ยิงเลยสิ
เช้าวันต่อมา
@คฤหาสน์คาเนสัน
“นายท่านค่ะ เราตามหานายหญิงมาทั้งคืนแล้วไม่มีวีแววจะเจอเธอเลยค่ะ”
“ฉันพอจะเดาออกคำแก้วว่าอเล็กซ่าอยู่ที่ไหน”
สิ้นเสียงของโอเนีย อาเนียลได้แต่ยกมือขึ้นภาวะนาของพรพระผู้เป็นเจ้าให้ช่วยคุ้มครองหลานสาวให้รอดจากเนื้อมือมัจจุราชอย่างตระกูลไซนาเซียด้วยความหวังอันริบหรี่
“โอเนีย เราจะทำยังไงกันต่อ”
“ฉันให้คนของเราไปซุ่มรอดูสถานการณ์ที่หน้าคฤหาสน์ไซนาเซียแล้ว ถ้ามีอะไรพวกมันคงรายงานเรามาเอง”
“แล้วเราจะปล่อยให้พวกมันเอาตัวหลานรักเราไปแบบนี้หรอ”
สายตาคมของพี่ชายคนโตของบ้านจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้การคาดเดา ก่อนจะหันมาสบตาผู้เป็นน้องด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย
“เราไม่สามารถเอาชีวิตที่เหลือไปเสี่ยงกับพวกมันได้ โอเนียลแกเองก็รู้ แต่ฉันจะส่งคนไปถล่มตึกอสังหาที่พวกมันกำลังสร้างให้ราบเป็นหน้ากอง ข้อหามาขโมยหลานสาวฉันไป”
@คฤหาสน์ไซนาเซีย
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!”
ในขณะที่อเล็กซ่ายังคงนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างความเหนื่อยล้าจากการร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจมานาน เธอต้องสะดุ้งตื่นอย่างงึนงงเพราะมีมือหนาของใครบางคนกระซากเธออย่างแรง จนวิญญาณแทบจะหลุดลอยออกจากร่างสาวในทันที
“นี่ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
หญิงสาวพยายามสะบัดข้อมือเล็กออกจากกรงเล็บ ของมัจจราช แต่ยิ่งอเล็กซ่าขัดขืนมากเท่าไหร่แรงที่กดลงมายังข้อมือของเธอมันยิ่งเพิ่มความรุนแรงจนแทบจะหักข้อมือของเธอได้ทันที เขาลากเธอเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมที่ห้องเดิมเหมือนของเมื่อวาน
“มันถึงเวลาแล้ว อเล็กซ่า!! เธอต้องบอกความจริงว่าเอไรอันอยู่ที่ไหน”
นัยน์ตาสีเขียวยังคงจับจ้องมองมาที่เธอ พร้อมอยากจะฆ่ากันให้ตาย โดมินิคยังคงโหดร้ายและรุนแรงกับหญิงสาวเหมือนเดิม ทำเหมือนเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอ หญิงสาวรู้สึกตกใจปะปนกับความ กระดางกระเดื่องเพราะไม่อยากเจอหน้าเขาคนที่ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของเธอ
“อเล็กซ่า!!”
เสียงตวาดดังลั่นห้อง สร้างความตกใจให้กับหญิงสาวจนหัวใจด้วยน้อยเต้นสั่นระริกๆอีกครั้ง ท่าทางดุดันและจริงจังของโดมินิคมันทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออกด้วยความหวาดกลัว
“ฉะ..ฉันบอกนายไปแล้ว”
“อย่ามาโกหกฉัน เพราะถ้าอย่างงั้นเธออาจจะเจอแบบเมื่อคืนก็เป็นได้”
แววตาเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาทางหญิงสาว มันทำให้อเล็กซ่าถึงกับขนลุกซู่ ถึงแม้เธอจะหมดสติไปก่อน แต่หญิงสาวสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและทรมานนั้นชะเหลือเกิน
“ฉันพูดความจริง พี่ไรอันตายไปแล้วจริงๆ”
ปัง!!
กรี๊ด!!
เสียงปืนดังลั่นสนั่นไปทั้งห้อง อเล็กซ่าตกใจส่งเสียงกรีดร้องดังแข่งกับเสียงกระสุนปืนที่พุ่งทะยานออกไปเจาะเข้าที่กำแพงข้างหลังเธอ ตัวเธอสั่นเครือด้วยความหวาดกลัวตายสุดแท้จะบรรยาย น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินลงอาบแก้มเมื่อโดมินิคยื่นปลายกระบอกปืนจ่อมาที่หัวอย่างไม่ปรานี
“บอกความจริงฉันมาแล้วฉันจะไว้ชีวิตเธอ”
ความรุนแรงและความเจ็บปวดประดังเข้ามาในจิตใจที่มีแผลเป็นลึกและบอกซ้ำมาเกือบ 12 ปี เธอพยายามไม่รื้อฟื้นความเจ็บปวดนั้นขึ้นมาจนกระทั่งได้มาเจอกับโดมินิค ‘พ่อ แม่ พี่ไรอัน หนูไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วได้โปรด’ ร่างบางได้แต่คิดอยู่อยู่ในใจก่อนจะพ่นคำออกมาจากเรียวปากอวบอิมอย่างไม่ใยดี
“เอาเลยโดมินิค ลั่นไก่ปืนสิ”
คำพูดที่ท้าทายของอเล็กซ่า ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยคิ้วหนาม้วนเข้าหากันด้วยความสงสัย ‘อเล็กซ่ารู้จักชื่อของฉันได้ยังไง’ เสียงภายในจิตใจดังสนั่นใบหู
ใบหน้า และจมูกโด่งเรียวที่แดงก่ำ น้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอนั้นมันทำให้ใจเขาหวั่นไหว โดมินิคไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร เขาเป็นคนค่อนข้างเด็ดขาดถ้าเขาจะฆ่าใครสักคนไม่ต้องคิดนานให้ปวดหัว แต่กับเธอคนนี้เขาได้แต่ขู่ให้เธอกลัวไม่กล้าแม้แต่จะยิงกระสุนฝังหัวเธอด้วยช้ำ
“เธออย่ามาท้าทายฉัน อเล็กซ่า”
“ฉันไม่ได้ท้าทาย ถ้าการฆ่าฉันสักคนมันทำให้ตระกูลของนายหายแค้น ก็เอาเลย!!”
ความเจ็บปวดที่เธอได้รับ จุดฉนวนให้อเล็กซ่าไม่อยากมีชีวิตอยู่บนขุมนรกนี้อีกต่อไป เธอจ้องนัยน์ตาสีเขียวเข้มของเขาอยากกล้าหาญ และเด็ดเดี่ยว ไม่แพ้สายตาที่ดุดันของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
“นายท่านครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
เสียงของบอดี้การ์ดข้างนอกห้องดังขึ้นขัดจังหวะ เขาหยุดชะงัก หลบสายตาจากหญิงสาวอย่างทันที ก่อนจะหรี่สายตามองต่ำเป็นสัญญานบ่งบอกว่ารับทราบ
“หึ!! ฝากเอาไว้ก่อนอเล็กซ่า!!”
ปลายกระบอกปืนถูกลดต่ำลง พร้อมกับคนร่างสูงที่เดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
อเล็กซ่าที่กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลก่อนหน้านี้ ปล่อยมันออกมาอย่างพรั่งพรู ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกกลัวโดมินิคเลย แต่กลับกันเธอหวาดกลัวปีศาจร้ายอย่างเขามากที่สุดในชีวิต แต่เมื่อฟ้าลิขิตให้เธอมาพบเจอกับคนในตระกูลนี้ พ่อแม่ พี่ชายก็จากโลกใบนี้ไปแล้ว แล้วเธอจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร การที่โดนโดมินิคฆ่าตายยังจะดีกว่าอยู่คนเดียวเพียงลำพัง
10 นาทีผ่านไป
“เฮ้อ!!”
เสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างคนไร้หนทางเธอยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม จ้องมองไปยังพื้นกระเบื้องที่อยู่ตรงหน้า ครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขาปักใจเชื่อนักหนาว่าเอไรอันยังไม่ตาย
“หรือแท้จริงแล้วพี่ไรอันจะไม่ตายจริงๆ เป็นไปไม่ได้ อเล็กซ่า แกก็เห็นศพของทุกคนกับตา”
หญิงสาวพยายามครุ่นคิดถึงเหตุการณ์วันนั้น เธออยู่กับครอบครัวที่ประเทศสเปน ทุกคนดูมีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยที่ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะมีคนของตระกูลไซนาเซียมาทำร้าย เธอจำสถานการณ์ได้เกือบทุกฉาก ซึ่งมีเพียวแค่ฉากเดียวที่เธอไม่สามารถจำมันได้เลยคือฉากที่รถคว่ำ คิดไปคิดมาหญิงสาวรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนแทบจะระเบิดออกมา
ฟุบ!!
ร่างบางล้มฟุบลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างไม่รู้ตัว เธอหมดสติจากความเหนื่อยล้า ความอ่อนแอจากการไม่ยอมทานอาหาร และความเจ็บปวดของร่างกายที่ได้รับจากชายที่โหดร้ายอย่างโดมินิค
“โอ้พระเจ้า!! ช่วยด้วยคาริน!!”
เสียงของแมรี่ตะโกนดังลั่นห้อง เมื่อเธอถือถาดอาหารเข้ามาในห้องแล้วเห็นร่างของหญิงสาวที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น จึงส่งเสียงเรียกบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเข้ามาช่วยอีกแรง
“โธ่!! นายหญิงอเล็กซ่า เธอคงจะเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจยิ่งนัก ช่างน่าสงสารจับใจจริงๆ”
แมรี่พรำเพ้อในขณะที่มือถือผ้าสีขาวชุมน้ำอุ่นๆ นั่งลงข้างๆเตียงค่อยเช็ดเนื้อเช็ดตัวที่มอมแมมของหญิงสาว อย่างเบามือ ด้วยท่าทางอ่อนโยนเหมือนผู้เป็นแม่ค่อยดูแลลูกสาวอย่างไงอย่างงั้น
