บทที่ 7
ณิตาวางแก้วกาแฟไว้ตรงตำแหน่งเดิมเพื่อให้ประธานหนุ่มได้ดื่มกาแฟที่เธอบรรจงทำมาเป็นแก้วที่แปดทั้งๆ ที่เธอก็ใส่ทุกอย่างเหมือนเดิมทุกครั้ง แต่เขากลับบอกรสชาติแต่ละครั้งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“พอใช้ได้” เสียงเข้มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเงยหน้าจากแฟ้มงานสุดท้ายขึ้นมาสบตาเธอ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วถือโอกาสจับมือณิตาเดินไปหยิบกระเป๋าบนโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม
“ไปกันเถอะ”
“คะ..ไปไหนคะ แล้วก็ปล่อยมือดิฉันด้วยค่ะ” ณิตาถามด้วยความงุนงง ก่อนพยายามบิดมือออกจากมือใหญ่ของประธานหนุ่ม
“ไปทานข้าว”
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาพักของดิฉันค่ะ แล้วดิฉันก็ยังไม่ได้ทำงานของตัวเองเลยนะคะ”
“นี่แหละงานของคุณ”
ชายหนุ่มจึงปล่อยมือแล้วเปลี่ยนมาโอบเอวขอดกิ่วของหญิงสาวให้เดินออกจากห้องลงไปยังที่จอดรถซึ่งไรอันท์สั่งให้ครอสนำรถมารอรับเรียบร้อยแล้ว
เพี๊ยะ!!
เสียงฝ่ามือปะทะกับใบหน้าหล่อเหลาของประธานหนุ่มดังลั่นห้องจนเจ้าของใบหน้ารู้สึกชา
“มันจะมากไปแล้วนะคะท่านประธาน ฉันไม่ไช่คู่ควงของคุณ คุณถึงจะมาทำแบบนี้กับฉันได้”
ไรอันท์หันกลับมามองหญิงสาวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ไม่เคยมีใครตบหน้าเขามาก่อนหล่อนเป็นคนแรกที่กล้าทำ วินาทีนี้เป็นอันติดใจได้ทันทีว่าเขาต้องปราบพยศหญิงสาวให้อยู่หมัดให้ได้
ไรอันท์กระชากร่างบางเข้ามาปะทะกับอกแกร่ง กอดรัดหล่อนไว้แน่นไม่ให้ดิ้นหนีไปไหน
“เมื่อกี้คุณตบหน้าผม”
ณิตาพยายามสะบัดตัวออกจากการกอดรัดของเจ้านายหนุ่ม แต่ก็ไม่สามารถทำได้เมื่อมือทั้งสองข้างของเธอถูกล็อคไว้ด้วยตัวของบุรุษหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อแน่นไปทั้งตัว นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขากอดรัดเธอไว้แต่ครั้งนี้เขาจับเธอไว้แน่นจนไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่นิดเดียว ณิตาพยายามคิดที่จะใช้ศิลปะป้องกันตัวที่ร่ำเรียนมาแต่เหมือนมันจะใช้ไม่ได้ผลกับชายหนุ่มแม้แต่น้อย
“คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ”
“คราวนี้คุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก ตอนนั้นผมไม่ทันตั้งตัวแต่คราวนี้คุณไม่รอดแน่” ไรอันท์โน้มใบหน้ากระซิบใกล้ริมฝีปากอวบอิ่มของณิตาทำเอาใบหน้างามแดงก่ำไปจนถึงลำคอ
“ปล่อยนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย คุณไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรแบบนี้กับฉัน”
“ร้องไปเถอะ ลูกน้องผมข้างนอกจะไม่เข้ามาจนกว่าจะมีคำสั่งจากผมเท่านั้น แล้วผมก็จะทำให้ตัวเองมีสิทธิ์ในตัวคุณเดี๋ยวนี้แหละ”
“กรี๊ดดดด..อุ๊บ”
โดยไม่ทันตั้งตัว ปากได้รูปของซาตานร้ายฉกลงมาอย่างรวดเร็ว ปิดเสียงกรีดร้องของณิตาจนหมดสิ้น บดขยี้ริมฝีปากรุนแรงไร้ปรานี จนปากอิ่มชอกช้ำ ดื่มด่ำดูดดึงรั้งจนลิ้นเล็กๆ หนีไปไหนไม่ได้ หัวใจของณิตาเต้นแรง หายใจไม่ออก มือบางสองข้างที่สะบัดผลักไสเริ่มอ่อนลง ไรอันท์ผ่อนแรงกอดรัดเธอไว้ให้คลายลงกว่าเดิมลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่มไปทั่ว ร่างบางที่ขัดขืนรู้สึกเคลิ้มไปกับจูบรสกาแฟหวานนุ่มปล่อยให้ชายหนุ่มตักตวงความหวานจากปากหวานฉ่ำของเธออย่างลืมตัว
หลังจากสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดของประธานหนุ่มหล่อที่คลายอ้อมกอดลง ณิตาจึงรีบหนีออกมาจากห้องทำงานเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อกลับคอนโด เมื่อลงบันไดเลื่อนไปยังสถานีเพื่อซื้อตั๋วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเธอไม่ได้นำกระเป๋าติดตัวมาด้วย
“โอ๊ยยยย...อยากจะบ้าตายดันลืมหยิบกระเป๋ามาด้วย นี่ฉันต้องกลับไปเอากระเป๋าที่ห้องอีตาประธานหื่นกามนั่นเหรอเนี๊ย” ณิตาโวยวายกับตัวเองที่ลืมหยิบกระเป๋าติดมือมาด้วย
“จริงสิ...”
ณิตารีบวิ่งกลับไปยังโรงแรมที่ทำงานอีกครั้งแล้วตรงไปยังแผนกบัญชีที่มีเพื่อนเลขาคนสนิทอยู่ เพื่อขอความช่วยเหลือจากอลิสา
“แอม ตามีเรื่องจะให้ช่วย ช่วยตาหน่อยนะ ถ้าแอมไม่ช่วยตาไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว นะ นะ”
“เป็นอะไร ตา ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด แอมงงไปหมดแล้ว” อลิสาเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่ถามเพื่อนสนิทที่ร้อนรนวิ่งเข้ามาหา
“แอมขึ้นไปหยิบกระเป๋าของตาที่ห้องประธานให้หน่อยสิ”
“อ้าว แล้วกระเป๋าของตาไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง ” อลิสาถามณติตาด้วยความสงสัยในเมื่อเพื่อนของเธอไม่น่าจะมีธุระอะไรกับประธานบริษัทขนาดนั้น
“ตาจะเล่าสั้นๆนะ แต่แอมต้องสัญญากับตาก่อนว่าห้ามบอกใครและจะช่วยไปหยิบกระเป๋าให้ตา”
“โอเคสัญญา” อลิสารับปากเพื่อนสนิท
“ท่านประธานคือผู้ชายที่กอดตาที่หน้าผับ แล้วตอนเช้าเขาก็เรียกตาไปพบแล้วเขาก็บังคับให้ตาไปเป็นเลขาส่วนตัวของเขา แล้วเมื่อกี้เขาก็..ก็...จูบตา ตาก็เลยรีบหนีมา” น้ำเสียงณิตาตอนท้ายเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ขณะที่อลิสาตกใจจนอ้าปากค้าง
“อะไรนะ!!! จูบ!!ท่านประธานจูบตา”
“อย่าเสียงดังสิแอม นะ นะ ไปหยิบกระเป๋าให้ตาหน่อยนะ ตาอยากกลับแล้ว”
“ทำไมท่านประธานถึงจูบตา”
“ตาตบหน้าเค้า”
