ep2
วิริญญามองใบหน้าที่รกไปด้วยหนวดเคราอย่างชั่งใจ เธอไว้ใจเขาได้มากแค่ไหน ในเมื่อทางข้างหน้าก็จะถึงไร่ภูตะวันอยู่แล้ว แต่ถ้าออกไปหาซื้อน้ำมัน เธอก็ไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน
“เอ่อ....ฉันเปลี่ยนใจดีกว่า ฉันไปที่บ้านคุณเคิร์กก่อนดีกว่า”
“อ้อ...ได้ครับ”
ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ ปิดประตูแล้วสตาร์ทเครื่องรอ หญิงสาวรีบวิ่งไปขึ้นรถ....เธอคิดว่าดีแล้ว...เธอตัดสินใจถูกแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะที่เอื้อเฟื้อ ฉันชื่อวิริญญาค่ะ คุณละคะชื่ออะไร” เธอชวนคุยอย่างเป็นมิตร
“แล้วคุณมาหาใครละครับ” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“เอ่อ....” ผู้ชายคนนี้ ดูไม่มีมารยาทเอาเสียเลย เธออุตส่าห์บอกชื่อเขาก่อน ความเป็นสุภาพบุรุษน่าจะทำให้เขารู้ว่าเขาควรจะบอกชื่อของเขามาด้วย
“ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอตอบแบบเมินๆ ไม่เห็นจะอยากรู้เลยว่าเขาชื่ออะไร ก็แค่ถามไปตามมารยาทเท่านั้น
เมื่อเธอเงียบ...เขาก็เงียบ รถวิ่งไปตามเส้นทางโรยกรวด ไม่นานนักก็เข้าสู่บ้านหลังงามเป็นเนินเขาที่มีต้นไม้เขียวขจี....ไม่น่าเชื่อว่าบ้านหลังงามนี้จะซ่อนอยู่ในความงดงามขนาดนี้
“สวยจัง....”
“ขอบคุณครับ”
ทันทีที่ได้ยินเขาตอบ ทำให้เธอชะงักแล้วหันมามองเขาอย่างรวดเร็ว
“ว่าไงนะคะ”
“ก็คุณชมบ้านผมไม่ใช่หรือครับว่ามันสวย”
“บ้านหลังนี้ของคุณหรือคะ”
“ใช่ซิครับ บ้านของผม”
วิริญญาเบิกตาโต....นี่บ้านของเขาเองหรือ งั้นเขาก็คือ..เคิร์ก มาร์ติน ลูกหนี้ของพ่อ ก็ไหนพ่อบอกว่าลูกหนี้เป็นเพื่อนกัน แต่ดูเขาซิ ยังหนุ่มอยู่เลย จะติดก็ตรงหนวดเครานี่ล่ะ
“สวัสดีอย่างเป็นทางการครับ คุณวิริญญา”
“แน่ใจนะคะว่าคุณคือ คุณเคิร์ก”
เขายิ้ม พยักหน้า...วิริญญายกมือไหว้ชายหนุ่มด้วยท่าทีเงอะงะเล็กน้อย ก็เธอไม่คิดนี่ว่าเขาจะเป็นเจ้าของไร่แห่งนี้ ดูท่าทางเขาซิ ซอมซ่อราวกับคนงานในไร่ก็ไม่ปาน แถมยังไม่ใช่คนแก่ใจดีอย่างที่เธอคิด
“คุณพ่อคุณ โทร.บอกผมก่อนล่วงหน้าแล้ว ว่าลูกสาวท่านจะมา ผมเห็นรถจอดอยู่ข้างทางก็รู้แล้วว่าคงเป็นคุณ ว่าแต่น้ำมันรถหมด ทำไมไม่รออยู่ที่รถละครับ”
เขาถามยืดยาว ก่อนที่จะรินน้ำแล้วยื่นให้เธอ แล้วเดินนำเธอไปนั่งเก้าอี้หวายรับแขก ที่นั่งนุ่มสบายๆ และเป็นกันเอง
“ฉันไม่อยากรอน่ะค่ะ แล้วที่นี่...ไม่มีแม่บ้านหรือคะ”
“มีครับ...แต่นี่เย็นแล้ว เขากลับบ้าน”
“คะ...หมายความว่า....”
“ในบ้านนี้ นอกจากผมก็มีคุณ...เท่านั้น”
วิริญญาเสียววาบ....เธอติดอยู่กับเขาในบ้านเพียงลำพัง แล้วรอบๆ มีแต่ไร่ข้าวโพด แถมตอนนี้เขาถอดหมวกออกแล้ว ดูเป็นหนุ่มหล่อที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน
“รถฉันจอดอยู่ข้างนอกนั่น”
“สักครู่ลูกน้องผมจะมาที่นี่ ขอกุญแจคุณด้วย เดี๋ยวผมจะให้เขาจัดการให้”
หญิงสาวยื่นกุญแจรถให้ทันที โล่งใจว่ายังไงเธอก็จะมีรถขับออกไปทันทีที่เจรจาหนี้สินกับเขาจบลง
“ฉันคุยธุระกับคุณได้หรือยังคะ”
“อ้อ....ได้ครับ ผมก็อยากจะถามอยู่เหมือนกันว่าคุณมาหาผมทำไม”
“คุณพ่อไม่ได้บอกหรือคะ?”
“เปล่าครับ คุณพ่อคุณบอกแค่ว่าคุณจะมาหาผมเท่านั้น”
“อ้อ....”
วิริญญาเงียบไปครู่หนึ่ง นึกเคืองพ่อที่ไม่ยอมบอกเขาไปซะเลย จะได้ทำให้การเจรจาของเธอง่ายขึ้น
“ว่าไงครับ...ธุระของคุณ”
เขาจ้องตาเธอ จนเธอสะเทิ้น เธอเพิ่งรู้ว่าสายตาของเขายิ้มได้ ทั้งที่ใบหน้าของเขา หากโกนหนวดเคราออกก็น่าจะน่ามองกว่านี้
“นี่ค่ะ...” วิริญญาควักเช็คออกมาจกกระเป๋าถือแล้ววางตรงหน้าเขา ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนแก่ใจดี แต่เขาก็น่าจะมีน้ำใจกับเธอ
“เช็คของผม”
“ใช่ค่ะ เช็คของคุณ”
“มันมีปัญหาอะไรหรือครับ ผมจำได้ว่ามันยังไม่ถึงกำหนดที่ผมจะต้องเอาเงินเข้าเช็คใบนี้”
“ใช่ค่ะ ยังไม่ถึงกำหนด”
เคิร์ก มองหน้าหญิงสาวแล้วยิ้มแบบเดิม หญิงสาวตรงหน้าดูท่าทางมุ่งมั่นและเอาแต่ใจ แต่คงใช้กับเขาไม่ได้ผล
“ฉันต้องการเงินจำนวนนั้นก่อนกำหนดนี่คะ”
เธอบอกเขาไปตรงๆ ก็พ่อบอกเธอมาแล้วนี่ว่าเพื่อนพ่อคนนี้เขาใจดีมาก
“คุณจะเอาเงินจำนวนนี้ไปทำอะไรหรือครับ”
วิริญญามองหน้าเขาอย่างถือดี ทำไมเธอจะต้องบอกเหตุผลของเขา ก็ในเมื่อเขาเป็นคนตีเช็คใบนั้น ย่อมถือเป็นลูกหนี้อยู่แล้ว ลูกหนี้จะมาอยากรู้อะไรกับเจ้าหนี้ เขาไม่มีสิทธิ์
