บทที่ 1.2 อาซาเลียแสนงาม
ปรารภ วิทยาไวยนนท์ หนุ่มหัวใจศิลป์ผู้รักความอิสระ เขาเปิดบริษัทเล็กๆ รับออกงานโฆษณาร่วมกับพี่ชาย เขาเดินทางมาเที่ยวประเทศเกาหลีเพื่อหารูปภาพสวยๆ ไปประกอบงานวาดของเขา แต่การเดินทางครั้งนี้เขาพบเจอหญิงสาวคนหนึ่ง เธอสวยงามจนเขาไม่อาจจะเดินผ่านไปได้ ถึงจะไม่แน่ใจว่าเธอเป็นชาวเกาหลีเขาก็ยังกล้าที่จะพูดทักทายทำความรู้จักกับเธอ หญิงสาวมีรอยยิ้มสดใสร่าเริง เมื่อใกล้แล้วเขารู้สึกเย็นใจ มีความสุขจนอธิบายไม่ถูกจริงๆ หัวใจขนาดเท่ากำปั้นมันสั่นระริกราวกับเจอขนมหวานที่โปรดปราน ปรารภแทบอยากจะเอาอะไรหนักๆ ทุบมันซักทีสองที เพราะกลัวว่าเสียงสั่นของมันจะทำให้เพื่อนร่วมทางตกใจ
“อะ เอ่อ คุณชื่ออะไรครับ”
“ไม่บอกค่ะ”
“แล้วผมจะเรียกชื่อคุณถูกได้ยังไงครับ”
“เราบังเอิญรู้จักกัน ฉันคิดว่าไว้รอให้เราไม่บังเอิญแบบวันนี้แล้วค่อยแนะนำตัวดีกว่าค่ะ” กุลนรีเลี่ยงที่จะแนะนำตัวให้เขารู้จัก เพียงครั้งแรกที่พบเจอหญิงสาวไม่ต้องการที่จะทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าโดยไม่จำเป็น
“ครับ...หิวหรือยัง”
“นิดหน่อยค่ะ”
“ทางด้านโน้นมีขนมน่าทานมากครับ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างเกรงใจ ยิ่งคุยกันไปนานภาษาเกาหลีของเขาก็ยิ่งทำให้เธอขำ นี่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษเขาคงจะคุยชัดถ้อยชัดคำทีเดียว
หลังจากนั่งพักเหนื่อยจิบกาแฟกันคนละแก้ว กุลนรีก็เหลือบมองนาฬิกาได้เวลาที่เธอจะต้องกลับแล้ว คนนั่งตรงกันข้ามเห็นว่าหญิงสาวดูเวลาเขาเองก็เข้าใจ รอยยิ้มสวยส่งให้เขาก่อนที่จะเอ่ยลา
“ฉันคงต้องกลับแล้วล่ะคะ”
“แล้วเจอกันครับ” ชายหนุ่มเผลอตอบอย่างลืมตัว
“ถ้าเราบังเอิญ...คงเจอกันอีกนะคะ”
“เช่นกันครับ คราวหน้าถ้าเจอกันผมจะเรียกคุณว่าอาซาเลีย” หญิงสาวฉีกยิ้มให้กับชื่อที่เขาตั้งให้ มันคือดอกไม้ที่เธออยากจะสัมผัสเมื่อเช้านี้ แต่เขาก็ห้ามเอาไว้เสียก่อนเพราะคิดว่าเธอจะไปเด็ดมันเอามาเชยชม
“อาซาเลีย ชอบชื่อนี้จังคะ” กุลนรียิ้มเอียงอาย หญิงสาวรีบเดินออกห่างจากเขาเธอกลัวว่าจะเผลอยิ้มให้เขาจนเกินงาม ยิ่งเขายิ้มตอบด้วยแล้วแก้มเนียนแดงระเรื่อทุกที
ห้องพักเล็กๆ ที่เธอใช้หลับนอนตลอดเวลาที่ศึกษาอยู่ในประเทศเกาหลี หญิงสาวนอนกลิ้งบนที่นอนขนาดสามฟุตมองเพดานสีขาวแล้วยิ้มราวกับว่ามีภาพของใครบางคนปรากฏขึ้นบนนั้น ตุ๊กตาที่อยู่ใกล้มือที่สุดถูกจับบิดไปบิดมาด้วยความเขินอาย เธอนึกถึงแต่ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ รอยยิ้มที่ผุดขึ้นยิ่งกว้างจนทำให้หน้าเรียวบานและแดงกล่ำ
“คนอะไรหล่อเป็นบ้า...แหมถ้ารู้จักกันมาก่อนยัยเอยไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอกฮึๆ”
“ติ๊ด ติ๊ด” เสียงกวนใจทำให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์ เธอมองดูหมายเลขที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือพร้อมเบ้ปากก่อนจะกดรับสาย
“ว่ายังไงคะคุณพี่สาว” กุลนรีได้ยินเสียงถอนลมหายใจเฮือกใหญ่จากปลายสาย
“ยัยเอย เมื่อไหร่จะกลับมารู้มั้ยมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง พี่ปวดหัวจะแย่อยู่แล้วนะ” กุลธิดาระบายความอัดอั้นในใจใส่คนฟังเป็นชุด
“เดี๋ยวสิพี่อิง ฟังไม่ทันเลย ใจเย็นๆ นะเอาทีล่ะเรื่องค่อยๆ เล่าให้เอยนะคะ”
“พะ พี่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ยัยเอยกลับประเทศไทยด่วนมีเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพี่ได้”
“เอยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละคะ”
“แล้วพี่จะอธิบายให้ฟังหลังจากที่ได้เห็นหน้าเธอแล้ว ได้โปรดนะจ๊ะยัยน้องรักรีบกลับมาด่วน”
“โอเคค่ะ แล้วเอยจะรีบจองไฟร์กลับทันทีนะคะ”
“ดีมากจ๊ะคนดีของพี่”
“กู๊ดไนท์ค่ะพี่อิง”
“แล้วเจอกันจ๊ะ จุ๊บ” ปลายสายสัญญาณเงียบสนิทแล้ว แต่ใบหน้าที่บูดบึ้งยังไม่ลดลง หญิงสาวคุ้นคิดต่างๆ นานาว่าทำไมพี่สาวถึงได้สั่งให้เธอรีบกลับประเทศไทย ทั้งๆ ที่กำหนดการกลับเป็นเดือนหน้าแท้ๆ ทริปท่องเที่ยวที่เตรียมไว้พักสมองต้องถูกยกเลิกโดยไม่รู้สาเหตุ โปสการ์ดสถานที่ท่องเที่ยวถูกยัดแบบลวกๆ ลงถังขยะข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์พร้อมสายตาละห้อยที่มาอาลัยอาวรณ์ กุลนรีถอนหายใจเสียงดังราวกับอัดอั้นอึดอัดอย่างมากก่อนจะตั้งต้นจัดข้าวของลงกระเป๋าเดินทาง
