บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 อยากรู้ก็ต้องพิสูจน์

‘เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับกระแสตอบรับเพลงใหม่ล่าสุด?’ เสียงสัมภาษณ์จากนักข่าว ดังแว่วมาจากโทรศัพท์มือถือที่เปิดทิ้งเอาไว้ ในขณะที่เจ้าของกำลังรีดผ้าอยู่

สมฤดีเป็นคนที่ติดสื่อออนไลน์มากๆ ติดตามข่าวเกี่ยวกับสื่อบันเทิง ศิลปิน ละคร ภาพยนตร์ นิยาย ทุกแขนงเป็นเรื่องปกติ

‘ก็ถือว่าผลตอบรับเกินกว่าที่คิดเอาไว้มากๆ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยซัพพอร์ตผมมากๆ เลยนะครับ ผมปลื้มใจมาก’

หญิงสาวผู้กำลังรีดผ้าอยู่นั้น ชะงักเล็กน้อย พร้อมเบ้ปากให้กับการสัมภาษณ์

‘ได้ข่าวว่าคุณโตเป็นคนแต่งเพลงนี้ด้วยตัวเอง อันนี้เป็นผลงานเพลงแรกที่แต่งเองด้วยไหมคะ?’

‘อันที่จริง ผมชอบแต่งเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ พยายามฝึกฝนมาตลอด แอบบอกว่า...เพลงนี้ผมแต่งเอาไว้นานมากแล้วด้วย ดีใจนะครับที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสเอามาปัดฝุ่นอีกครั้ง’

“พุทธโธ่! หน้าด้านเกิ้นนนนน...บอกว่าแต่งเพลงเอง  อี๊กกกก” ชาวติ่งเขาตามสืบกันจนรู้หมดแล้ว ว่ายังไงเพลงนี้ก็ต้องขโมยมาจากพิโชแน่ๆ เพราะเขามีการเลื่อนกำหนดการปล่อยเพลงออกมา

“ทำไมคุณโชถึงไม่เอาเรื่องพวกนี้นะ ปล่อยให้มันลอยนวลได้ยังไง!” พูดถึงเรื่องนี้ทีไร สมฤดีก็เป็นอารมณ์ขึ้นทุกที เธอรีบรีดผ้าให้เสร็จ แล้วไปพูดคุยในกลุ่ม เผื่อว่าใครจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง

“ปล่อยเพลงใหม่เหรอครับ?” โพธิรันทวนคำสั่งอีกครั้ง เชิงไม่แน่ใจ

“ใช่ กำหนดการเดิม แต่ไม่ใช่เพลงที่ตั้งใจเอาไว้...ให้รายละเอียดแฟนเพลง ให้ชัดเจนด้วย” สีหน้านิ่งขรึมที่พกพาความมั่นใจเอาไว้เต็มน้ำเสียงและสีหน้า ยิ่งสร้างความหวาดหวั่นให้กับมือขวาคนสนิท

“คุณโชจะเอาเพลงในลิสต์เดิม เพลงไหนขึ้นมาปล่อยก่อนเหรอครับ” เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย อยากจะให้เพลงทุกเวลาปล่อยตามที่วางแผนเอาไว้

“ไม่มี” คำตอบอันนักแน่นจากเจ้านาย ทำให้เขากะพริบตาถี่

“เพลงที่จะปล่อยในสามวันข้างหน้านี้ เป็นเพลงที่ฉันจะแต่งขึ้นมาใหม่”

“จริงเหรอครับ?” เขาพอจะรู้ว่าพิโชมีความสามารถในการแต่งเพลงจบในวันเดียว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาในการแต่งเพลงให้จบอย่างรวดเร็วขนาดนั้น

“ทำตามที่ฉันสั่ง ออกไปได้แล้ว” แล้วโชติก็เร่งเปิดเอกสารเซ็นให้เสร็จเรียบร้อยเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาไปแต่งเพลงใหม่...

ที่ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน ว่ามันจะออกมาแนวไหนได้บ้าง

ปกติพิโชจะแต่งเพลงจากสัมผัสที่เข้ามากระทบกายและใจ ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่นหรือว่าเสียง เขาชอบที่จะเห็นพวกมันกระทบและเติบโตต่อ ออกมาเป็นเสียงดนตรี คำร้อง และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

‘เป็นความเผ็ดที่หยุดไม่ได้...ยิ่งเผ็ด ยิ่งอยากจะกินต่อค่ะ’ น้ำเสียงใสๆ จากหลานรักผู้เป็นรอยยิ้มเดียวของเขา แล่นเข้ามาในโสตประสาท

‘มันมีความเค็มอ่อนๆ เหนียวนิดๆ แต่เพลินมาก...มันเหมือนจะลำบาก แต่ไม่อยากหยุดเลยค่ะ’

เด็กหญิงวัยห้าขวบ พูดเจื้อยแจ้วได้อย่างน่าสนใจ เขายอมรับเลยว่าสิ่งที่เด็กหญิงคณิชาบรรยายออกมา ไม่ผิดเลยสักข้อ อาหารรสชาติแปลกใหม่ที่เขาได้ลิ้มลองในวันนั้น เหมือนเปิดโลกที่เขาไม่เคยเห็น เปิดเสียงที่เขาไม่เคยได้ยิน

อยากมีกีตาร์สักตัวจัง

เพลงใหม่ของเขา...ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

“โอ้โหสวยจัง...ดอกทานตะวันสวยจังค่ะพี่ส้มโอ!” น้ำเสียงใสๆ ตะโกนขึ้นเมื่อได้มาเห็น ทุ่งดอกทานตะวันที่ตัวเองปลูกกับมือ เติบโตและเบ่งบานจนสุด

สีเหลืองอร่ามของพวกมัน ต้องกับแสงพระอาทิตย์ เจิดจ้า สวยงามสมชื่อ

“เป็นไงคะ สดชื่นไหม...พี่เป็นคนชอบปลูกดอกไม้มากๆ อยู่ที่บ้านที่ต่างจังหวัดนะ ดอกไม้บานรอบบ้านเลย ดอกไม้ทำให้เรารู้สึกดี ขึ้นได้มากจริงๆ ค่ะ” เจ้าของใบหน้ากลมมน ยิ้มออกมาทั้งดวงตา

รอยยิ้มของเธอตัดกับดอกทานตะวัน เข้ากันจนเด็กหญิงเค้กต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้

“ทำอะไรคะคุณเค้ก?” สมฤดีเลิกคิ้วเรียวของตัวเองขึ้นเชิงตกใจ เพราะไม่เคยถูกแอบถ่ายมาก่อน...

มีแต่เคยไปแอบถ่ายคนอื่นเขาไง!

“หาหลักฐานมายืนยันไงคะ ว่าดอกไม้ทำให้คนเราสดชื่นได้มากแค่ไหน” เด็กน้อยวัยห้าขวบหัวเราะคิกคัก พร้อมเอารูปให้เธอดู แต่เหมือนว่าพี่เลี้ยงสาวจะยังไม่เข้าใจ

“หลักฐาน...หลักฐานอะไรเหรอคะ?”

“ก็หลักฐานที่จะทำให้เราสองคน ไม่ต้องโดนดุไงคะ” เด็กน้อยผู้แสนฉลาด พูดจาหน้าเป็นมากๆ แต่สมฤดีก็ยังไม่ได้เข้าใจทั้งหมด

“โดนดุ?”

“โดนดุเพราะปลูกดอกไม้นี่เหรอคะ?” พี่เลี้ยงสาวเบิกตากว้าง รีบทรุดลงนั่งเชิงถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง

“ใช่ค่ะ” เด็กหญิงคณิชาพยักหน้าด้วยสีหน้าแหยๆ

“พอดีว่าวันนั้นที่เราปลูกด้วยกัน...น้องเค้กยังไม่ได้บอกอาโชเลยค่ะ กลัวโดนดุ เพราะปกติ น้าโชไม่ค่อยชอบดอกไม้ค่ะ”

“ก็พอจะเข้าใจได้นะคะว่าเป็นผู้ชายไม่น่าจะชอบดอกไม้ แต่...ทำไมจะต้องดุด้วยละคะ” เด็กน้อยรีบส่ายหน้าเชิงอ่อนใจ

“เรื่องนั้นน้องเค้กก็ไม่ทราบเลยค่ะ คุณแม่เคยบอกว่าอาโชไม่ชอบดอกไม้ ห้ามปลูกดอกไม้...แค่นั้นเลยค่ะ”

“โหย แล้วทำไมคุณเค้กถึงไม่บอกพี่ละคะ จะได้ไม่ปลูกจนมันโตสวยขนาดนี้...ดูสิ ใครจะไปกล้าถอนลง” เด็กน้อยถอนหายใจออกมาเป็นเพื่อนพี่เลี้ยงสาว และมองไปยังทุ่งดอกทานตะวันที่กินพื้นที่หลังบ้านพอสวมควร

“นี่ไงคะเหตุผลที่น้องเค้กต้องถ่ายรูปพี่ส้มโอ ไปใช้เป็นหลักฐาน ประกอบเหตุผล เพื่ออธิบายให้น้าโชเข้าใจค่ะ”

“ยังไงเหรอคะ?”

“คือลำพัง น้องเค้กคงจะถูกดุไม่มาก...แต่ถ้าเป็นพี่ส้มโอ โอกาสถูกดุคือไล่ออกได้เลยค่ะ”

“จริงเหรอคะ!!!” สมฤดีรีบเอามือปิดปาก เพราะตัวเองตกใจได้ดังเกินไป ดวงตาของเธอแทบจะถลนออกจากเบ้ามาแล้ว

“จริงมากๆ ค่ะ เคยมีคนโดนไปแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ...น้องเค้กจะช่วยพี่ส้มโออย่างสุดความสามารถ ด้วยการให้น้าโชดูรูปนี้ค่ะ ดูรูปแววตาอันสดใสของพี่เลี้ยงผู้เป็นเจ้าของทุ่งทานตะวันแห่งนี้ ที่ตั้งใจปลูกมันขึ้นมาเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการเลี้ยงเด็กดื้ออย่างน้องเค้กอย่างตั้งใจ...”

“เดี๋ยวนะคะ คือคุณเค้กหมายความว่า...จะให้ความผิดเรื่องนี้เป็นของพี่เพียงคนเดียวอย่างนั้นเหรอคะ?” หญิงสาวทำทีจะโวยวาย แต่เจ้านายน้อยตัวเล็กๆ รีบเอามือโบกห้ามเธอเอาไว้ซะก่อน

“แต่น้องเค้กก็เป็นคนเสียสละไงคะ!” และยืนกรานด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง หากแต่เจ้าเล่ห์เหลือเกิน

“เสียสละ ยังไงคะ?”

“เสียสละเป็นเด็กดื้อให้พี่ส้มโอเครียดไงคะ ก็เลย...หาทางออก ด้วยการมาปลูกดอกไม้ให้ตัวเองผ่อนคลาย และนี่ก็คือหลักฐานค่ะ ว่าการปลูกดอกไม้ ทำให้พี่เลี้ยงของน้องเค้ก ผ่อนคลายได้จริงๆ ค่ะ” แล้วเด็กหญิงคณิชาก็ยกรูปของสมฤดีขึ้นที่มีแววตาเปล่งประกายสดใส ท่ามกลางดอกทานตะวันขึ้นมา

“งานนี้พี่ตายแน่ๆ ค่ะคุณเค้ก...” แล้วเธอก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พอๆ กับที่คุณแม่บ้านตะโกนเรียกหาทั้งสองคน ด้วยประโยคที่ชวนขนลุกขนพองก็คือ

“ส้มโอเอ๊ย! คุณเค้กขา...อยู่ไหนกันคะ คุณโชเรียกหาแหนะค่ะ...รีบมากันเร็วๆ เลย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel