บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 คำสารภาพ

บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เงียบกริบ ห้องดนตรีที่สมฤดีได้มีโอกาสแวะเวียนเข้ามาบ้าง ดูกว้างกว่าปกติ เมื่อจังหวะการเต้นของหัวใจไม่ได้เป็นไปตามปกตินัก

มันแทบจะกระดอนออกมานอกอก เมื่อได้รู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกพิพากษา จากการทำเรื่องผิดร้ายแรงครั้งใหญ่

‘คือลำพัง น้องเค้กคงจะถูกดุไม่มาก...แต่ถ้าเป็นพี่ส้มโอ โอกาสถูกดุคือไล่ออกได้เลยค่ะ’

เธอไม่อยากถูกไล่ออกตอนนี้!

หรือว่าจะเป็นเพราะแต้มบุญของเราหมดแล้วจริงๆ

ไม่นะ!

“ว่ายังไง” น้ำเสียงทุ้มกังวานเอ่ยขึ้นเชิงเรียบ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเอาผิดใครหรืออะไร แต่ทำไมร่างทั้งร่างของเธอ ถึงได้ชาไปหมดขนาดนี้

กิริยาก้มหน้างุดของพี่เลี้ยงสาว ตกอยู่ในความสนใจของโชติ เขาลอบสังเกตแบบเนียนๆ ก็เห็นเลยว่า หญิงสาวตรงหน้ากำลังหวาดหวั่น

“คือว่า...” น้ำเสียงใสๆ ของหลานตัวเล็ก ที่บอกกับเขาทันทีที่มาถึงว่า

‘น้องเค้กมีเรื่องจะสารภาพกับน้าโชค่ะ...เผื่อว่าโทษจะได้ลดลงกึ่งหนึ่ง’

อันที่จริง เขาเองก็งงว่ามันคือเรื่องอะไร แต่ก็ทำเป็นตามน้ำไป ยอมให้เจ้าตัวเขาได้สารภาพ

“น้องเค้กขอโทษที่ปล่อยให้พี่ส้มโอทำผิดกฎร้ายแรง โดยไม่ยอมห้ามปรามค่ะ!” สมฤดีสะดุ้งโหยง ทันทีที่คำสารภาพได้หลุดออกจากปากเด็กห้าขวบ

เป็นงานเหลือเกินลูกเอ๋ย พูดคล่องเป็นผู้ใหญ่ ด้วยน้ำเสียงใสๆ ไร้เดียงสานั่นแหละ!

“ร้ายแรง?” เจ้าของใบหน้าเรียบขรึม แต่ความคมคร้ามได้สัดส่วนของใบหน้ายังคงน่ามอง ให้ความสบายตา ในความรู้สึกของคนที่เฝ้าแอบฝันถึงเขามาเสมอ

แม้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ใจเธอยังคงเต้นระริกระรี้ กับการได้ใกล้ชิดเขา แม้จะไม่ใช่ครั้งแรก

“เธอทำอะไร” เขาหันมามองหน้าพี่เลี้ยงของหลานสาว ด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น แววตาฉายความพร้อมจะเดือดดาลชัด จนสมฤดีรีบคุกเข่าเพื่อให้เขาลดโทษให้

“ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ”

ว่าด้วยสั่นๆ ทีท่าของเธอเต็มไปด้วยความประหม่า น้ำเสียงของเธอเหมือนคนที่ร้องไห้ไปแล้ว

“ฉันถามว่าเธอทำอะไร” เสียงของเขาดังขึ้นกว่าเดิม โชติคิดว่าสิ่งที่เขากำลังสงสัย มันเป็นความจริง

“เอ่อ...คือว่า...” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา สบตากับผู้ชายที่ยืนจนเต็มความสูง ความหล่อเหลาของเขา ไม่อาจถูกบดบังด้วยความดุกร้าว

แปลก ที่ยิ่งเขาดุ...ใจเธอก็ยิ่งรู้สึกสั่น

มันไม่ใช่ความกลัว ไม่ใช่ความน่ากลัว แต่มันคือเสน่ห์แห่งบุรุษเพศที่สามารถดึงดูดเธอได้มากกว่าเดิมซะอีก

บ้า...คิดอะไรอยู่เนี่ย

หญิงสาวพยายามปรามตัวเอง ที่ใจหลุดลอยไปไกล ไม่ได้คิดว่าสิ่งตรงหน้าคือภัย แต่คือสิ่งที่ดีต่อใจเสียอย่างนั้น!

“พี่ส้มโอปลูกดอกไม้ในบ้านเราค่ะ!” เด็กหญิงคณิชารีบตะโกนออกมา พร้อมเอาแขนกางปกป้องพี่เลี้ยงสาวสุดฤทธิ์

“น้องเค้กรู้ว่าน้าโชเกลียดดอกไม้มากๆ แต่น้องเค้กผิดเองที่ดื้อด้านกับพี่ส้มโอ จนพี่เขาเครียด ก็เลยอยากปลูกดอกไม้แก้เครียด...และมันก็แก้เครียดได้จริงๆ นะคะ!” แล้วเด็กน้อยก็โชว์รูปของสมฤดีที่เธอแอบถ่ายมา ให้ผู้เป็นน้าดู

สีหน้าตึงๆ ของโชติผ่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะย่นคิ้วเข้า

“ปลูกดอกไม้แก้เครียดงั้นเหรอ?”

สิ่งที่เขาเข้าใจ ไม่ใช่อย่างนั้นสินะ

“ใช่ค่ะ พี่ส้มโอ...ผิดที่ปลูกดอกไม้ แต่ดอกไม้ก็ทำให้แววตาของพี่ส้มโอ สดใสขึ้นมาแบบนี้จริงๆ เลยนะคะ” ในขณะที่เด็กน้อยอธิบายเป็นต่อยหอย สมฤดีก็ต้องแอบส่ายหน้า

นี่ถือว่าเป็นเจ้านายหรอกนะ ถ้าเป็นหลานแถวบ้านเธอจะตีให้ตาย คิดได้ยังไง ริอ่านโกหกผู้ใหญ่เป็นวรรคเป็นเวรตั้งแต่เล็กแต่น้อย

“เป็นความจริงเหรอ?” โชติหันไปถามคนก้มหน้างุดตรงๆ จนเธอต้องรีบเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าและแววตาของเธอก็ปฏิเสธเขาชัดเจนนะ

“ใช่ค่ะ หนูเครียดจริงๆ” แต่จะให้เธอปฏิเสธออกไปได้ยังไง ชีวิตลูกจ้างมันทำได้แค่ไหน ใครๆ ก็รู้กันอยู่

“น้าโชอย่าสั่งรื้อดอกทานตะวันเลยนะคะ เพราะนอกจากพี่ส้มโอแล้ว...น้องเค้กก็คิดว่าดอกทานตะวันทำให้น้องเค้กสดชื่นขึ้นจริงๆ นะคะ” ว่าพร้อมกะพริบตาปริบๆ จนโชติต้องถอนหายใจออกมา

“น้าก็ไม่ได้ว่าอะไร อยากปลูกก็ปลูกไป”

“จริงเหรอคะ!” สองสาวพูดขึ้นพร้อมกัน และถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา

“น้าไม่ชอบดอกกุหลาบ ดอกอื่นๆ เฉยๆ ปลูกแล้วก็แล้วกันไป” น้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นของเขาทำให้สมฤดีเบาใจ หากแต่ความสงสัยก็ไม่ได้สิ้นสุด

ไม่ชอบดอกกุหลาบ ทำไมกันนะ?

“ขอบคุณนะคะน้าโช!” แล้วเด็กหญิงผู้รู้ความก็ทั้งกอดทั้งหอม ผู้เป็นน้าเป็นการใหญ่

ปล่อยให้คนมองตามตาละห้อยอย่างสมฤดีได้แต่คิดในใจ

หือ...หอมอีกหลายๆ ฟอด เผื่อพี่ด้วยสิคะคุณหนู!

“น้าเพิ่งแต่งเพลงใหม่เสร็จ  อยากฟังไหม”

“จริงเหรอคะ! อยากฟังมากๆ ค่ะ...ว่าแต่ ทำไมแต่งเพลงใหม่บ่อยจังละคะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็เห็นเพิ่งจะเล่นให้น้องเค้กฟังไปเองนี่คะ” คนพูดเก่งพูดไปตามที่คิด จนน้าชายต้องอุ้มขึ้นไปไว้ในอ้อมแขน ก่อนพาไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเปียโนของเขา

“แต่ครั้งนี้น้าจะเล่นด้วยกีตาร์นะ อารมณ์เพลงมันต่างกัน”

“เอาค่ะ เอา...เอาอันไหนก็ได้ น้าโชเล่นดนตรีได้ทุกเครื่องอยู่แล้ว!” ไม่ใช่แค่เด็กหญิงคณิชาเท่านั้นที่ตื่นเต้นดีใจ คนที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นก็ใจแทบวาย นี่เธอจะได้ใช้แต้มบุญเพิ่มอีกวันเหรอเนี่ย

คราวที่แล้วได้ฟังเปียโนสดๆ คราวนี้จะได้มาฟังกีตาร์สดๆ อีก!

“ดิฉันขอตัวนะคะ...” แต่เมื่อได้สติก็รีบขอตัวออกมา วันนี้เธอทำผิดไปแล้วหนึ่งเรื่อง ไม่ควรเสนอหน้าอยู่ต่อ

ไม่ใช่อะไรนะ ไม่อยากให้แต้มบุญหมดไวต่างหาก!

“อยู่ฟังด้วยกันสิ” แต่เหมือนบุญก้อนใหญ่ก็ได้ลอยมาทับเธอเข้า

อะไรนะคะ?

เธออยากจะทวนถามแบบมีเสียงออกไป แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ทวนถามผ่านแววตาใสๆ ของตัวเองเท่านั้น

มุมปากหยักคลี่ยิ้มส่งให้เล็กน้อยแบบไม่ได้ตั้งใจ

“ฉันอยากให้มีคนช่วยฟังอยู่พอดี นั่งฟังช่วยหน่อยเถอะ”

ให้ตาย...แม่เจ้า น้ำเสียงขอร้องของเขา ไพเราะเหมือนระฆังเงินที่ดังจากสรวงสวรรค์

แม้ว่า...เธอไม่รู้ว่าตัวเองเคยขึ้นสวรรค์มาก่อนหรือเปล่า ในตลอดสังสารวัฏอันยาวไกลนี้!

“ขอบคุณค่ะ” เธอคลี่ยิ้มออกมา

ไม่ได้ยิ้มแค่ริมฝีปากบางเรียบเท่านั้นนะ แต่ยิ้มออกไปทั้งดวงตา จนคนลอบสังเกตอยู่สะดุดเข้าที่ใจกึกใหญ่...

แววตาของเด็กผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนนี้ ดูสว่างสดใส ราวกับมีทุ่งดอกตะวันบานอยู่ข้างๆ ทุกครั้งที่เธอคลี่ยิ้มอย่างไรอย่างนั้น

เพ้อเจ้อ

โชติบริภาษตัวเองด้วยถ้อยคำนั้นในใจ ก่อนหยิบกีตาร์ขึ้นมา ตั้งสติ...แล้วทำการพิสูจน์ให้รู้กันไปเลยว่า ผู้หญิงคนนี้ใช่คนที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมาเพื่อสอดแนมเพลงของเขาจริงๆ รึเปล่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel