ตอนที่ 7
"ฉันขอยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องและไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น..." การะเกดถอนหายใจออกมาดังๆ ยิ่งฟังเรื่องราวความสัมพันธ์นี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสารฟาติมาเหลือเกิน
"บางทีนี่อาจเป็นประสงค์ของพระเป็นเจ้า เราคงฝืนโชคชะตาไม่ได้มั้งคะ" ฟาติมาก้มหน้าถอนหายใจเบาๆ ประหนึ่งว่ายอมรับกับชะตากรรมที่เกิดขึ้น
"ฉันอาจจะช่วยพวกคุณตามหาผู้หญิงคนนั้นได้" นักข่าวสาวพูดอย่างมีความหวัง
"เพื่ออะไรคะ หาตัวคนๆ นั้นมาเพื่ออะไรกัน" ฟาติมามองหน้าการะเกดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
"เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉัน และบางทีอาจจะมีโอกาสได้รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณอัสมันถึงต้องทำแบบนั้น"
"แต่ฉันไม่ต้องการรู้" ฟาติมาปฏิเสธทันที
การะเกดนิ่ง มองหน้าหญิงสาวด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทำไมฟาติมาถึงได้ไม่คิดสืบสาวราวเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนรักที่จากไป
"หรือว่าคุณเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นคือฉัน" นักข่าวสาวถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"จะเป็นคุณก็ช่าง จะเป็นใครก็ตาม การตามหาตัวไม่ได้ทำให้อัสมันฟื้นขึ้นมาได้ ฉันไม่อยากรับรู้หรือรื้อฟื้นในสิ่งที่ผ่านมาแล้วค่ะ ฉันต้องการเดินหน้าต่อไปเพื่อชีวิตที่ดีกว่า"
การะเกดเงียบไม่พูดอะไรต่อทั้งสิ้น ฟาติมาคงเลือกแล้วว่าจะทำใจให้ลืมเรื่องเลวร้ายด้วยการมองไปข้างหน้าเพื่อชีวิตที่เหลืออยู่ จึงไม่คิดสืบสาวเอาเรื่องราวใดๆ อีกต่อไป แต่เธอ...
เธอคงไม่สามารถหยุดค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ได้แน่ เพราะมันอาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้การะเกดพ้นข้อกล่าวหาที่ชีคดาเนียลยัดเยียดให้ และหวังว่าความจริงจะถูกเปิดเผยโดยเร็วเพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่ที่นี่ ในดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนอีกต่อไป
"คุณคงเจอความร้ายกาจจากดาเนียลมาบ้างแล้ว ดาเนียลอารมณ์ร้ายไม่ใจดีเหมือนอัสมันหรอกค่ะ ตอนที่รู้ข่าวคุณถูกพามาที่นี่ ฉันก็คิดอยู่ว่าเขาจะทำอะไรกับคุณบ้าง" ฟาติมาวกกลับมาที่เรื่องของการะเกด
"ชีคดาเนียลยังไม่ได้ทำอะไรฉันเลย" การะเกดพูดตามความจริง
"นั่นก็เป็นเพราะว่าเขายังติดงานสำคัญอยู่ แต่เมื่อไรที่งานจบก็จะกลับมาไล่บี้กับคุณเรื่องอัสมันอีก"
"ฉันเพิ่งขอร้องเขาไปว่า ให้โอกาสหาหลักฐานก่อน"
"เขาไม่มีวันยอมหรอกค่ะ ดาเนียลจะใช้วิธีเลี่ยงไม่ตอบ จากนั้นก็จะใช้วิธีลงโทษตามความพอใจของตัวเอง"
"จริงเหรอคะ" การะเกดฟังแบบนี้แล้วชักเริ่มใจคอไม่ดี
ที่ผ่านมาชีคดาเนียลไม่เคยฟังเธอเลยอย่างที่ฟาติมาพูด และไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นในสิ่งที่เสนอไปก่อนหน้า มีแต่จะบีบบังคับให้ยอมรับว่าความผิดที่ไม่ได้ก่อ หรือว่านิสัยของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายที่แท้จริง จะไม่ใช่ภาพลักษณ์แสนดีที่ทั่วโลกเห็น แต่เป็นการกระทำต่อหน้าที่เผชิญอยู่ในเวลานี้
"ยิ่งกว่าจริงอีกค่ะ เขาบังคับให้คุณยอมรับใช่ไหมว่าเป็นคนที่ทำให้อัสมันตาย" ฟาติมาหันมามองหน้าการะเกด
"ค่ะ เขาบอกว่าให้ฉันยอมรับซะ ว่าเป็นคนที่หลอกลวงคุณอัสมัน" หญิงสาวพยักหน้ารับตามที่พูด
"และไม่ว่าคุณจะอธิบายอะไรไป ดาเนียลก็ไม่ยอมเชื่อและไม่ฟังในสิ่งที่คุณพูดใช่ไหมคะ"
"ค่ะ เขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น พยายามบังคับให้ฉันยอมรับทั้งๆ ที่ฉันยืนยันเป็นสิบครั้งว่าไม่รู้จัก เขาก็ไม่ฟัง" ชีคดาเนียลเป็นแบบนั้นจริงๆ คือไม่ฟังอะไรที่การะเกดพูดสักคำเดียว คำพูดของเธอคือคำโกหก คำพูดของเขาคือประกาศิตที่ทุกคนต้องยอมรับ แต่ใครจะยอมรับในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ให้ตายอีกร้อยครั้งหญิงสาวก็ไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด
"ถ้าฉันเป็นคุณนะคะ ป่านนี้ฉันหนีแล้ว" ฟาติมาหันซ้ายมองขวาแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้การะเกด
"หนี" นักข่าวสาวทวนคำเบาๆ
"ค่ะ อยู่ที่นี่ยิ่งง่ายต่อการหนี" น้ำเสียงฟาติมาจริงจังอย่างเห็นได้ชัด
"ที่นี่อยู่ใกล้ชายแดนรอยต่อระหว่างคาลีจกับโอม่าร์ กลางคืนมีรถบรรทุกขนของวิ่งผ่าน ถ้าไปกับพวกนั้นยังมีทางรอดมากกว่าอยู่รอดาเนียลตัดสิน"
"เขาจะทำอะไรฉัน" น้ำเสียงการะเกดเบาโหวงจนรู้สึกได้
"ฉันก็เดาใจไม่ถูกเหมือนกันค่ะ อย่างเบาก็คงขังคุณไว้ที่นี่จนกว่าจะพอใจ หรือไม่ก็คือทำให้คุณไปอยู่กับอัสมัน"
"ไปอยู่กับอัสมัน" นักข่าวสาวแทบหมดแรงเมื่อได้ยินบทลงโทษนี้
มิน่าเล่า หลายวันที่ถูกจับตัวมา เขาถึงได้พูดแต่คำว่าสำนึก ให้สำนึกอะไรในเมื่อเธอไม่ใช่คนผิด จะให้สำนึกเพื่อนำไปสู่การไปอยู่ในโลกแห่งความตายกับคนที่จากไปงั้นหรือ การะเกดไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด
"ฉันควรทำไงดีคะ" นักข่าวสาวถามเสียงเบา
"ไปจากที่นี่ค่ะ ถ้าตัดสินใจตอนนี้คุณยังมีโอกาสที่จะรอด"
"แต่ว่าฉัน..." การะเกดมีท่าทีลังเลใจเล็กน้อย หนีไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของสมองสักครั้งในชีวิต แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน ถ้าไม่หนีคือตาย แต่ถ้าหนีแล้วไปไม่รอดก็อาจตายได้เช่นกัน สรุปแล้วคือตายเท่านั้น
"ถ้าคุณไม่กล้าหนีก็ต้องระวังตัวนะคะ" ฟาติมาขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบที่ข้างหูให้ได้ยินกันเพียงสองคนว่า
"ดาเนียลมีวิธีจัดการคนทั้งต่อหน้าและลับหลังค่ะ ถ้าไม่ลงมือทำเองก็จะให้คนสนิททำแทน คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ฉันเป็นห่วง"
การะเกดตัวชาวาบทันที ไม่ทำเองก็ให้คนอื่นทำงั้นเหรอ แล้วเขาจะให้ใครลงมือจัดการแทนเล่า คนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดตอนนี้ก็มีเพียงนาดาเท่านั้น หรือว่า...ไม่น่า นาดาคงไม่ใจร้ายทำกับเธอได้ลงคอเช่นนั้นหรอก
"ลองสักครั้งไหมคะ เผื่อว่าคุณอาจจะรอด"
แววตาของฟาติมาเฉิดฉายเป็นประกายกล้าขึ้นมา เมื่อการะเกดพยักหน้ารับคำแนะนำนี้อีกครั้ง และคราวนี้เธอจะตั้งใจช่วยให้ผู้ถูกกล่าวหารอดพ้นเงื้อมมือพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายให้จงได้
นักข่าวสาวเริ่มสับสนว่าตนควรจะทำอย่างไรกับชีวิตของตนเองตอนนี้ดี อยู่ที่นี่ต่อเพื่อรอคำพิพากษาโดยไม่ฟังเหตุผลใดๆ ของชีคใจร้ายนั่น หรือว่าทำอย่างอื่นที่ให้มีชีวิตรอดแล้วค่อยคิดหาทางแก้ไขเรื่องนี้ทีหลัง การะเกดควรทำอย่างไรดี ใครก็ได้ช่วยบอกหน่อยเถอะ
"คุณจะเริ่มจากตรงไหนก่อนคะ" เสียงฟาติมาดังขึ้นเรียกสติของการะเกดคืนกลับมาอีกครั้ง
การะเกดขอตัวเข้านอนแต่หัวค่ำหลังจากที่ทั้งวันนี้ขลุกอยู่แต่ในห้องทำงานของอัสมันกับฟาติมา ไม่มีข้อมูลใดๆ ที่หญิงสาวได้เพิ่มนอกจากการพูดคุยถึงชีคดาเนียลในแง่มุมที่ไม่เคยรู้มาก่อน
นักข่าวสาวเหลือบตามองนาฬิกาที่อยู่ข้างเตียง ฟาติมาบอกว่าตั้งแต่สามทุ่มเป็นต้นไปจะเริ่มมีขบวนรถบรรทุกที่จะเดินทางข้ามไปยังโอมาร์ผ่านมาทางนี้ ถ้าการะเกดต้องการจะไปจากที่นี่ก็จะต้องใช้โอกาสนี้เท่านั้น
'ถ้าคุณอยากไปจากที่นี่ ฉันจะช่วยค่ะ' ฟาติมาอธิบายแผนการณ์ต่อไปว่า
'รถบรรทุกที่ติดธงสีส้มคือรถที่จะไปโอมาร์ คุณสามารถขอติดรถเพื่อข้ามแดนไปกับพวกเขาได้'
'ถึงไปโอม่าร์ได้ฉันก็กลับเมืองไทยไม่ได้อยู่ดีค่ะ ชีคดาเนียลอุ้มฉันนั่งเจทเข้ามาที่นี่ พิธีการเข้าเมืองหรือพาสปอร์ตอะไรก็ไม่มี อีกอย่างไปถึงที่นั่นฉันไม่รู้จักใคร แล้วจะกลับเมืองไทยยังไงคะ'
'นี่แหล่ะค่ะคือนิสัยของดาเนียล ทำอะไรไม่ให้ใครติดตามร่องรอยได้ แสดงว่าวัตถุประสงค์ที่พาคุณมาก็เพื่อ...'
'เพื่ออะไรคะ' การะเกดถามต่อด้วยความอยากรู้
'ไม่ให้ใครรู้ว่าคุณมาที่นี่ ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะโยงไปถึงคุณ บทลงโทษที่ดาเนียลจะมอบให้ก็คือการไปอยู่กับอัสมัน'
