ปู่อยากแกกลับบ้าน
@คฤหาสน์ไซนาเซีย
“นายท่าน เธอกลับมาแล้วครับ”
“หึ!! ดีมากจอน”
เสียงหัวเราะเค้นออกมาจากลำคอเบาๆ ตัดกับเรียวปากหนาที่พ่นกลุ่มควันสีเทาลอยละล่องฟุ้งกระจายทั่วห้องขนาดใหญ่ แววตาที่เยือกเย็นว่างเปล่าและสีหน้านิ่งไร้ความรู้สึกในตอนแรกถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นความดุดัน
สายตาคมกริบจ้องมองรายละเอียดรูปภาพของใครบางกลุ่มที่ติดอยู่บนบอร์ดภายในห้องพักสุดหรูในคฤหาสน์ไซนาเซีย มือหนาพลางยกแก้วใบใหญ่ที่มีน้ำสีอำพันเคลื่อนไหวไปมากระดกเข้าปากอย่างรวดเร็วตามกระแสอารมณ์ที่แสดงออกอย่างท้วมท้น
เพล้ง!!
แก้วใบหนาตกกระทบพื้นแตกกระจัดกระจายเต็มพื้นห้องตามแรงเหวี่ยงของปีศาจอย่างโดมินิค ความโกรธ ความเกลียด และความเครียดแค้นที่อยู่ภายในใจมายาวนานใกล้ถึงวันที่ต้องปลอดปล่อยมันสักที
12 ปีก่อน
“โดมินิคตื่นได้แล้วลูกรัก”
เสียงหญิงวัยกลางคนรูปร่างผอมสูง ผิวขาวดุจใยผ้า ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงสีสวยจัดจ้านอย่างเห็นได้ชัด กระซิบเบาๆ ข้างๆ ใบหูของชายหนุ่มแรกรุ่นในขณะหลับตาฝัน
โดมินิคสะดุ้งตัวตื่นเล็กน้อย พลางขยับร่างใหญ่กำยำพลิกตัวนอนหงาย พยายามเปิดเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อย่างยากลำบาก ก่อนจะหันใบหน้าหล่อคมคายมาทางจีน่าที่ส่งยิ้มหวานให้เจ็คผู้เป็นสามีก่อนจะหันมาส่งยิ้มสวยให้กับบุตรชายอันเป็นที่รัก
“โอ้วพระเจ้า!! พ่อกับแม่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
ร่างใหญ่ขยับตัวลุกนั่งบนเตียงนุ่ม ด้วยอาการมึนหนักศีรษะพลางมองไปยังหญิงสาววัยกลางคนผู้เป็นมารดา ฉุดมือหนายกขึ้นมากุมใบหน้าหล่อเหล่าเอาไว้อย่างงัวเงีย
“พ่อกับแม่มาอิตาลีเพราะอยากเจอลูก”
เสียงทุ้มต่ำของเจ็คกระตุ้นให้ชายหนุ่มผละมือแกร่งออกจากการเกาะกุมใบหน้าทันที โดมินิคเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ็คและจีน่า แห่งไซนาเซียตระกูลมาเฟียใหญ่ที่ทรงมหาอำนาจ และมีอิทธิพลอันดับต้นๆของประเทศรัสเซีย หนุ่มน้อยวัย 20 ปี ที่ดั้นด้นมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศอิตาลี เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย รวมถึงการเข่นฆ่ากันระหว่างไซนาเซียและคาเนสัน
“คิดถึงผมมากๆ ก็บอกครับ”
มือหนาของร่างใหญ่รีบคว้าต้นคอของเจ็คและจีน่าเข้ามาสวมกอดอย่างคิดถึงสุดหัวใจ เผยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักออกมาเต็มใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างเฉกเช่นเคยที่ผ่านมา
“ลุกขึ้นเถอะพ่อหนุ่ม พ่อจะพาไปทานของอร่อยๆ”
30 นาทีผ่านไป
@ร้านอาหารใจกลางเมือง
“พ่อกับแม่บินมาถึงอิตาลี ไม่ใช่แค่อยากเจอผมเฉยๆหรอกจริงมั้ยครับ”
นัยน์ตาสีเขียวเข้มจ้องมองใบหน้าคมคายที่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยตามกาลเวลาสลับไปมากับใบหน้าที่จัดจ้านด้วยเครื่องสำอางอย่างนึกสงสัย ชายหนุ่มที่เติบโตมาในตระกูลมาเฟียใหญ่ ที่มีศัตรูรอบล้อมเต็มไปหมดโดยเฉพาะตระกูลคาเนสัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะสังเกตและมีทักษะต่างๆ สามารถมองลักษณะท่าทางน่าสงสัยของคนเป็นพ่อและแม่ออกว่ามีอะไรบ้างอย่างแอบปิดบังเขาอยู่
หญิงสาววัยกลางคนมีท่าทางตื่นตะหนกลนลานเล็กน้อยจนผิดสังเกต เมื่อผู้เป็นบุตรชายส่งสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ เธอเริ่มสะกิดแขนสามีที่นั่งจิ๊บกาแฟทำหน้าตาเฉยไม่รับรู้เรื่องราวอยู่ข้างๆ ก่อนเจ็คจะเอ่ยน้ำเสียงทุ้มต่ำออกไป
“พ่อกับแม่อยากให้ลูกระวังตัวให้มากกว่านี้โดมินิค”
“ทำไมครับพ่อ?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วหนาเป็นเชิงคำถามกับผู้เป็นพ่ออย่างสงสัยมากกว่าเดิม เมื่อเจ็คเอ่ยปากตักเตือนบุตรชายด้วยท่าทางตึงเครียด
เพราะโดยลำพังบอดี้การ์ดฝีมือดีอย่างจอนที่ถูกส่งตัวมาค่อยดูแลและคุมกันโดมินิคที่อิตาลีแล้ว ชายหนุ่มยังมีความจำเป็นอะไรที่คนอย่างเขาจะต้องค่อยระมัดระวังตัวจากศัตรูได้อีก
“ช่วงนี้พ่อมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีนัก ทั้งคนของตระกูลคาเนสันและ…ไซนาเซีย”
เจ็คหยุดชะงักมองหน้าจีน่าและบุตรชายอย่าง เลิ่กลั่กด้วยความลืมตัว มือหนารีบหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิ๊บเบาๆ เพื่อเบี่ยงเบนสถาณการณ์จากสิ่งที่ผิดพลาด พลางก้มหน้าต่ำจนคางงอชิดหน้าอกสีหน้าเคร่งเครียดกับสิ่งที่ตนเองหลุดพูดออกไป
“หมายความว่ายังไงครับ”
โดมินิคเริ่มตีหน้านิ่วคิ้วหนาม้วนเข้าหากันทันทีด้วยความมึนงง สงสัยกับคำพูดที่เน้นหนักและท่าทางที่แสดงออกจากผู้เป็นพ่อ
“ป่าวหรอกลูกรัก พ่อเขาคงทำงานหนักไปหน่อยช่วงนี้เลยค่อนข้างมึนงงคำพูดตัวเอง หลุดพูดจาพร่ำเพรื่อออกไปนะจ๊ะ อย่าถือสาเลยคนแก่ก็แบบนี้แหละ ฮ่าๆ”
จีน่าหัวเราะเบาๆกลบเกลื่อนสถานการณ์ที่ตึงเครียด เพื่อไม่ให้หนุ่มน้อยโดมินิคคิดมาก และเป็นกังวลกับคำพูดของสามี
ชายหนุ่มเมื่อเห็นท่าทางและกิริยาของผู้เป็นมารดาจึงคลายความกังวลสงสัย และแสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมาอย่างเห็นได้ชัด
1 สัปดาห์ต่อมา
คลืดดด!! คลืดดด!!
เสียงมือถือสั่นสะเทือนบนหัวเตียง กระตุ้นให้มิเซลหญิงสาวคู่นอนสะดุ้งตื่นอย่างงัวเงียบนเตียงหนาขนาดใหญ่ พลางเอื้อมมือยาวมาสะกิดชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆกาย
“คุณค่ะ!! มือถือคุณมีสายโทรเข้ามา”
มือเรียวยาวเริ่มเขย่าตัวของชายหนุ่มเล็กน้อย โดมินิคสะดุ้งตื่นอย่างงุนงง ก่อนจะตั้งสติและเอื้อมมือหนาไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงมาดูด้วยสายตาที่พร่ามัว
“จอนหรอ?”
สายโทรเข้าเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวที่เขาสนิทสนมเป็นอย่างมาก โดมินิคขมวดคิ้วหนาด้วยความสงสัย หัวใจดวงโตสั่นกระสับกระส่ายด้วยความตื่นเต้น เพราะปกติแล้วจอนจะไม่โทรหาเขาถ้าไม่มีเรื่องด่วนหรือสำคัญจริงๆ
“ฮัลโหล!!”
“นายน้อยครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
“ส่งมา!!”
น้ำเสียงที่ดูตื่นตะหนกของบอดี้การ์ดคนสนิทดูลุกลนจนน่าสงสัย ชายหนุ่มไม่อยากพูดหรือต่อความยาวสาวความยืดให้มากเรื่อง รีบตัดบทสนทนาอย่างรวดเร็วก่อนจะวางสายไปในทันที
“ออกไปก่อน”
น้ำเสียงเอ่ยออกอย่างเรียบเฉย แต่แอบแฝงไปด้วยดวงตาคมกริบและดุดัน ซึ่งช่างแตกต่างกันในเวลาปกติ เขาไล่ให้มิเซลออกจากห้องทันที เพราะนี้เป็นเรื่องส่วนตัวภายในตระกูลไม่ควรให้คนนอกรับรู้จะดีที่สุด
“ดะ..ได้ค่ะ”
ด้วยน้ำเสียง แววตาและท่าทางน่ากลัวทำให้หญิงสาวรีบตาลีตาเหลือกออกจากห้องอย่างลุกลี้ลุกล้นด้วยความหวาดกลัว
ติ่ง!!
วิดิโอ (รถเจ็คกับจีน่าเกิดระเบิด)
“ไม่!!…ไม่!!”
เพล้ง!!
มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดตกลงกระแทกพื้นแตกกระจัดกระจายออกไปคนละทิศละทางทันที ชายหนุ่มตัวอ่อนไร้เรียวแรงทรุดลงกับพื้นด้วยสติที่เลื่อนหาย หัวใจเต้นแรงแทบจะระเบิดด้วยความตกใจ เขาปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างอัดอั้นตันใจกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไม่จริง!! อึก อือ!!”
ปัก!! ปัก!!
มือหนากำหมัดแน่นทุบกำปั้นหนักลงที่พื้นกระเบื้องปูน เนื้อเยื่อฉีกขาดจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรง ฉุดให้เลือดสีแดงเข้มไหลซึมออกมาจากบาดแผล ชายหนุ่มจ้องมองเลือดสีแดงละลายเจือจ่างกับน้ำใสที่ไหลออกมาจากดวงตาคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภายในหัวเขามีแต่ความโกรธแค้น และแรงอาฆาตพยาบาทมากมายต่อคนที่ฆ่าพ่อกับแม่
กริ่ง!! กริ่ง!!
เสียงโทรศัพท์บ้านที่หัวเตียงดังสนั่นห้องสี่เหลี่ยม ดึงสติของชายหนุ่มให้กลับมาโฟกัสกับปัจจุบันได้เป็นอย่างดี สายตาคมกริบที่คลุกเคล้ากับน้ำตาเอ่อนองและไหลอาบแก้มหันใบหน้าไปมองตามเสียงช้าๆ ด้วยสายตาที่เจ็บปวดแสนสาหัส
“ฮัลโหล!!”
“โดมินิคปู่อยากให้แกกลับบ้านเรา เดี๋ยวนี้!!”
