ตอนที่ 9 ตัวตนที่แท้จริง
เย็นวันถัดมา
ภูวดลอยู่ไม่สุขทนไม่ได้เพราะความคิดถึงมันล้นใจ เขาขับรถมาหานลินนาราที่บ้านถึงจะโดนยายเธอกีดกันก็ยอม เมื่อมาถึงเรือนไทยเอมอรบอกว่านลินนาราเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดสามวัน เขาเลยเบอร์โทรของนลินนาราและติดต่อขอพิกัดที่พักของเธอก่อนจะขับรถตามไปทันที เวลาเดินทางผ่านไปเกือบสามชั่วโมงกว่าจะไปถึงที่รีสอร์ตก็มืดค่ำ
“ผมมาถึงแล้ว ออกมาหาหน่อยสิ” ภูวดลโทรหาและยืนอยู่หน้าห้องของหญิงสาวที่คิดถึง นลินนาราอมยิ้มเหลือบมองเชยชมก่อนจะลุกเดินมาที่ประตูห้องแล้วเปิดแง้มชะเง้อหน้าออกมาคุย
“ดึกแล้วมาทำไม?”
“คิดถึงไงถามได้”
“บ้า..... อยู่ ๆ มาบอกคิดถึง” เธอหลบสายตาแก้มแดงเขินอาย
“ผมยังไม่ได้จองห้องพัก ขอนอนด้วยสิ” เขาทำท่าจะแทรกตัวเข้าไปในห้องเธอหน้าเหวอรีบเอามือดันให้เขาออกไป
“อย่ามาตลกนะคุณ ห้องนี้มีแต่ผู้หญิงจะมาอยู่ห้องเดียวกันได้ไง!”
“ทีเมื่อคืนนี้เรายัง..........” หน้าคมยกยิ้มกรุ้มกริ่มทำให้นลินนาราแปลกใจ
“อะไร?”
“นารา คุยเสร็จหรือยัง!” เสียงเชยชมดังเตือนมาจากในห้อง นลินนาราสะดุ้งหน้าเจื่อนก่อนจะหันไปตอบ
“เรียบร้อยแล้วกำลังจะเข้าไปจ๊ะ”
“ไปได้แล้วคุณ” เธอหันมองเขาอีกครั้งแล้วโบกมือไล่
“ก็ได้...........” เสียงทุ้มอ่อนลงถอยหลังให้เธอปิดประตู แล้วยืนยิ้มมีความสุขก่อนจะเดินไปยังล็อบบี้เพื่อจองห้องพัก
ด้านนลินนารายืนพิงประตูอมยิ้มเธอตั้งใจจะห่างเขาแต่ทำไม่ได้คนมันคิดถึงห้ามยังไงก็ไม่ไหว เชยชมแอบมองแล้วถอนใจสงสารสาวน้อยแสนดีที่อยากรักใครก็ไม่ได้รักต้องฝืนใจตัดขาดความสัมพันธ์เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของคนรัก
เช้าวันรุ่งขึ้น
ภูวดลรีบตื่นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อมาหาหญิงสาวที่คิดถึง เขาเดินริมสระว่ายน้ำที่อยู่เลียบชายหาด แต่แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวร่างบางผิวขาวยืนอยู่บนหาดทรายด้วยความโดดเด่นนั้นทำให้เขาหันไปมอง หญิงสาวในชุดบิกินนี่ตัวจิ๋ว ยืนโพสท่าเซ็กซี่โดยมีชายหนุ่มกำลังถ่ายรูปให้กับเธอทั้งสองหัวเราะยืนดูรูปในกล้องกันใกล้ชิดอย่างคู่รัก เขาเพ่งมองผู้หญิงคนนั้นที่คุ้นเคยและเมื่อเธอหันหน้ามาถึงรู้ว่านั้นคือนลินนารา เขายืนตาค้างตัวแข็งทื่อเธอที่เขาคิดถึงกำลังนัวเนียอยู่กับผู้ชายคนอื่นแววตาคมแข็งกร้าว เท้าหนักรีบวิ่งไปบนชายหาดหวังกระชากคนทั้งคู่ออกจากกัน แต่ระยะทางที่เขากำลังวิ่งมันไกลเกินไป ชายหญิงบนชายหาดขึ้นบนเรือสปีดโบ้ทแล้วขับออกไปก่อนที่เขาจะมาถึง
“นารา นารา!” ภูวดลวิ่งตามจนสุดขอบทรายตะโกนเรียกสุดเสียง หญิงสาวบนเรือหันมามองเขาแล้วหันกลับไปซบไหล่กว้างของชายข้าง ๆ ไม่สนใจภูวดล
เขาจ้องมองสปีดโบ้ทแล่นไปอย่างปวดใจพึ่งเข้าใจชัดเจนวันนี้สาวหน้าหวานแต่ร้ายลึกที่ใคร ๆ พูดว่าเธอนั้นมันเป็นเรื่องจริงคนอื่นรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอหมดแล้ว ยกเว้นเขาที่ไม่เคยฟังใครฝืนท้าทายจนตัวเองถลำลึกเจ็บปวดจุกจนพูดไม่ออกโดนผู้หญิงหน้าหวานหลอกปั่นหัวจนสิ้นลาย
ภายในห้องสัมมนาของรีสอร์ต
เชยชมสวมชุดแม่ครัวสีขาวแขนยาวจัดขนมหวานวางไว้เป็นชิ้น ๆ ตกแต่งสวยงามพอดีคำเตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่มาสัมมนาในตอนบ่ายส่วนตอนค่ำรับทำอาหารแบบค็อกเทลเพราะทางผู้จัดงานชื่นชอบฝีมือของนลินนาราเลยว่าจ้างมาต่างหากแยกกับครัวของรีสอร์ต
“ทางนี้เรียบร้อยแล้วนะ” เชยชมบอกกับนลินนาราที่ยืนจัดขนมหวานอยู่หางโต๊ะตัวยาว
“จ๊ะพี่ ทางนี้ก็เรียบร้อยแล้ว”
“กว่าจะเสร็จเหนื่อยเหมือนกันนะ” เชยชมยืนปาดเหงื่อท่าทางอิดโรย เพราะตื่นแต่เช้ามานั่งทำขนมและจัดงานกว่าจะเสร็จก็เกือบบ่าย
“เพื่อเงินนะพี่อีกสองวันก็ได้เงินแล้ว” นลินนารายิ้มหวานให้กำลังใจเชยชมที่สีหน้าเหนื่อยล้า แม้จะเหนื่อยเหมือนกันทั้งคู่แต่นลินนาราก็ยังมีรอยยิ้มให้กับงานที่รักและได้เงินมาอย่างสุจริต
“ไม่เห็นคุณภูเลย” เชยชมเอ่ยขึ้นเพราะเมื่อคืนเห็นเขามาหานาราแต่วันนี้กลับไม่มาให้เห็น
“เขาคงติดงานมั้ง”
“เขามาทำธุระเหรอพี่นึกว่าตั้งใจมาหานาราซะอีก”
“เขามาทำธุระมากกว่า ไม่ได้มาหานาราหรอก” เสียงหวานแผ่วเบาปรายตามองรอบ ๆ บริเวณระหว่างเผื่อจะเห็นภูวดลแต่ก็ไร้วี่แวว
ช่วงหัวค่ำ
งานเลี้ยงพนักงานเริ่มขึ้นนลินนารากับเชยชมคอยดูแลอำนวยความสะดวกเติมของว่างไม่ให้ขาด บรรยากาศรื่นเริงสนุกสนาน แต่นลินนารากลับรู้สึกพะอืดพะอมเพราะกลิ่นควันบุหรี่ที่หญิงสาววิงเวียนเมื่อได้กลิ่น ใบหน้าหวานซีดเซียวท่าทางกระอักกระอ่วน
“ถ้าไม่ไหวก็ไปพักเถอะ ทางนี้พี่จะดูแลให้เอง” เชยชมเห็นอาการรู้ว่านลินนาราแพ้กลิ่นควันบุหรี่
“ไม่เป็นไรพี่อยู่ช่วยกันก่อน”
“แขกเมากันแล้วไม่ค่อยมีใครกินของว่างหรอก ไปพักผ่อนเถอะ” เชยชมมองไปยังลูกค้าที่ปาร์ตี้กันสุดเหวี่ยง นลินนาราพยักหน้าเนือย ๆ ก่อนจะพยุงตัวตั้งหลักเดินไปอย่างมึน ๆ
บริเวณทางเดินเป็นสวนมีก้อนหินวางเป็นทางเดินกับแสงไฟสีวอร์มไวท์สร้างบรรยากาศให้โรแมนติค นลินนารามุ่งหน้าเดินไปที่ห้องพัก สักพักได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินตามเธอหันขวับไปมองเห็นร่างหนาไกล ๆ ก็ตกใจรีบก้าวเท้าเดินหนีเร็ว ๆ จนเกือบจะวิ่ง
“นารา!” เสียงเรียกนั้นทำให้เธอชะงักหันมองหน้าตาเหลอหลา
“คุณ...”
“มานี่!” ภูวดลไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบเดินดุ่มมาคว้าแขนเธอแล้วกระชากให้เดินไปด้วยกัน เธอเดินไปกับเขาอย่างว่าง่ายทั้งที่สงสัยว่าทำไมเขาถึงดูบึ้งตึงแล้วดึงแขนแรงจนเธอเจ็บ สักพักเขาก็พาเธอมาหยุดที่หน้าห้องพักหลังใหญ่
“พามาที่นี่ทำไม ฉันจะกลับห้อง!” เธอมองอย่างหวาดระแวงพยายามแกะมือเขาออกจากแขน ภูวดลเคร่งขรึมไม่ตอบคำถามแตะคีย์การ์ดเปิดประตูแล้วกระชากเธอให้เข้าไปในห้อง เธอขืนตัวสีหน้าหวาดกลัวเขาเลยออกแรงกระชากจนเธอเสียหลักเกือบล้มหน้าทิ่มแขนแกร่งประคองตัวเธอไว้แล้วลากไปเหวี่ยงใส่บนโซฟา ร่างบางล้มลงบนโซฟารีบดันตัวลุกขึ้นจะหนีแต่โดนเขาคว้าตัวเธอกอดไว้
“บ้าไปแล้วหรือไง!” เธอตะคอกหน้าแดงก่ำโมโหที่เขาทำร้าย
“บ้าเพราะเธอไง เสแสร้งเป็นคนดีใสซื่อที่แท้ก็นางมาร!” เขาตวาดใส่อย่างเกรี้ยวกราด นาราเงยหน้าจ้องเขาตาเขม็ง
“ฉันไม่เคยเสแสร้ง แต่คุณมันบ้าเมื่อคืนยังคุยดีแต่ตอนนี้เหมือนหมาบ้า!”
“บ้าสิ ถ้าไม่ตื่นเช้าก็ไม่รู้หรอกว่าเธอมันสำส่อน เมื่อคืนอยู่กับอีกคนเช้าไปกับอีกคน นี่ถ้าไม่ไปลากมาเมื่อกี้จะไปเอากับใครอีก!”
เธอโกรธจัดสะบัดตัวแรงหลุดจากอ้อมแขนเขาแล้วฟาดมือตบแก้มสากฉาดใหญ่
“เพี้ยะ! อย่ามาดูถูกฉัน!” ภูวดลหน้าหันแสบแก้มรีบหันขวับมาจับแขนเรียวทั้งสองข้างแล้วเขย่าตัวเธออย่างแรง
“สูงส่งมาจากไหนถึงดูถูกไม่ได้ มีผัวสองแล้วยังไม่รวมกับที่สำส่อนเอาไม่เรื่องอีก ช่องคลอดหลวมยังจะเล่นตัว อยากได้เงินก็บอกสิไม่ใช่มาปั่นหัวผมเล่น ผมก็รวยเหมือนคนอื่น รู้ไว้ด้วยว่าผมรวย อยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา เงินสดหลักล้านคอนโดหรูก็ให้ได้ แลกกับที่จะมาเป็นนางบำเรอให้ผมคนเดียวบอกมาสิว่าอยากได้อะไร บอกมา!” ใบหน้าคมขึงขังตวาดใส่ไม่ยั้งแววตาแข็งกร้าว นารานิ่งฟังน้ำตาไหลกับคำดูถูกพยายามสลัดตัวออกแต่เขาก็ดึงเธอมากระชับกอดแน่น
“ไอ้สารเลว ปล่อยกู!”
