตพอที่จะศึกษาดูใจกับใครสักคน หากจะเท้าความกลับไปละก็เท่าที่จำได้นาราก็ยังไม่เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจริง แค่คุยผ่าน ๆ แล้วก็เลิก คงเพราะที่ผ่านมามันยังไม่ใช่
หลังจากบอกว่าจะอยู่ไม่ดึก ก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน นาราเองก็มีน้ำเมาพอที่จะมึน ๆ เล็กน้อยโยชิและสายลมเป็นคนที่เดินออกมาส่งเพื่อนที่รถ เพื่อจะแยกย้ายกันกลับ ทว่าเธอยังไม่ทันที่จะขึ้นรถด้วยซ้ำ ร่างสูงสุภาพก็เข้ามาประชิดตัวเธอ
"อาพัส มาได้ไงคะ"
คำว่าอาที่นาราเรียกขานไม่ค่อยคุ้นหูเพื่อนทั้งสอง กระนั้นโยชิและสายลมก็ยังอุตส่าห์ยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
"ก็พ่อเราบอกว่าปกติกลับดึกทุกครั้ง ไม่งั้นก็เช้าค่อยกลับ อาอยากรู้ทำไมพี่ชัยถึงปล่อยลูกขนาดนี้"
"อาพัส หนูโตแล้ว อ้อ นี่เพื่อนหนู โยชิและสายลม ส่วนนี่อาฉันเอง พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ"
ทั้งสองต้องยกมือไหว้อีกครั้ง แต่สีหน้าของอาพัสในตอนนี้เหมือนจะไม่สู้ดีนัก เขาชักสีหน้าไม่มีแม้รอยยิ้ม ทำเอาโยชิและสายลมทำตัวไม่ถูก
"งั้นเราสองคนก็ขอตัวกลับก่อนนะครับ นี่นาราเรากลับก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้"
"โอเค"
สายลมพูดจบ นาราก็ยกมือโบกลาเพื่อนทั้งสอง อากัปกิริยาคล้ายคนเมาดวงตาฉ่ำปรือ ก่อนที่เธอจะตวัดสายตามามองอาพัสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
"อาพัสจะไม่ปล่อยให้หนูมีอิสระบ้างหรือไง ตามอยู่ได้หนูรู้ว่าอารู้สึกผิดที่ทิ้งหนูไปตั้งสิบปี แต่ตอนนี้หนูโตแล้วอาไม่จำเป็นต้องมาตามขนาดนั้นหรอก"
นาราร่างยาว ๆ ทำหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย แต่พัสกรก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เมื่อเห็นว่าร่างเล็กกำลังจะเดินไปที่รถตัวเองก็รีบรั้งแขนไว้
"เมาขนาดนี้ อาไม่ปล่อยให้ขับรถหรอกนะ ไปขึ้นรถอา ส่วนรถของนาราอาจะให้เด็กมาขับกลับไปให้อีกอย่างผับนี้อารู้จักเจ้าของรับรองว่ารถไม่หายแน่"
"อาพึ่งกลับมาทำไมรู้จักคนไปทั่ว"
"รู้มากกว่าที่นาราคิดเสียอีก"
"เชอะ!" เธอไม่อยากจะมีปัญหามากก็เลยต้องยอมเดินตามอาพัสของเธอไปที่รถของเขา ระหว่างที่กำลังสาวเท้าตามไปนั้น รู้สึกเหมือนว่าจะมีคนเรียกเธออยู่
"นารา" หญิงสาวหันไปมองจนเห็นแล้วว่า คนที่เรียกเธอก็คือผู้ชายคนนั้น คนที่เธอพึ่งแลกไลน์กับเขา
"จะกลับแล้วเหรอครับ"
"ค่ะ ผู้ปกครองมารับแล้ว" เธอพูดทีเล่นจนพัสกรต้องหันมามองและเห็นว่าเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนั้น กำลังส่งสายตาหวานหยอดให้หลานสาว และมันน่าใจเสียก็คือ คำว่า ผู้ปกครองมารับ
"งั้น เอาไว้เจอกันคราวหน้านะครับ" เขายิ้มพร้อมโบกมือลาอยู่หน้าผับ ส่วนนาราก็ยิ้มตอบแล้วพยักหน้า แต่หารู้ไม่ว่าสีหน้าของพัสกรมันบึ้งตึงจนไม่น่ามองเอามาก ๆ
เมื่อมาถึงรถ ต่างคนก็ต่างแทรกร่างขึ้นมานั่ง นาราเอื้อมมือไปคว้าเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาด การกระทำนั้นมันอยู่ในสายตาพัสกรเป็นอย่างดี เมื่อทุกอย่างเข้าที่ คำแรกที่พัสกรถามคือ "ผู้ชายเมื่อกี้เป็นใคร"
"ผู้ชายคนไหนละคะ"
"นารา อากำลังซีเรียสนะ"
"ก็แค่เจอกันในผับ ก็เลยทำความรู้จักก็เท่านั้นเอง"
"แล้วชอบเขาหรือเปล่า"
"หากเขามาจีบคงชอบละมั้ง"
"นารา"
"อาพัส อารู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำตัวเป็นพ่อหนูอยู่นะ ขนาดป๊ายังไม่ตามเท่าอาเลย" ด้วยน้ำเมาที่มีในร่างตอนนี้ มันทำให้นาราพูดไปโดยไม่ได้ยั้งคิด และนั่นมันทำเอาใบหน้านิ่งสุภาพอย่างพัสกร ต้องซีดเผือด ความรู้สึกหวงหลานสาวมันเกิดขึ้นตอนไหนเขาเองยังหาคำตอบไม่ได้ด้วยซ้ำช
