บทที่ 3
“อย่าให้รู้นะว่าโกหกป้า”
“สรไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ นี่พอรู้ว่าขวัญหายไปสรก็ใจเต้นตึกๆ ตกใจไปหมด น้าใจไปแจ้งความหรือยังคะ” ตอนพูดเกสรเอานิ้วกลางไขว้กับนิ้วชี้ เพราะตอนนี้เธอกำลังโกหกอยู่แต่เป็นการโกหกแบบจำเป็น ฉะนั้นต้องไม่บาปแน่นอน
“ยัง...น้าจะลองตามหาตัวดูก่อน”
“ถ้ามีอะไรให้สรช่วยก็บอกนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบใจ” ขวัญใจบอกแค่นั้นแล้ววางสายไปทันที ในขณะที่เกสรถึงกับเป่าลมออกปากหนักๆ อย่างโล่งอก ส่วนขวัญลดายังคงนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เพราะรู้ว่าแม่ต้องตามหาแน่นอน
“แกเห็นดวงอาทิตย์นั่นไหม”
“เห็น”
“ชีวิตคนเราก็เหมือนดวงอาทิตย์ มีขึ้นมีลงมีวันฟ้าสว่างมีวันฟ้าหม่น ชีวิตแกตอนนี้อาจกำลังเจอวันที่ฟ้าหม่นอยู่ก็ได้ อีกหน่อยมันจะสว่างวาบเชื่อฉัน”
“สว่างวาบด้วยนะ”
“ใช่...ทุกปัญหามันย่อมมีทางออก” เกสรตบบ่าของขวัญลดาหนักๆ อย่างเข้าใจและเห็นใจ แต่ไม่นานสีหน้ากลัดกลุ้มกับเกิดขึ้นกับเธอเสียเอง นั่นเพราะการพาขวัญลดาไปกรุเทพฯ ด้วยครั้งนี้ เพื่อนสนิทอาจรู้ความลับบางอย่างที่เธอปกปิดมันไว้มาตลอดเข้า
รถคันเก่าที่ซื้อมาจากน้ำพักน้ำแรงของเกรสมุ่งหน้าไปยังบ้านในกรุงเทพฯ ซึ่งมันคือบ้านเช่าแถบชานเมือง ทันทีที่ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของเพื่อน ทำให้ขวัญลดารู้ว่าที่ผ่านมานั้นเกสรใช้ชีวิตแบบไหน ชีวิตในเมืองกรุงมันไม่ได้สวยหรู อยู่ง่ายหรือสะดวกสบายอะไรเหมือนคนที่หมู่บ้านคิดเลยสักนิด
คนที่นี่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างถึงที่สุด แม้ครอบครัวของเกสรจะมีอันจะกินครอบครัวหนึ่ง แต่การต้องมาเรียนรวมถึงทำงานที่นี่เหมือนมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ซึ่งเธอก็กำลังจะทำแบบนั้นเช่นกัน
“แม่ขา กลับมาแล้วหรือคะ” ทันทีที่เห็นรถเข้ามาจอดตรงหน้าบ้าน เสียงเล็กๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้ามาโอบกอดผู้เป็นแม่ไว้อย่างคิดถึง ภาพที่เห็นทำให้ขวัญลดายืนมองตาปริบๆ
“กลับมาแล้วค่ะ” เกสรเอ่ยตอบลูกสาวด้วยเสียงอันอบอุ่น แววตาที่ทอดมองเด็กหญิงก็เต็มไปด้วยความรักจนล้นใจ ก่อนจะหันมาคุยกับขวัญลดา “นี่น้องพอใจ ลูกสาวของเราเอง”
“ลูกสาวหรือว่าที่แกไม่กลับไปบ้านเลยช่วงหนึ่งเพราะ...”
“ฉันท้องน่ะ ส่วนพ่อของน้องพอใจก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เราสองคนเลยตั้งใจจะช่วยกันเก็บเงินอีกสักพักแล้วจะกลับไปขอขมาพ่อกับแม่” เกสรเอ่ยบอกถึงความตั้งใจของเธอกับสามี ในขณะที่น้องพอใจก็ยืนมองขวัญลดาอย่างสนใจเช่นกัน
“แล้วทำไมแกถึงไม่บอกฉันสักนิด ถ้าฉันรู้มาก่อนคงไม่มารบกวนแก”
“รบกวนอะไรกันเล่า” เกสรยิ้มให้นั่นเพราะเธอเต็มใจช่วยขวัญลดาจริงๆ แต่สำหรับขวัญลดาแล้วกลับรู้สึกยิ่งเกรงใจ บ้านเช่าแบบนี้อยู่กับสามคนพ่อแม่ลูกก็คับแคบจะแย่แล้ว มีเธอเพิ่มเข้ามาอีกคงยิ่งอึดอัด แต่จะขยับขยายตอนนี้ก็ยังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
“เพื่อนสรจะอยู่กับเราที่นี่อีกนานแค่ไหน”
“คงจนกว่าจะหาห้องเช่าได้นั่นแหละพี่”
“หวังว่าจะเร็วๆ นี้นะ เพราะรู้ๆ อยู่ว่าบ้านเรามันคับแคบ”
“อือ” เกสรเอ่ยรับคำสามี เพราะรู้ว่าขวัญลดากำลังหนีร้อนมาพึ่งเย็น เธอเองก็อยากช่วยให้จนถึงที่สุดแต่สถานการณ์ส่วนตัวของเธอมันก็คล้ายจะไม่เอื้อ
ในขณะที่ขวัญลดาก็บังเอิญได้ยินทั้งคู่คุยกันจึงยิ่งเครียด เธออยากได้งานก่อนแล้วค่อยย้ายอออก ตั้งแต่มาถึงจึงออกไปตระเวนหางานทำทุกวันแต่กลับไม่มีที่ไหนรับ สุดท้ายเกสรก็อดสงสารไม่ไหวจึงเสนอตัวหางานให้
“ฉันกลัวว่าจะทำไม่ได้”
“ไม่ได้ยากอะไรเลย แกแค่ไปเดินผ่านกล้องแค่นั้น นักแสดงสมทบพวกนี้ได้เงินดีด้วยนะ ทำงานไม่กี่ชั่วโมงได้เงินเกือบหมื่นแล้ว” ยอดเงินที่ได้ยินทำให้หัวใจของ ขวัญลดาพองโตแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงกังวล
“แต่เขาจะรับเราเหรอสร”
“รับ...เดี๋ยวเราบอกผู้กำกับให้” เกสรส่งยิ้มให้ ขวัญลดา เพราะเธอรู้จักกับผู้กำกับละครอยู่บ้าง เขาคือรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยซึ่งตอนนี้เธอก็ทำงานกับเขาที่กองถ่ายเช่นกัน
“แล้วถ้าเกิดแม่เห็นฉันในทีวีขึ้นมา”
“กว่าละครจะออนแอร์ก็อีกหลายเดือน ตอนนั้นแกอาจปรับความเข้าใจกับแม่แล้วก็ได้”
“อืม...งั้นฉันจะลองไปทำดู” ขวัญลดารับปากเพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าเดินเตะฝุ่นหางานอย่างในตอนนี้ ส่วนขวัญใจก็เครียดเป็นอย่างมาก นั่นเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าขวัญลดาจะหนีตัวเองไป
ส่วนเอกรัฐเมื่อถูกตาต้องใขขวัญลดาก็แวะเวียนมาหาทุกวัน แต่ขวัญใจก็บ่ายเบี่ยงที่จะให้เจอหน้า กระทั่งมารู้ความจริงว่าตอนนี้ขวัญลดาหนีไปแล้วและยังไม่รู้ว่าเธอไปอยู่กับใครที่ไหน เอกรัฐรู้สึกเสียหน้าจึงทวงเงินที่ขวัญใจติดไว้พร้อมขู่ว่าหากขวัญลดาไม่กลับมาแต่งงานเขาจะยึดบ้านหลังนี้ไปใช้หนี้ ขวัญใจพยายามขอร้องอ้อนวอนแต่เอกรัฐกลับไม่ได้มีท่าทีใจอ่อนแต่อย่างใด
เมื่อเอกรัฐกลับไปแล้ว ขวัญใจก็เดินไปเดินมาอยู่ภายในบ้านราวกับหนูติดจั่น สมองใช้งานอย่างหนักเพราะพยายามคิดว่าตอนนี้ขวัญลดาจะหนีไปอยู่กับใครที่ไหน กระทั่งนึกถึงพี่สาวของสามีขึ้นมาจึงรีบโทรศัพท์ไปหาทันที ทั้งๆ ที่ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว
“ขวัญไปอยู่กับพี่หรือเปล่า” ทันทีที่อีกฝ่ายกดรับสายแทนที่จะถามสารทุกข์สุกดิบกันก่อนเพราะไม่ได้ถามไถ่กันมานาน ขวัญใจกลับถามถึงแต่เรื่องขวัญลดา
“เปล่า เกิดอะไรขึ้นกับขวัญอย่างนั้นเหรอ” คนที่มีศักดิ์เป็นป้าเอ่ยถามถึงหลานสาวเพราะต่อให้ไม่ชอบขี้หน้าน้องสะใภ้แต่สำหรับหลานนั้นคือเรื่องยกเว้น
ตอนที่ขวัญลดายังเด็กๆ สร้อยก็เคยเลี้ยงดูป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่หลายเดือน ก่อนจะทะเลาะกับขวัญใจเพราะอีกฝ่ายหาว่าเธอขโมยเงินรวมถึงยังพูดจาไม่ดีใส่ต่างๆ นานา ส่วนน้องชายก็เข้าข้างเมียจนลืมพี่น้อง
