ตอนที่ 2
ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่มีการตอบกลับใดๆ ทั้งนั้น เมื่อหญิงวัยกลางคนจัดการสั่งให้เอาตัวการะเกดเข้าห้องน้ำ พร้อมทั้งจัดการชำระร่างกายเธอทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด
ร่างสาวกำลังจะถูกลอกคราบเมื่อสาวน้อยทั้งสองพยายามจะถอดเสื้อผ้าของการะเกดออก เจ้าตัวพยายามจะปัดป้องแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมท่าเดียว ในที่สุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งก็ถูกโยนออกไปอย่างไร้ค่า ชุดชั้นในสีหวานทั้งบนล่างถูกปลดอย่างไม่ไยดี
“โครม” ร่างเปลือยของการะเกดจมหายลงไปในอ่างอาบน้ำใหญ่ที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้หลากสีสัน
“จะทำอะไร อย่านะ” หญิงสาวปัดป้องร่างกายตนเอง เมื่อหญิงวัยกลางคนกระโดดตามลงมา และทำท่าว่าจะขัดถูกเนื้อเนียนให้สะอาดทุกซอกทุกมุม
“มะ ไม่ต้อง ฉันทำเองได้” การะเกดพอจะเข้าใจว่ากำลังถูกจับอาบน้ำ แต่การอาบน้ำแบบ พิเศษ นี้ ถ้าเลือกได้ขอจัดการเองดีกว่า
ดูเหมือนจะไร้ผล เมื่อในที่สุดเนื้อสาวก็ถูกขัดถูตามความพึงพอใจของหญิงวัยกลางคน การะเกดทำได้แค่เพียงปัดป้องเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวนในส่วนที่พึงสงวน ไม่มีเวลาได้หาคำตอบว่าที่นี่คือที่ไหนอีกต่อไป เพราะมือไม้ที่ยุบยับบนตัวเธอเต็มไปหมด ต่างคนต่างก็พยายามจะลอกคราบและสัมผัสเนื้อตัวที่แสนหวง แค่ปัดป้องไม่ให้ร่างกายถูกสัมผัสจากคนแปลกหน้าก็หมดแรงที่จะซักถามอะไรทั้งสิ้นแล้ว
"กินอาหารค่ะ" หญิงวัยกลางคนนำถาดอาหารมาวางตรงหน้า
ตอนนี้การะเกดถูกสองสาวแรงดีลอกคราบ และจับแต่งตัวใหม่ในชุดเสื้อคลุมยาวสีหวานเฉกเช่นเดียวกับที่ทุกคนใส่อยู่
นางพิจารณาสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด สวย ยิ่งอยู่ในชุดพื้นเมืองของที่นี่แล้ว การะเกดก็ยิ่งสวยหวานกลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกเลยว่า เธอเป็นสาวสวยอีกเชื้อชาติที่เพียงแค่สวมใส่เสื้อผ้าของที่นี่เท่านั้น
สวยแบบนี้หรือเปล่าหนอ ถึงทำให้คนที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วเปลี่ยนใจถวิลหาความรักต่างแดน จนเกิดโศกนาฏกรรมที่เศร้าสลดและนำมาสู่สถานการณ์ตอนนี้
"คุณจะบอกฉันได้หรือยังคะว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมฉันต้องแต่งตัวแบบนี้ แล้วทำไมพวกคุณ..." การะเกดทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว สัญชาติญาณนักข่าวทำให้ต้องรู้เรื่องทุกอย่างให้เร็วที่สุด โดยไม่สนใจเรื่องอาหารการกินแม้แต่น้อย
"คุณจะทราบทุกคำตอบหลังกินอาหารเรียบร้อยแล้ว อีกสิบนาทีพบกันนะคะ" นางไม่ตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้นและหันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งให้การะเกดนั่งงงกับตนเองต่อไป
การะเกดถูกนำตัวมาที่ห้องทำงานซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องที่เธออยู่ หญิงวัยกลางคนยืนรออยู่เป็นเพื่อนสักพัก จนกระทั่งเสียงเปิดประตูห้องอีกด้านดังขึ้น ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาให้หญิงสาวเห็นเต็มสองตาก็คือ
"ชีคดาเนียล" การะเกดอุทานด้วยความตกใจ
"ขอต้อนรับสู่คาลีจอย่างเป็นทางการ คุณนักข่าวคนเก่ง" ชีคหนุ่มส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง แล้วหันมาเจรจาภาษาพื้นเมืองกับหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่เป็นเพื่อน ก่อนที่นางจะออกไปด้านนอกปล่อยให้การะเกดอยู่เพียงสองต่อสองในห้องนี้เท่านั้น
"คุณทำแบบนี้ทำไม" การะเกดเปิดฉากถามคำแรกด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้นานว่านี่เป็นฝีมือใคร เพียงแต่การะเกดไม่เข้าใจว่าเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์ใดกันแน่ หรือว่าทำอะไรผิดล่วงเกินความเป็นชีคผู้ยิ่งใหญ่ของเขาเข้าให้
"หลับสบายดีไหม ไม่คิดว่าเธอจะนอนขี้เซาขนาดนี้ หลับที่โรงแรมตอนสัมภาษณ์แล้วยังต้องให้ฉันอุ้มมาที่นี่อีก"
"คุณลักพาตัวฉันมาใช่ไหม" นักข่าวสาวไม่เชื่อว่าตนเองจะหลับกลางอากาศในระหว่างที่ทำงานสำคัญได้
ต้องใช่แน่ มันต้องเป็นกลิ่นหอมพวกนั้นที่สูดดมเข้าไปเพียงไม่นาทีในระหว่างที่เตรียมการสัมภาษณ์ แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเพราะอะไรที่ทำให้ชีคดาเนียลทำเช่นนี้
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้มั้ง เอาเป็นว่าฉันพาเธอมาตอนหลับก็แล้วกัน" เขาพูดหน้าตาเฉยนั่งลงบนโซฟาไขว่ห้างอย่างสบายใจ สีหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการกระทำใดๆ ของตนทั้งสิ้น
"คุณต้องการอะไร หรือว่าเปลี่ยนใจไม่อยากให้สัมภาษณ์แล้วก็บอกมา"
หรือว่าเขาเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากให้คนอื่นรู้วิธีพัฒนาคาลีจ ซึ่งอาจเป็นความลับสุดยอดที่อยากจะเก็บไว้คนเดียวไม่เผยแพร่ต่อให้คนนอกรู้ แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นที่จะต้องจับตัวเธอมาไว้ที่นี่เลย แค่บอกมาคำเดียวว่ายกเลิกการสัมภาษณ์แค่นั้น รับรองว่าทุกอย่างจะไม่มีการเผยแพร่แม้แต่คำเดียว หรือว่ามันจะมีอย่างอื่นแอบแฝงกัน
"ฉันส่งบทสัมภาษณ์ไปให้หัวหน้าเธอเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะทำงานไม่เสร็จ บทสัมภาษณ์ของเธอได้รับคำชมอย่างดีทีเดียว"
"อะไรนะ คุณส่งงานให้ฉันแล้ว"
การะเกดยิ่งงงหนักเข้าไปอีก เริ่มมั่นใจแล้วว่ามีการวางแผนเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี มิน่าเล่า การนัดพบเพื่อขอคิวสัมภาษณ์จึงได้ง่ายดายแค่ส่งอีเมล์ไปแล้วก็ได้รับคำตอบกลับมาภายในวันเดียวกัน มันยิ่งต้องมีอะไรแอบแฝงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยแน่นอน
"ใช่ เพราะฉะนั้นอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจไม่มีงานอะไรค้างคาทั้งนั้น อ้อ วันลาพักร้อนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหมด เพราะ..."
"เล่นตลกอะไรของคุณ จับฉันมาที่นี่เพื่ออะไร ต้องการอะไรกันแน่" การะเกดถามรัวเป็นชุด
"สำนึก" เขาตอบเพียงสั้นๆ ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาด
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นสบตากับคนถาม แววตาของชีคดาเนียลเต็มไปด้วยความโกรธที่การะเกดไม่เข้าใจว่า ไปทำอะไรให้พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายโฉบเอาตัวเธอบินข้ามฟ้ามาอยู่ในดินแดนแห่งนี้ และยิ่งบอกว่าให้สำนึกด้วยแล้วก็ยิ่งคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร
"พูดอะไร สำนึกบ้าบออะไร ทำไมฉันต้องสำนึกด้วย" ยิ่งฟังก็ยิ่งมันไม่เข้าใจ มีอะไรที่ต้องสำนึกที่คาลีจนี่ ในเมื่อเธอรู้จักคาลีจเพราะหน้าที่การงานไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นเลยสักนิด
"ขอบอกให้รู้ไว้นะ ฉันมีงานอื่นมากมายที่จะต้องทำ ดังนั้นฉันจะกลับเมืองไทย เดี๋ยวนี้"
การอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับการะเกดแน่ ขอกลับเมืองไทยไปตั้งหลักก่อน มีอะไรไว้ว่ากันทีหลัง อย่างไรเสียอยู่บนแผ่นดินบ้านเกิด นักข่าวสาวยังอุ่นใจมากกว่าอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จักเช่นคาลีจ
"ไม่" ชีคดาเนียลตอบทันควัน
"ต้องกลับ ฉันมีบ้านมีครอบครัวที่รออยู่ ป่านนี้พวกเขาคงห่วงที่ฉันหายมาแบบนี้ คุณจะกักขังฉันไว้แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ส่งตัวฉันกลับเดี๋ยวนี้" การะเกดสั่งเสียงดังลั่น
"ท่าทางเธอคงรักครอบครัวมากซินะ ฉันก็คิดเหมือนกันว่าพวกเขาคงห่วงที่เธอหายตัวไปแบบนี้" น้ำเสียงเขาเหมือนเข้าใจสิ่งที่เธอพูดเหลือเกิน แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“จะไม่มีการส่งตัวเธอไปไหนทั้งนั้น เธอต้องอยู่ที่นี่" ชีคหนุ่มเอ่ยเสียงดุดันต่อไปอีกว่า
"ไม่ต้องเสียเวลาคิดจะกลับบ้าน เธอควรเตรียมตัวที่จะเป็นคนคาลีจไปตลอดชีวิตดีกว่า การะเกด"
"ไม่ ฉันไม่อยู่ที่นี่เด็ดขาด" หญิงสาวตะโกนโต้กลับไปอย่างไม่หวั่นเกรง
นิสัยของการะเกดไม่เคยกลัวใคร และไม่ก้มหัวให้ใครหากว่าไม่ได้ทำอะไรผิด การที่ชีคดาเนียลบังคับให้เธออยู่ในดินแดนที่ไม่ต้องการ มีหรือที่จะยอมอยู่เฉยๆ ทำตามคำสั่งที่ขัดกับหัวใจของตนเองโดยไม่ตอบโต้
"จะไปไหน" ชีดดาเนียลลุกขึ้นมาขวางทางประตูไว้
