Chapter 4
...แฟนต้า...
สวัสดีครับผมชื่อซานต้าอายุอานามก็ 20 ปีแล้วสมควรที่จะได้แต่งงานมีครอบครัวนะครับก็พูดไปนั่น ฐานะทางบ้านของผมก็เป็นคนที่มีชาติตระกูลพอสมควรตั้งแต่เด็กแล้วผมถูกหมั้นหมายให้กับเด็กผู้ชายคนนึงที่พ่อกับแม่ของผมเป็นคนหมั้นหมายเอาไว้
เด็กผู้ชายที่สวมชุดสีชมพูน่ารักแก้มสีแดงที่ผมมองแล้วดูน่าหยิกน่าหยอกภาพใบหน้าของเขาทำให้ผมเก็บไปฝันตั้งหลายคืนเฝ้าคิดถึงและคอยมองเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวตอนนี้ผมก็สมควรที่จะได้มีโอกาสที่จะได้เจอกับเขาอีกครั้งและได้อยู่กับเขาซึ่งผมเป็นคนให้แม่ของผมเร่งการแต่งงานให้เร็วขึ้น เพราะผมอยากที่จะแต่งงานกับเขาจนใจจะขาดแล้วเนี่ย
"มองอะไรไม่กินหรอบิงซูน่ะ"
"ผมกำลังกินอยู่นี่ไง"
"ถ้าการที่เอาช้อนเขี่ยบิงซูเล่นแล้วก็ไม่กินนั้นเขาไม่ได้เรียกว่ากินหรอกนะ"
"ผมกำลังดูพี่กินผมก็อิ่มแล้วครับ"
"ประสาทหรอเห็นฉันกินแล้วนายจะอิ่มน่ะ"
"ทำไมพี่ต้องพูดสุภาพกับผมด้วยอ่ะ พูดกูพูดมึงกับผมก็ได้"
"ไม่เอาอ่ะไม่อยากพูดคำหยาบ"
"ที่บ้านพี่สอนดีนะครับ"
"ที่บ้านฉันมีคนพูดคำหยาบเยอะแล้วก็เลยไม่ค่อยอยากพูด"
"ผมว่าการพูดคำหยาบมันก็ไม่ได้แย่เสมอไปนะครับ"
"ช่างฉันเถอะ ฉันจะพูดคำหยาบหรือพูดสุภาพยังไงก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนายสักนิด"
"เกี่ยวสิเพราะในอนาคตผมก็คืออีกครึ่งนึงชีวิตของพี่ไง"
"เลิกดูซีรีย์ เลิกดูละคร เลิกอ่านนิยายได้แล้วรู้สึกว่านายจะฝันเฟื่องเกินไปแล้วนะ นายอย่าคิดเองเออเองอย่างนี้ได้มั้ย"
ผมมองใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อจนผมอดหัวเราะไม่ได้ก็พี่เขาน่ารักจริง ๆ รอยยิ้มของพี่เขาที่สกัดกั้นเอาไว้ไม่ให้ผมรู้ตัวก็ทำให้ผมหัวใจละลายไปในทันทีแล้ว คนอะไรยิ้มนิดเดียวก็น่ารักแล้ว แถมยิ้มแต่ละทีหน้าสวยชะมัด ผมอยากเข้าไปฟัดอยากเข้าไปกอดจะเข้าไปหอมจริง ๆ
"เลิกมองได้แล้วบิงซูละลายแล้ว"
"เดือนหน้าเราก็จะแต่งงานกันแล้ว"
"แล้ว?"
"ก็ผมดีใจที่อย่างน้อยผมก็มีเวลาที่จะได้เรียนรู้กับพี่ไง"
"แล้วนายไม่คิดว่าแต่งงานกันไปเดี๋ยวก็รักกันเองไม่คิดอย่างนั้นหรอ"
"ไม่หรอกผมว่าการได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันไปพร้อม ๆ กันมันดีกว่าแต่งงานกันไปอยู่กินกันไปแล้วค่อยรักกันเองอ่ะมันไม่ใช่หรอกมันไม่ใช่ความรักมันเป็นแค่คำว่าผูกพันเท่านั้นเอง"
"ทำไมชอบพูดจาลึกซึ้งแบบนี้ไม่เห็นเข้าใจเลย"
"เพราะวันวานของพี่น่ะ พี่ชอบจับปืนจับไม้พลองเอาไว้หวดคนที่จะเข้าใจคำพูดซึ้งอย่างนี้ได้ยังไง"
"ดูพูดเข้า ฉันไม่ได้ทำถึงขนาดนั้นสักหน่อย ฉันเรียบร้อยที่สุดในบรรดาพี่น้องแล้ว"
"ผมก็ว่างั้น"
"รีบกินจะได้พากลับบ้าน"
"ทำไมวันนี้รีบกลับครับ พี่ไม่อยากเดินซื้อของหรอ"
"ไม่อ่ะเบื่อไม่อยากซื้อแล้วจะซื้ออะไรเยอะแยะเปลืองตังค์"
"ปกติคนรวยเขาก็ชอบซื้อของทำไมพี่ไม่ชอบซื้อล่ะครับ"
"ฉันรวยก็จริงแต่ฉันก็ทำงานหาเงินไง ก็เลยรู้ว่าการหาเงินมาลำบากก็เลยไม่ค่อยอยากใช้เงินประหยัดไว้ดีกว่า"
"ผมได้ยินมาว่าพี่ทำค่ายเพลงด้วยไม่ใช่หรอ"
"ทำไมสนใจอยากเป็นนักร้องในค่ายเพลงฉันหรือไง"
"ไม่อยากเป็นหรอกเดี๋ยวผู้หญิงตามติด"
"กลัวฉันตามไปตบผู้หญิงพวกนั้นหรือไงฉันไม่ใช่คนโหดร้ายขนาดนั้นหรอกนะ"
"เพราะผมรักพี่มากต่างหากผมเลยไม่อยากที่จะทำให้พี่เสียใจเพราะเรื่องของผู้หญิงคนอื่น"
"พูดดีนี่"
"อิ่มแล้วกลับบ้านกันเถอะครับ"
ผมมาส่งพี่เขาที่บ้าน แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่คุณแม่ของพี่เขาชวนผมเข้ามาดื่มน้ำที่บ้านก่อน
และสุดท้ายฝนดันตกและก็พายุเข้าอีกตามเคยตามกฎเรื่องของนิยายทั่ว ๆ ไปและผมได้อภิสิทธิ์ในการเข้ามานอนในบ้านและห้องส่วนตัวของพี่วอร์ม โดยที่คุณแม่เป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง
"แม่สามไม่คิดว่าจะเกินไปหน่อยหรอครับห้องรับแขกก็มีทำให้ให้เขามานอนห้องผม"
"ก็หนูวอร์มกับแฟนต้าเป็นคู่หมั้นกันอีกไม่กี่วันก็จะได้แต่งงานกันแล้วก็ซ้อมอยู่กันไปก่อนไง ห้องรับแขกคุณแม่ยังไม่ได้ให้ใครเตรียมทำความสะอาดเลย"
"คนรับใช้มีตั้งเกือบร้อยคนทำไมจะทำความสะอาดไม่ทันครับ ทำแค่แป๊บเดียวไม่ได้หรอ"
"เอาน่าให้น้องเขานอนด้วยสักคืนจะเป็นอะไรไป แม่ไปก่อนนะคะ"
ว่าจบคุณแม่ก็รีบเดินออกไปทันทีผมรู้สึกว่าคุณแม่เกรงใจพี่วอร์มมากเลย ผมไม่เข้าใจครอบครัวของเขาจริง ๆ มีการเรียกแม่สามซึ่งบ่งบอกว่าอาจจะมีแม่อื่นๆอีกด้วยผมงงกับตระกูลนี้จริง ๆ
"สงสัยหรอว่าทำไมฉันเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่สาม"
"ทำไมพี่เรียกเขาอย่างนั้นล่ะครับ"
"ตระกูลของฉันเป็นตระกูลผู้ดีมาจากอิตาลีเป็นตระกูลมาเฟียที่มีอิทธิพลกว้างขวาง บรรพบุรุษของฉันแต่งงานเข้ากับตระกูลของมาเฟียที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลสืบต่อกันมาเรื่อย ๆ จนถึงรุ่นของคุณพ่อฉัน เขามีภรรยาคนแรก ซึ่งก็คือแม่ใหญ่แต่ว่าหลังจากที่แม่ใหญ่แต่งงานกับคุณพ่อก็ไม่มีลูกจนแม่ใหญ่ให้แม่รองแต่งเข้ามาจนมีฉัน ไนท์ คิน และแอมแปร์ที่เป็นพ่อแม่เดียวกัน และเป็นหลานคนแรกของตระกูล"
"และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้น หลังจากแม่รองซึ่งเป็นแม่ของฉันมีฉันและน้องชายได้ไม่นาน แม่รองก็เสียไปพ่อของฉันแต่งงานใหม่เป็นครั้งที่ 3 แม่ใหญ่จึงรับกระต่ายกับตาต้ามาจากอิตาลี คุณพ่อจึงเหลือแค่แม่สาม และเมื่อ 5 ปีก่อนแม่สามก็ให้กำเนิดน้องชายวัย 4 ขวบให้กับฉันได้เล่นด้วย"
"แล้วทำไมพวกเขาถึงแต่งงานมีภรรยาเยอะขนาดนี้ล่ะครับ"
"ส่วนมากตระกูลมาเฟียอายุสั้นก็มีศัตรูเยอะเขาเลยอยากจะมีคนเอาไว้สืบเชื้อสาย สายเลือดของตัวเองเอาไว้เยอะ ๆ เพื่อที่จะไม่ได้สูญสิ้นสายเลือดของตัวเองไง"
"มีลูกเยอะไม่กลัวเขายิงกันตายฆ่ากันตายเพราะสมบัติหรอครับ"
"พูดอะไรตลกขนาดนั้น ตั้งแต่พวกเราเกิดมาทางตระกูลใหญ่เขาก็แบ่งทรัพย์สินมรดกให้กับลูกหลานตั้งแต่เกิดแล้ว"
"ผมคิดว่าผมเป็นคนธรรมดาดีกว่านะ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องการแบ่งทรัพย์สินมรดกแบบนี้"
"ฉันเข้าใจ"
"ผมก็เข้าใจพี่นะครับพี่อาบน้ำเถอะ เราตากฝนเข้าบ้านอาจจะไม่สบายรีบอาบน้ำเถอะครับ"
"ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม"
"ได้ครับพี่อยากทำอะไรผมก็ถามได้เลย"
“นายไม่กลัวหรอที่มาอยู่กับฉันที่มาแต่งงานกับฉันที่เป็นลูกมาเฟียที่มีอิทธิพลใหญ่โตแบบฉัน”
"ผมรักพี่ที่ตัวพี่ไม่ใช่ฐานะทางบ้านของพี่เลยสักนิดผมไม่กลัวว่าผมจะตายเพราะพี่เพราะตั้งแต่เกิดมาพี่คือคนที่ผมจะมอบชีวิตต่อจากนี้ให้กับพี่..."
ผมยังไม่ได้พูดจบพี่เขาก็โน้มหน้าเข้ามาจบลงที่ริมฝีปากของผมก่อนที่จะค่อย ๆแทะโลมริมฝีปากของผมไปทีละนิดทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปในทันที
ผมคว้าเข้าที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากของเขาอย่างลึกซึ้งและหนักหน่วงทำให้อีกฝ่ายต้องดึงหน้าออกและสูดลมหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว
"ผมรักพี่นะครับและผมไม่อาจจะรักใครได้อีก"
"เจ้าเล่ห์นักนะเขาพูดจุดอ่อนให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นไปกับนาย"
"วันนี้พรุ่งนี้และวันมะรืนผมว่างนะครับเป็นวันว่างๆที่ผมอยากว่างตลอดไปสำหรับพี่"
"เลิกคิดเรื่องนั้นได้แล้ว!"
"คนอะไรเขินยังไงให้น่ารัก
