chapter 5
Chapter 5
...วอร์ม...
การได้มีโอกาสศึกษาดูใจกับคนที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานด้วยมันก็ ok นะครับ เราจะได้รู้นิสัยของอีกฝ่ายว่าเขาเป็นคนอย่างไร มีลักษณะนิสัยที่สามารถเข้ากับเราได้ไหม มันทำให้ผมสามารถตัดสินใจที่จะแต่งงานได้อย่างง่ายดาย และผมก็พร้อมที่จะยอมเสียสละชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของตัวเองเพื่อการแต่งงานของเรา และใช้ชีวิตอยู่กับเขาหลังจากนี้
กำหนดการงานแต่งงานของผมก็ได้เริ่มขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า แล้วตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวที่ดีและเรียนรู้งานบ้านงานเรือนเท่าที่จะทำได้โดยแม่สามเป็นคนจัดแจงหาคนมาอบรมการเป็นแม่บ้านแม่เรือนให้กับผม
"วันนี้ดิฉันจะมาสอนคุณชายใหญ่ให้ทำอาหาร ซึ่งเมนูวันนี้ก็คือพะแนงหมูค่ะ"
"ขั้นตอนมีดังนี้
ส่วนผสม
- กะทิ แบ่งเป็น 2 ถ้วย และ 1/2 ถ้วย
- เนื้อ 500 กรัม
- พริกแกงพะแนง 1/2 ถ้วย
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
-เกลือ 1/2 ช้อนชา
-มะเขือพวง
-พริกซอยเฉียงๆ
-ใบมะกรูดหั่นฝอย
วิธีทำ
- เทกะทิลงไปในกระทะ แล้วนำเนื้อลงไปต้มในน้ำกะทิ ต้มจนกะทิแตกมันและเนื้อสุกเปื่อยดีแล้วนำขึ้นมาวางพักไว้ก่อน
-ใส่น้ำกะทิที่เหลือที่ครึ่งถ้วยลงไปผัดกับพริกแกง จากนั้นก็นำน้ำกะทิส่วนที่ต้มกับเนื้อ ใส่ลงไป
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ใส่มะเขือพวง พริกซอย และใบมะกรูด ต้มจนแกงได้ที่ จากนั้นก็ตักใส่ชามเสิร์ฟได้แล้วค่ะ"
"คุณชายใหญ่เข้าใจไหมคะ"
"มันก็ไม่ยากครับผมจะพยายามให้เต็มที่"
แม้ปากของผมจะพูดอย่างนั้น แต่ผมก็รู้ว่าผมก็ไม่สามารถที่จะทำอาหารได้รวดเร็วถึงขนาดนั้น แต่ผมก็จะพยายามทำ การทำอาหารในครั้งแรกออกมาอาจจะหน้าตาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
แต่ผมก็คิดว่ามันก็ดีพอสมควรหน้าตาอาจจะไม่ดีแต่รสชาติ มันก็โอเคอยู่ โดยคนที่มาสอนผมทำอาหารเขาก็บอกว่ามันใช้ได้ต้องปรับเปลี่ยน หน้าตาอาหารให้ดีขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นก็พอ
"คุณวอร์มวันนี้มีนัดเดทนะคะ"
"ผมรู้แล้วครับ"
"อีกครึ่งชั่วโมงไปถึงร้านได้แล้วนะคะจะเตรียมรถเอาไว้ให้แล้ว"
"ครับ"
หลังจากพูดคุยกับแม่บ้านเสร็จตัวของผมเองก็เตรียมตัวที่จะไปทานอาหารข้างนอกกับแฟนต้าคู่หมั้นของผมเอง ช่วงนี้เราไม่ค่อยมีเวลาไปไหนด้วยกันอาจจะเพราะเขาไม่ค่อยมีเวลาแล้วกำลังเรียนอยู่ในช่วงนี้ เลยทำให้เราไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่
"รอนานไหม"
"ไม่นานหรอกผมพึ่งมานั่งก่อนสิครับ"
"อืม"
"อยากทานอะไนเป็นพิเศษมั้ย"
"เอาต้มยำทะเลแล้วกันแล้วก็...."
หลังจากสั่งอาหารเสร็จผมก็นั่งเล่นที่โต๊ะอยู่สักพักก่อนที่เครื่องดื่มที่ผมสั่งไปก่อนหน้านี้นำมาเสิร์ฟก่อน ร้านอาหารที่ผมมาทานวันไหนวันนี้ก็ไม่ได้เป็นร้านที่ไฮโซหรูหราอะไรมากมายเป็นร้านระดับกลางที่คนทั่วไปสามารถเข้ามาทานอาหารที่นี่ได้
บรรยากาศดีเป็นสถานที่ที่วัยรุ่นชอบมาทานอาหารกัน ซึ่งผมก็ชอบแนวนี้มากเหมือนกัน การตกแต่งในร้านเน้นความน่ารักของเจ้าของร้านแน่นอนเพราะว่าสไตล์การแต่งก็เหมือนกับสาวน้อยในโลกแสนหวาน และก็ความเป็นธรรมชาติที่ผสมลงตัวกันทำให้ผมชื่นชอบเป็นอย่างมาก
หลังจากที่อาหารนำมาเสิร์ฟจนครบตามที่สั่งแล้วเราก็ลงมือทานอาหารกัน มีพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันบ้าง แต่แล้วก็มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามา โดยไม่ให้เกียรติผมที่นั่งอยู่เลยแม้แต่น้อย
"แฟน"
"เจน"
"แฟนมาทำอะไรที่นี่"
"เรามาทานข้าวอ่ะ เจนมีอะไรหรอ"
"อ๋อ เจนมาดูร้านให้พี่สาวน่ะ เนี่ยร้านพี่สาวของเรา อยากทานอะไรเพิ่มเติมบอกเราได้นะ"
"เป็นร้านพี่สาวของเจนเองหรอ เราไม่รู้เลยว่านี่เป็นร้านของพี่สาวเธอ"
"ก็ตั้งแต่เราเลิกกันเมื่อ 2 เดือนก่อนเราก็ไม่ได้เจอกันเลยนี่นาเป็นไงบ้างสบายดีไหม"
"ก็สบายดีแล้วเจนล่ะสบายดีไหม"
"เจนสบายดีแต่คิดถึงแฟนมากกว่า"
บทสนทนาของทั้งสองคนทำเอาผมที่อยากกินต้มยำทะเลถึงกับทานไม่ลงเลยทีเดียว พวกเขาจะมารำลึกความหลังกันที่นี่ทำไมกัน ยิ่งในระหว่างที่ผมกำลังทานอาหารอยู่นอกจากเขาจะไม่คุยกับผมแล้วยังเอาแต่คุยกับผู้หญิงคนนี้อยู่นานสองนาน
ผมวางช้อนรวบช้อนเอาไว้ ก่อนที่จะเช็ดมือเช็ดปากของตัวเอง ซึ่งนั่นหมายความว่าผมอิ่มแล้ว และไม่ต้องการที่จะฟังบทสนทนาของทั้งสองคนอีก
"พี่อิ่มแล้วหรอครับ"
"อืม"
"ว่าจะถามตั้งนานแล้วนี่พี่ชายของแฟนหรอ"
"เอ่อ..."
"ทำไมไม่บอกเขาไปล่ะ"
ผมพูดขึ้นมาทำให้แฟนหน้าเสียไปเลยทีเดียว แล้วนั้นทำให้ผมรู้ว่าเขาอับอายกับการที่จะต้องแต่งงานกับคนอย่างผม และอับอายที่ต้องบอกกับแฟนเก่าว่าจะแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน
"ถ้ามันอึดอัดใจมากก็ไม่ต้องพูด"
"พี่..."
"มันยากนักหรอการที่จะบอกคนอื่นว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน"
"แฟนเก่าผมนะพี่ผมจะมาพูดว่าผมเป็นแฟนกับพี่ตอนนี้ต่อหน้าแฟนเก่าผมไม่ได้"
"นายอายคนอื่นนายอายแฟนเก่านายแคร์แฟนเก่ามากกว่าฉันงั้นหรอ"
"ผมเปล่านะคือ...มัน..."
"ทบทวนตัวเองให้ดีว่าจะยังทำอะไรที่ฝืนใจอีกนานมั้ยวันนี้ฉันเลี้ยง"
ว่าจบผมก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาร์เตอร์ทันทีอารมณ์ดี ๆ กลับกลายเป็นอารมณ์เสียไปในทันที
ผมเดินมาโดยไม่สนใจอะไรอีกนอกจากจะมุ่งหน้ากลับไปยังที่บ้านของตัวเองผมก็ไม่โอเคกับการกระทำและคำพูดของเขาเหมือนกัน ในเมื่อแคร์คนเก่าอยู่ แล้วยังจะมาแต่งงานกับผมทำไม หรือว่าเป็นเพราะคำสัญญาของแม่ทั้งสองคนที่สัญญากันเอาไว้ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างนั้นหรอ
"พี่ฟังผมก่อนได้ไหม"
"พูดมาสิ"
"ผม...ไม่อยากให้แฟนเก่าเสียใจที่ต้องมารับรู้ว่าหลังจากเลิกกับผมแล้ว ผมจะมาแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน ผมไม่อยากให้แฟนเก่ารู้สึกไม่ดี"
"แล้วนายคิดว่าคำพูดของนายทำให้ฉันรู้สึกดีงั้นหรอ ฉันไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิดที่นายให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าฉัน"
"พี่มีเหตุผลหน่อยสิครับ"
"เหตุผลหรอ เหตุผลที่นายอับอายและนายแคร์แฟนเก่าของนายมากกว่าฉันที่กำลังจะแต่งงานด้วย ผู้หญิงเจ็บได้แต่ผู้ชายอย่างฉันเจ็บไม่ได้งั้นหรอ”
“นายอับอายที่จะต้องบอกกับแฟนเก่านายว่านายกำลังจะแต่งงานกับฉัน นายต้องให้ฉันตะโกนร้องว่าดีใจจังเลยเธอทำถูกแล้วอย่างนั้นหรอ หรือว่าการแต่งงานของเราไม่ใช่ความสมัครใจของนายแต่เป็นการบังคับจากครอบครัวนายมากกว่า"
"ทำไมพี่คิดอย่างนั้นนะครับ ทำไมพี่ต้องคิดเองเออเองแบบนี้ด้วย ผมไม่เข้าใจเลยอ่ะ"
"ฉันก็ไม่เข้าใจกับนายเหมือนกัน"
"พี่ไม่เชื่อใจผมมากกว่า!"
"ขนาดเพื่อนสนิทของนาย นายยังไม่กล้าพูดเลยถ้าวันนั้นฉันไม่บอกว่าฉันเป็นคู่หมั้นของนาย แล้วจะมีคนอื่นรู้มั้ย"
"แล้วพี่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องของเราทำไม"
"แล้วทำไมจะรู้เรื่องหาไม่ได้ ในเมื่อเราจะแต่งงานกัน ทุกคนก็ต้องรู้ว่าฉันเป็นอะไรกับนายอยู่แล้ว ในอนาคต แล้วทำไมนายถึงไม่กล้าบอกคนอื่นล่ะ!"
"พี่โคตรไม่มีเหตุผลเลยว่ะ"
"ใช่ ฉันไม่มีเหตุผล ฉันถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่เสมอ ถ้านายรับไม่ได้ก็ไม่ต้องแต่ง ไปใช้ชีวิตอยู่กับแฟนเก่าไปคืนดีกับเขาซะ นายน่าจะได้สบายใจขึ้นแล้วก็บอกใครต่อใครได้ว่าเป็นแฟนกับเขามากกว่าฉัน"
"พี่ฟังก่อนได้ไหม ผมรักพี่จริง ๆ นะ รักพี่มาตั้งนานแล้ว ความรักของเราแค่สองคนมันรู้เรื่องกันแค่สองคนไม่ได้หรอทำไมต้องประกาศให้คนอื่นรู้"
"ความรักมันรู้กันแค่สองคน มันรู้ได้แล้วถ้าฉันไปข้างนอกมีคนถามฉันว่า แฟนของฉันเป็นใคร แฟนของฉันทำงานอะไร อยู่ที่ไหนทำไมไม่พามาทำไมไม่บอกใครในคิดว่าฉันจะตอบคำถามพวกนี้ยังไง"
"ทำไมเราต้องมาทะเลาะเรื่องแฟนเก่าของผมได้วะ"
"ความรู้สึกของฉันกับนายมันเร็วเกินไปทั้งสองฝ่าย ฉันกับนายเป็นคู่หมั้นกันเพราะครอบครัวเราไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก นายกลับไปคิดดูให้ดีว่าอยากแต่งงานกับฉันอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นเพราะครอบครัวบังคับก็อย่ามาเสียเวลาอยู่กับฉันเลยทำตามใจตัวเองเถอะ"
"แฟน..."
"ไม่เป็นไรเจนเธอรับรู้เรื่องนี้ได้"
"มันเรื่องอะไรกัน..."
"เรามีเรื่องจะบอก"
"เรื่องอะไรเรารอฟังอยู่"
"คือว่า..."
"คือ...เรา..."
"แฟนบอกเราเถอะ"
"เรา...กับ...พี่เขาเป็น..."
"เป็นอะไร"
"เป็น...เอ่อ...เป็น..."
"เป็นคนรู้จักกันที่มาทานอาหารเย็นด้วยกันเท่านั้น"
“ควยเถอะ!”ผมสบถก่อนจะเดินออกไป
