ตอนที่ 3
การะเกดไม่คุยกับคนพูดไม่รู้เรื่องให้เสียเวลา เธอจะหาทางกลับเมืองไทยด้วยตนเอง สถานทูตคือที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวในเวลานี้
"ถอยไปนะ ฉันจะกลับบ้าน" การะเกดตวาดลั่น
ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งสิ้น ไม่สนใจด้วยว่าชีคดาเนียลจะเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้สึกกลัวพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายแม้แต่นิดเดียว แถมกล้าขึ้นเสียงตอบโต้โดยไม่คำนึงถึงว่าอีกฝ่ายจะพึงพอใจหรือไม่ จะชีค จะพญาเหยี่ยวหรืออะไรก็ช่าง ถ้าไม่ถูกต้องเธอก็ไม่มีวันก้มหัวหรืออ่อนข้อให้แน่
"เธอไม่มีสิทธิ์ไปไหนจนกว่าฉันจะอนุญาต" ชีคหนุ่มประกาศกร้าว
"เท่าที่จำได้บัตรประชาชนและใบเกิดของฉันคือคนไทย คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่ง ถอยไป คุณไม่พาฉันกลับ ฉันก็จะหาทางกลับเองให้ได้"
"ตอนนี้เธออยู่บนแผ่นดินคาลีจ และฉันเป็นผู้นำที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ ดังนั้นฉันสั่งเธอต้องทำ”
"ฉันไม่ทำ ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ" การะเกดหาญกล้ามากว่าที่คิด นักข่าวสาวออกแรงผลักให้ร่างสูงถอยห่างประตู เพื่อพาตนเองออกมาจากห้อง
ชีคดาเนียลตัดสินใจรวบตัวการะเกดไว้แล้วลากมานั่งที่โซฟาตัวเดิม แม้เธอจะดิ้นรนหนีทั้งข่วนทั้งทำร้ายอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวหลุดมือไปง่ายๆ
"หยุดบ้า แล้วนั่งสำนึกซิว่าทำอะไรกับใครไว้บ้าง" ชายหนุ่มเหวี่ยงร่างบางลงไปที่โซฟาโดยที่อีกฝ่ายถลาไปโดยไม่ทันตั้งตัว
"ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูด ฉันจะกลับบ้าน" หญิงสาวทะลึ่งตัวขึ้นมาจะยืนแต่ต้องชะงักเมื่อชีคหนุ่มเอาตัวเองคร่อมโซฟาไว้ ถ้าการะเกดออกแรงอีกนิดใบหน้าก็จะเข้ามาแนบชิดกับริมฝีปากของชีคดาเนียลทันที
"ฉันไม่มีวันปล่อยเธอกลับบ้านง่ายๆ หรอก การะเกด" เขาคำรามในลำคออีกครั้ง
"แต่ฉันจะกลับและคุณก็ขวางฉันไม่ได้" นักข่าวสาวเอามือดันอกที่คร่อมตัวไว้ให้ออกไปพ้น
ให้ตายซิ ตั้งแต่เกิดมาชีคดาเนียลยังไม่เคยเห็นใครมีแรงเยอะเท่าการะเกดมาก่อน ทางเดียวที่จะจัดการกับแม่คนหัวดื้อนี้ให้อยู่หมัด ก็คือร่างกายของชีคหนุ่มต้องทำหน้าที่โถมทับลงมาที่กายสาว และใช้สองแขนตรึงร่างเล็กให้หยุดอยู่กับที่บนโซฟาตัวนั้น
"ปล่อยนะ ปล่อย" การะเกดร้องลั่น
เธอกำลังจะหายใจไม่ออก ไม่ใช่เพราะน้ำหนักตัวแต่เป็นเพราะเกิดมาจนยี่สิบสามปีไม่เคยมีผู้ชายหน้าไหน เอาตัวเองมาแนบชิดขนาดนี้มาก่อน
ยิ่งเป็นพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย หนุ่มหล่อที่สาวๆ ทั่วโลกกรี๊ดกร๊าดด้วยแล้ว แม้จะกำลังโกรธที่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่หัวใจของการะเกดก็หวั่นไหวกับแรงสัมผัส ที่เหมือนมีไฟฟ้าช๊อตให้เรี่ยวแรงที่แข็งขืนเมื่อครู่สงบลงได้ในที่สุด
"หยุดดิ้นแล้วฟังฉันนะ" สายตาคมจ้องมองมาที่ดวงตาคู่สวย
"ฉันไม่ได้ให้เธออยู่ที่นี่เพราะความพิศวาสอะไรทั้งสิ้น แต่ฉันต้องการให้เธอสำนึกในสิ่งที่กระทำกับคนของฉัน"
"ฉันไม่ได้ทำอะไรใครทั้งนั้น" การะเกดสวนกลับทันที
"ถ้าไม่ได้ทำ แล้วใครกันที่ยั่วยวนปั่นหัวให้ผู้ชายดีๆ คนหนึ่งทรยศคู่หมั้นตัวเอง และแย่ไปกว่านั้นก็คือเอาชีวิตที่มีคุณค่าสังเวยความรักจอมปลอม ถ้าไม่ใช่เธอแล้วใคร การะเกด" ชีคดาเนียลคำรามถามอย่างดุดัน จนทำให้คนที่อยู่ในการควบคุมรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
"ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูด"
สมองของการะเกดมึนงงไปหมดกับข้อกล่าวหาที่ชีคดาเนียลเอ่ยมา ใครกันที่ทรยศคู่หมั้น ใครกันที่เอาชีวิตสังเวยความรักจอมปลอม ใครก็ช่าง แต่เธอมั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เด็ดขาด
"ไม่รู้เรื่องใช่ไหม ดี ถ้าไม่รู้เรื่องงั้นมานี่ มาดูผลงานเธอ การะเกด"
ชีคดาเนียลกำลังโมโหจึงไม่ปราณีปราศรัยใดๆ ทั้งสิ้น ร่างของการะเกดถูกฉุดกระชากลากถูลงมาจากชั้นบน และตรงไปยังสถานที่อีกที่หนึ่งซึ่งมั่นใจว่าเมื่อเห็นจะต้องจำได้
"ชีคคะ" หญิงวัยกลางคนเมื่อครู่ที่อยู่ข้างล่างรีบวิ่งตามมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นชีคดาเนียลลากตัวการะเกดลงมาจากชั้นบน แล้วโยนไว้ที่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังของคฤหาสน์กลางทะเลทรายแห่งนี้
"ตายจริง ชีค..."
รอยแดงที่ข้อมือรวมถึงน้ำใสที่คลออยู่ในดวงตาคู่สวย แสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้หญิงวัยกลางคนรู้สึกสงสารคนที่ถูกเหวี่ยงให้กองลงกับพื้น แต่ครั้นจะเข้าไปช่วยก็ถูกชีคหนุ่มห้ามไว้
"ไม่ต้อง นาดา แค่นี้ไม่ตายง่ายๆ หรอก" ชีคดาเนียลพูดอย่างคนไม่มีหัวใจ
โดยวิสัยพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายไม่ใช่คนที่จะทำรุนแรงกับผู้หญิงและเด็ก หรือแม้แต่ลูกน้องที่อยู่ภายใต้การปกครอง ก็ไม่เคยมีใครถูกชีคดาเนียลกระทำแบบนี้มาก่อน
การะเกดเป็นคนแรกและคงจะเป็นคนสุดท้ายที่จะถูกพายุทรายลูกนี้หมุนวนเข้าหาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าชีคดาเนียลจะได้คำตอบที่ต้องการ นั่นคือการให้เธอยอมรับว่าเป็นต้นเหตุของการสูญเสียที่อันยิ่งใหญ่ของครอบครัวซาเมียร์
"แต่ว่าเธอล้มนะคะ" นาดาพยายามเตือนสติ
แม้การะเกดจะตกเป็นผู้ต้องหาตามคำพิพากษาของชีคหนุ่ม ว่าเป็นต้นเหตุให้น้องชายสุดที่รักอย่างอัสมันจบชีวิตลงเมื่อหลายเดือนก่อน แต่นาดาก็คำนึงถึงคนที่อยู่ต่อมากกว่าคนที่จากไป
ไม่ใช่ไม่เห็นคุณค่าหรือไม่เสียใจต่อการจากไปของหนุ่มน้อยแสนดีในความทรงจำ แต่เพราะไม่ต้องการให้คนที่มีชีวิตอยู่ต้องอยู่ด้วยความแค้นที่สุมทรวงเช่นทุกวันนี้
"เธอรู้ไหม ห้องนี้คือห้องของใคร" เขาตวาดถามลั่นห้อง
"ฉันไม่รู้ คุณพูดเรื่องบ้าอะไรกัน" นักข่าวสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ
เธอเจ็บตามเนื้อตัวที่ถูกเหวี่ยงถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน ข้อเท้าเจ็บยืนหรือทรงตัวไม่ค่อยจะไหว แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมแสดงท่าทีอ่อนแอหรือร้องขอความเห็นใจใดๆ
"ไม่รู้ใช่ไหม ถ้างั้นเห็นหน้าอัสมันหน่อยเป็นไง เผื่อว่าความทรงจำมันจะกลับมาบ้าง"
ข้อมือหญิงสาวถูกกระชากให้มานั่งลงที่โต๊ะทำงานกลางห้อง รูปภาพของชายอาหรับคนหนึ่งตั้งอยู่ตรงนั้น ให้ไปสาบานอีกสิบวัด การะเกดก็ตอบคำเดิมว่า
"ฉันไม่รู้จักเขา"
"ว่าไงนะ ไม่รู้จักเหรอ" ชีคหนุ่มเค้นไรฟันถาม ดวงตาวาววับขึ้นมาอย่างน่ากลัว
"ฉันไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร ต่อให้ถามอีกสิบครั้งฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าไม่รู้จัก" นักข่าวสาวยืนกรานคำเดิมหนักแน่น
"ขอถามสักคำว่าไม่รู้สึกละอายบ้างเลยเหรอที่กล้าพูดว่าไม่รู้จักอัสมัน จะต้องให้ฉันพูดไหมว่าเธอใช้คำหวานเลี่ยนขนาดไหนล่อลวงเขา"
"ฉันไม่เคยทำอะไรอย่างที่คุณพูดสักครั้งเดียวในชีวิต และฉันก็ไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ชื่ออัสมันนี่ด้วย ที่สำคัญฉันบอกกี่ทีแล้วว่าแม้แต่ชื่อของคาลีจก็ไม่เคยอยู่ในหัวสมอง ถ้าฉันไม่ต้องมาทำงานสัมภาษณ์บ้าๆ นี่ รับรองว่าชาตินี้คุณกับฉันไม่มีทางได้เห็นหน้ากันแน่"
คำพูดที่หนักแน่นของการะเกดไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น กลับยิ่งทำให้ชีคดาเนียลโกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ดีที่นาดามาขวางไว้ให้สถานการณ์ทุกอย่างผ่อนคลายลง
"ใจเย็นนะคะ ชีค" นางห้ามปรามเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม
ชีคดาเนียลไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่แรงโทสะจะไปลงกับลมแล้งที่อยู่ใกล้หรือกลายเป็นความเศร้าซึมที่นางเองก็ไม่อยากเห็น
"คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" นาดาหันมาหาการะเกด
หญิงวัยกลางคนมองเห็นดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อย นี้ดีที่สุดตอนนี้คือแยกทั้งสองให้ห่างกันเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนที่จะแย่ลงกว่านี้
ในขณะที่การะเกดทั้งเจ็บทั้งโกรธทั้งโมโหที่ถูกกระทำเช่นนี้ แต่กระนั้นก็ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น สาวน้อยยังคงยืนกรานที่จะต่อสู้กับคำพิพากษาที่ชีคดาเนียลมอบให้และจะสู้จนกว่าจะชนะ
"บอกแม่คนนี้ซิว่า ถ้าไม่ยอมรับอีก ฉันจะปล่อยให้กฎหมายของเราลงโทษ" ชายหนุ่มพูดภาษาพื้นเมืองให้นาดาถ่ายทอดอีกที
"ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นค่ะ ฉันไม่รู้จักเขา ฉันอยากกลับบ้าน" การะเกดเสียงเครือกลืนก้อนสะอื้นลงคอไม่ยอมให้ใครเห็นความอ่อนแอ
นี่เหรอ พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย ผู้ชายที่สาวๆ ทั่วโลกคลั่งไคล้ การะเกดขอเปลี่ยนสรรพนามใหม่ให้ จากพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายผู้เย่อหยิ่ง คือมารร้ายที่ไร้เหตุผลที่สุดบนโลกนี้ดีกว่า และความหล่อที่หลอกลวงให้คนอื่นคิดว่าคือสุภาพบุรุษ ที่แท้คือซาตานชั่วร้ายที่พูดไม่รู้เรื่องต่างหาก
"คุณตั้งสติดีๆ อีกครั้งนะคะ มองผู้ชายคนนี้อีกทีรู้จักเขาไหม"
นาดาหยิบรูปถ่ายของอัสมันที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้การะเกดมอง พยายามจะตะล่อมถามอีกครั้งเพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจน
"ฉันไม่รู้จักค่ะ ฉันไม่รู้จักเขาจริงๆ"
คำตอบของการะเกดเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ เพลิงโทสะที่ปรากฏในดวงตาพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย ทำให้นาตาต้องเอาตัวเองปกป้องการะเกดไว้ แม้รู้ว่าชีคดาเนียลไม่มีนิสัยทำร้ายผู้หญิง แต่ความโมโหอาจทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวโดยไม่ทันระวังได้
"ให้ฉันคุยกับเธออีกครั้งก่อนได้ไหมคะ" นาดาขอร้อง
อย่างน้อยก็ให้การะเกดตั้งสติแล้วค่อยๆ คิดทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวเธอก็จะค่อยๆ ตะล่อมพูดให้อีกฝ่ายกล้ายอมรับความจริง และหวังว่าสถานการณ์ทุกอย่างคงจะดีขึ้น
"แค่สิบนาทีเท่านั้นค่ะ" หญิงวัยกลางคนย้ำอีกครั้งหนึ่ง แล้วประคองการะเกดไปสงบสติอารมณ์ด้านนอก ปล่อยให้ชีคหนุ่มสะกดอารมณ์ในใจตอนนี้ไปเพียงลำพังในห้องทำงานของอัสมันต่อ
